สหรัฐอเมริกา คิกออฟ ‘ล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา’ | บทความต่างประเทศ

บทความต่างประเทศ

 

สหรัฐอเมริกา คิกออฟ

‘ล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา’

 

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเริ่มต้นโครงการยื่นเรื่องเพื่อขอ “ล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา” ให้แก่นักศึกษาชาวอเมริกัน คนละไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือครอบครัวมีรายได้ไม่ถึง 250,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ซึ่งโครงการนี้จะทำให้นักศึกษาที่ติดหนี้กู้ยืมจำนวน 20 ล้านคน “หมดหนี้” หากได้รับการอนุมัติ

ซึ่งรวมไปถึงนักศึกษาที่อยู่ในกลุ่มประสบภาวะการเงินอย่างหนัก และต้องกู้ยืมเงินในกองทุนเพลล์ แกรนต์ ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ที่จะได้รับการล้างหนี้คนละ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ

โดยหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐได้เปิดตัวโครงการอย่างไม่เป็นทางการเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตอนนี้ ปรากฏว่า มีผู้ยื่นเรื่องแล้วถึง 8 ล้านราย!!

ไบเดนยังได้ชักชวนบรรดาผู้กู้ยืมที่เข้าข่ายดังกล่าว ทั้งผู้ที่เป็นผู้ทำงานแล้ว และบรรดาชนชั้นกลาง ให้มาลงทะเบียนเพื่อยื่นเรื่องล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยระบุว่า เพียงแค่กรอกแบบฟอร์มผ่านเว็บ ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ก็เท่ากับว่า ผู้ที่ยื่นเรื่องล้างหนี้กู้ยืมก่อนหน้านี้ 8 ล้านคน กำลังอยู่ในขั้นตอนของการนำไปสู่การ “ปลดหนี้”

ซึ่งไบเดนเรียกโครงการนี้ว่า เป็นตัวเปลี่ยนสำคัญสำหรับชาวอเมริกันหลายล้านคน

U.S. President Joe Biden delivers remarks about the student loan forgiveness program from an auditorium on the White House campus in Washington, U.S., October 17, 2022. REUTERS/Leah Millis

การล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นหนึ่งในนโยบายที่ไบเดนเคยให้คำมั่นเอาไว้เมื่อตอนหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ต้องใช้เวลาในการพิจารณายาวนานถึงกว่า 1 ปี ท่ามกลางคำถามเกี่ยวกับเรื่องความถูกต้องตามกฎหมาย และมองว่าไม่เป็นธรรมสำหรับผู้ที่ใช้หนี้ไปหมดแล้ว และเงินที่นำมาสนับสนุนนโยบายนี้ อาจจะไม่ได้ช่วยเหลือกลุ่มคนที่ต้องการมากที่สุด

กระทั่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา “โจ ไบเดน” ก็ได้ประกาศล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา สำหรับผู้ที่มีรายได้ปีละไม่ถึง 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 250,000 ดอลลาร์ต่อปี และยังประกาศขยายเวลาพักชำระหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นครั้งสุดท้าย ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้ ก่อนจะเรียกเก็บอีกครั้งตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า

โดยข้อมูลจากทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ผ่านมาระบุว่า ปัจจุบันมีชาวอเมริกัน 43 ล้านคนที่ติดหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้น้อย และเป็นชนชั้นกลาง ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ติดหนี้อยู่ไม่ถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐราว 1 ใน 5 และมีลูกหนี้ราว 1 ใน 3 ที่ไม่มีวุฒิการศึกษา!!

ซึ่งโครงการล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษานี้ จะช่วยให้ผู้กู้ยืมราว 20 ล้านคน หรือ 45 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดหนี้ทั้งหมด “หมดหนี้” ไปโดยปริยาย

ไบเดนบอกในครั้งนั้นว่า การปลดหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษานี้ จะทำให้ผู้คนได้คืบคลานออกจากกองภูเขาแห่งหนี้สินได้ แล้วนำเงินไปจ่ายค่าเป็นอยู่ หรืออาจจะซื้อบ้าน หรือเริ่มต้นครอบครัว หรือเริ่มต้นธุรกิจ และจะช่วยให้ชาวอเมริกันที่เป็นชนชั้นแรงงานและครอบครัวชนชั้นกลาง ได้มีช่องว่างให้หายใจมากขึ้น

 

สําหรับโครงการล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาและการพักชำระหนี้นั้น เป็นแผนขั้นแรกของแผน 3 ส่วนของไบเดน ที่ออกมาเพื่อบรรเทาภาระของประชาชนคนวัยทำงานในสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19

เรียกได้ว่า เป็นโครงการที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีสำหรับบรรดาผู้กู้ยืมเงิน และครอบครัว ด้วยหวังว่าจะมีเงินเหลือเพียงพอต่อการนำมาดำรงชีวิตต่อไป

หากแต่อีกมุมหนึ่งของนักวิเคราะห์การเมืองมองว่า นโยบายการล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาครั้งนี้ ก็เพื่อเพิ่มคะแนนสนับสนุนของพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

แถมยังได้คะแนนเสียงจากฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ได้ประโยชน์จากการล้างหนี้ครั้งนี้ด้วย เพราะกว่าครึ่งของชาวอเมริกันที่ติดหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา มีอายุต่ำกว่า 35 ปี

เมื่อได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งหมดหนี้ อีกฝ่ายได้คะแนนนิยมเพิ่ม ก็วินวินทั้งสองฝ่าย!!

เครดิตภาพ “รอยเตอร์”