ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 ตุลาคม 2565 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
เงื่อนงำ อำพราง
หลอกล่อ ทารกบู๊ลิ้ม อาฮุย
เดินเข้า กับดักใหญ่
ข้อมูลจากลิ่มเซียนยี้ทำให้อาฮุยจำเป็นต้องให้ความสนใจ เพราะว่าเกี่ยวพันอยู่กับชะตากรรมของลี้คิมฮวงอย่างแนบแน่น
อาฮุยจำเป็นต้องเข้ามานอนหมอบอยู่บนสันหลังคาตึกตรงข้ามเอ็งฮุ้นจึง
ฟุบตัวอยู่เป็นเวลา 1 ชั่วยามเต็ม คล้ายเป็นแมวกำลังรออยู่หน้ารูมุสิก ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไม่มีความเคลื่อนไหวแม้สักน้อยนิด
มีแต่นัยน์ตาเท่านั้นที่คมวาวเป็นประกายเจิดจ้า
ซุ้มประตูใหญ่เอ็งฮุ้นจึงจึงเป็นเช่นกับวันอื่นๆ นั่นก็คือ มิได้ปิด แต่ ณ ปากประตูกลับเงียบเหงา
เงียบเหงาอย่างชนิดวังเวง
มิเพียงไม่เห็นรถราม้าต่าง หากแต่ยังมิใคร่เห็นผู้คนเข้าๆ ออกๆ กระนั้น อาฮุยกลับมิยอมชะล่า เลินเล่อ
นั่นเป็นการรอคอยเพื่อเข้าพบลี้คิมฮวงให้จงได้
เป้าหมายย่อมอยู่ที่คน และคนที่นำพาไปย่อมเป็นลิ่มจ้งก้วงซึ่งประจำอยู่ปากประตู กระทั่งได้เข้าไปยังห้องเก็บฟืน
“ลี้ตั้วเอี้ยถูกขังอยู่ในห้องนี้”
ห้องเก็บฟืนมีหน้าต่างบานเล็กๆ เพียงบานเดียว สภาพคล้ายกับห้องคุมขัง มืดครึ้มและเย็นยะเยือก ใต้ไม้ฟืนที่กองสุมราวภูเขาขนาดย่อมนอนขดตัวด้วยคนผู้หนึ่ง
ไม่ทราบสลบไสลหรือว่าเคลิ้มหลับ
พอเห็นชุดหนังเตียวที่คนผู้นี้สวมใส่เลือดลมในอกของอาฮุยก็พลุ่งพล่านขึ้น แม้แต่อาฮุยยังไม่เข้าใจว่าตัวเองไฉนมีน้ำมิตรไมตรีต่อคนผู้นี้อย่างลึกล้ำถึงเพียงนี้
อาฮุยพุ่งตัวไปกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ท่าน”
ยามนั้น ใต้ชุดหนังเตียวพลันปรากฏประกายกระบี่สายหนึ่งพุ่งวาบขึ้นมา ประกายกระบี่คล้ายสายฟ้า
ฟันใส่ 2 เท้าอย่างเร่งร้อน
เหตุเปลี่ยนแปลงนี้เหนือความคาดหมายผู้คนเกินไป กระบี่นี้รวดเร็วจริงๆ ดีที่ในมืออาฮุยยังถือกระบี่
กระบี่ของอาฮุยรวดเร็วยิ่งกว่า ถึงกับรวดเร็วจนเหลือเชื่อ
คนผู้นั้นแม้แทงกระบี่ออกก่อน แต่กระบี่ของอาฮุยซึ่งใช้ออกทีหลังกลับบรรลุถึงก่อน ได้ยินเสียงเคล้ง
ปลายกระบี่อาฮุยกลับจี้ถูกสันกระบี่ของฝ่ายตรงข้าม
คนผู้นั้นพลันรู้สึกสะท้านขึ้นทั้งลำแขน กระบี่ร่วง กระเด็นไป แต่คนผู้นี้นับเป็นยอดฝีมืออันดับเยี่ยมยิ่ง ในยามอันตรายก็ไม่ว้าวุ่นลนลาน พลิกตัวกลิ้งปราดออกไปไกลกว่า 2 วา
จวบจนตอนนี้จึงเผยโฉมหน้า ถึงกับเป็นอิ่วเล้งเซ็งที่ไปแล้วย้อนมา
อาฮุยไม่รู้จักมันและมิได้เหลือบแลมันแม้เพียงแวบ กระบี่พอจี้ไปร่างพลันถอยปราด มาตรว่าถอยรวดเร็ว
แต่จนใจที่ยังสายเกินไป
ที่นอกประตูมีกระบองหวายท่อนหนึ่ง ดาบทองอีกเล่มหนึ่ง สกัดทางถอยไว้ก่อนแล้ว อาฮุยชะงักร่างไว้
มีเสียงเกรียวดังสนั่นหวั่นไหว
ฟืนที่กองสุมไว้ราวภูเขาต่างพังทลาย ปรากฏเงาร่างโผล่ออกมาอีกราว 10 กว่าคน ต่างสวมอาภรณ์รัดกุม
มือถือกล่องหน้าไม้เล็งมายังอาฮุยเป็นเป้าเดียว
ผู้คน 10 กว่าคนนี้มือถือกล่องหน้าไม้ เล็งเป้าหมายมายังอาฮุย หน้าไม้ที่ประดิษฐ์คิดค้นโดยขงเบ้งชนิดนี้ยามยิงในระยะประชิดใกล้
มีอานุภาพกล้าแข็ง รุนแรงสุดเปรียบปาน
ไม่ว่าเป็นผู้ใด มีพลังฝีมือถึงเพียงไหนหากถูกหน้าไม้ของขงเบ้ง 10 กว่าคันเช่นนี้ล้อมกักในห้องเก็บฟืนห้องหนึ่ง
หากคิดเอาตัวรอดเกรงว่ายากเย็นกว่าปีนป่ายขึ้นสู่สรวงสวรรค์อีก
ณ เบื้องหน้ากลับเป็นฉั้งฉิกซึ่งยิ้มพลางกล่าว “ท่านยังมีคำพูดใดจะกล่าว” อาฮุยทอดถอนใจ ทรุดกายนั่งลงอย่างแช่มช้า
“เชิญลงมือ”
ฉั้งฉิกแหงนหน้าหัวร่อ “ประเสริฐ ประเสริฐ ท่านไม่เสียทีที่เป็นบุคคลอันรวบรัดสมใจ เราผู้แซ่ฉั้งพานส่งเสริมท่าน”
มันโบกมือวูบ หน้าไม้ทั้ง 10 กว่าคันพลันระดมยิงดุจห่าฝน
ขณะเวลาเดียวกันนั้นเอง อาฮุยกลิ้งไปกับพื้น มือซ้ายช่วงชิงโอกาสรวบเอากระบี่เต๊าะเซ้งเกี่ยมอันอิ่วเล้งเซ็งปล่อยหลุดร่วงลงกับพื้นขึ้นมา
ประกายกระบี่กระจายเป็นวงกว้าง คล้ายกำแพงเจิดจ้าล้อมอยู่รอบร่าง
หน้าไม้ถูกฟาดกระจายออกข้าง ประกายที่เป็นลูกกลมกลิ้งมาจนถึงปากประตู เตี่ยเจี้ยอั้วคำรามขึ้นด้วยโทสะ
ดาบทองของมันฟันฉับลงอย่างหนักหน่วง ถี่ เร็ว
มิคาด ดาบของเตี่ยเจี้ยอั้วมิทันฟันลง ในความเจิดจ้าปรากฏประกายกระบี่อีกสายหนึ่งพุ่งวาบออกมา
กระบี่ที่เร็วยิ่งกว่าสายฟ้า ยิ่งกว่าประกายไฟ
เห็นเช่นนั้นเตี่ยเจี้ยอั้วรีบเปลี่ยนกระบวนท่าด้วยความตื่นเต้นจนขวัญหาย แต่ไม่ทันเสียงฉึกดังขึ้นเบาๆ เมื่อปลายกระบี่แทงเข้าใส่คอหอยของมัน
โลหิตสดๆ ฉีดออกมาเป็นทางยาว
ประกายกระบี่ฉวัดเฉวียนแปลงเป็นม่านประกายวงหนึ่ง หน้าไม้ถูกกระแทกปลิวกระเด็น ม่านประกายกลายเป็นลูกกลมมหึมาหมุนวนถึงหน้าประตู
เตี่ยเจี่ยหงีคำรามด้วยโทสะ
ดาบทองใช้ออกด้วยท่า “ฟันภูเขาฮั้วซัวด้วยพลัง” (ลักเพ็กฮั้วซัว) ฟันลงอย่างเร่งร้อน หาคาดไม่ว่าดาบนี้ไม่ทันฟันลง
ในประกายวงกลมพลันปรากฏเงากระบี่สายหนึ่งพุ่งวาบออกมา
ความรวดเร็วของกระบี่นี้ถึงกับรวดเร็วดุจสายฟ้า
เตี่ยเจี่ยหงียามตื่นตระหนกคิดเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าก็ไม่ทันการณ์ เสียงฉึกเมื่อกระบี่แทงใส่คอหอยมัน
โลหิตฉีดพลุ่งราวพลุไฟดอกหนึ่ง
ฉั้งฉิกถอยกายไปครึ่งก้าว หวดกระบองย้อนกลับหลังลงมา แต่ยามนั้นประกายวงกลมแปลงเป็นรุ้งเหินอีกสายหนึ่ง
พุ่งฝ่าไปนอกประตู
ฉั้งฉิกคิดติดตามแต่แล้วก็ชะงักเท้า เมื่อเห็นเตี่ยเจี่ยหงียกมือกุมคอหอย ในลำคอบังเกิดเสียงดังครอกๆ
กลับยังไม่สิ้นใจ
อาฮุยเพียงคิดฝ่าวงล้อม จึงถือการทำร้ายคนเป็นเพียงเรื่องรอง ดังนั้น กระบี่กลับแทงเบี่ยงเบนไป 2 นิ้ว
พอดีแทงผ่านหลอดลมกับหลอดอาหาร ไม่ได้ถูกจุดชีวิต
เหลียวดูอาฮุย คนพุ่งปราดออกนอกประตูลานตึกน้อยแล้ว ฉั้งฉิกความจริงคิดติดตามออกไปต้องหดตัวกลับมา
เสียงฉึกเมื่อกระบี่ยาวปักใส่ผนังกำแพงด้านตรงข้าม
จนบัดนี้อิ่วเล้งเซ็งเจ้าของกระบี่ค่อยทอดถอนใจยาวพร้อมกับคำกล่าว “บุรุษหนุ่มผู้นี้มีฝีมือรวดเร็วยิ่งนัก ข้าพเจ้าเห็นมันร่ายรำกระบี่ด้วยมือซ้าย ในประกายกระบี่เกิดช่องโหว่ขึ้นต้องไม่อาจต้านทานหน้าไม้เทพยดาของบริวารฉั้งฉิกเอี้ย
ที่น่าประหลาดคือ มันกลับไม่ได้รับบาดเจ็บ”
อิ่วเล้งเซ็งเหม่อมองกระบี่ที่ปักอยู่บนผนัง ทอดถอนใจอย่างหนักหน่วง “วันนี้มันไม่สมควรมา ข้าพเจ้าก็ไม่สมควรมา”
ทำไมอิ่วเล้งเซ็งจึงได้กล่าวเช่นนี้
คําถามก็คือ ใครกันเล่าที่นำเนื้อความว่าด้วยการจับกุมลี้คิมฮวงไปแจ้งแก่อาฮุย เด่นชัดยิ่งว่าเป็นลิ่มเซียนยี้
คำถามก็คือ ไฉนอิ่วเล้งเซ็งจึงรู้ว่าอาฮุยจะมา
จึงไม่เพียงแต่มันจะแปลงร่างนอนขดอยู่ภายใต้ชุดเตียวสวมใส่รอคอยการมาของอาฮุยอย่างเยือกเย็น
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเตี่ยเจี่ยหงีพร้อมกับดาบทอง
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีกระบองหวายฉั้งฉิกและบริวารอีก 10 กว่าคนพร้อมหน้าไม้เทพยดาเตรียมจัดการกับอาฮุย
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระบบ เป็นขบวนการ
ทุกอย่างสะท้อนให้เห็นการวางแผนในลักษณะสมคบคิดระหว่างลิ่มเซียนยี้กับบรรดาจอมยุทธ์ทั้งหลาย
ถามว่าทั้งหมดอยู่ในความรับรู้ของเล้งโซ่วฮุ้นหรือไม่
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022