“เพื่อไทย” ปล่อยหมัดเด็ด เปิดโรดแม็ป “บันได 4 ขั้น” แคนดิเดต เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง “โอ๊ค” ร่วมทีมศูนย์เลือกตั้ง

พร้อมลงสนามสู้ศึกเต็มรูปแบบ สำหรับพรรคเพื่อไทยกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ความพร้อมครั้งนี้ต่างจากการเลือกตั้งปี 2562 โดยเฉพาะกฎกติกาที่เปลี่ยนกลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แบบเขต กับแบบบัญชีรายชื่อ คิดคำนวณด้วยสูตรหาร 100

เมื่อดูจากทุกองคาพยพและกระแสที่เทกลับมา ยิ่งสร้างความมั่นใจให้พรรคเพื่อไทยมากขึ้น

จากความพร้อมด้านนโยบาย การวางตัวผู้สมัคร ส.ส. รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น

ตลอดจนแรงหนุนส่งจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในคดีวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่กลายเป็นแนวร่วมมุมกลับ ช่วยให้พรรคเพื่อไทยหาเสียงง่ายขึ้น

ในสถานการณ์ฝ่ายตรงข้ามเพลี่ยงพล้ำ พรรคเพื่อไทยจึงเร่งตีเหล็กตอนร้อน เพื่อไปสู่เป้าหมายชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์

เริ่มจากการจัดงานฟอรั่มนโยบายครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อเปิดตัวนโยบายของพรรค

แม่งานหลักยังเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง ที่ขึ้นเวทีแจกแจงนโยบายบันได 4 ขั้นเพื่อหมุดหมายชีวิตใหม่ของประชาชนของพรรคเพื่อไทย

บันได 4 ขั้นเพื่อหมุดหมายชีวิตใหม่ของประชาชน

บันไดขั้นแรก “เพื่อศักยภาพใหม่” ของประเทศและประชาชนไทย ผ่านนโยบาย “1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ ซอฟต์เพาเวอร์” (One Family One Soft power : OFOS) สร้างเงินจากสมองและสองมือ ภายใต้ 3 สิ่งสำคัญ

พัฒนาศักยภาพคนไทยผ่านศูนย์บ่มเพาะที่อยู่ในชุมชน ทักษะต่างๆ เช่น อาหาร แฟชั่น กีฬา ศิลปะ ดนตรี

รวมถึงการเขียนโปรแกรม และความสามารถทางอี-สปอร์ตจะถูกถ่ายทอดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมส่งเสริมผลักดันความสามารถนั้นออกไปสู่เวทีใหญ่ ก้าวไปถึงระดับนานาชาติ

สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ แก้กฎหมายปิดกั้นโอกาส สร้างพื้นที่สร้างสรรค์ให้มากพอ และเชื่อมภาครัฐ ภาคเอกชนเข้ากับภาคประชาชน คือการเชื่อมผู้ผลิตเข้ากับแหล่งวัตถุดิบ

ออกแบบนโยบายต่างประเทศ เน้นการส่งออกสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม ใช้การทูตขยายอุตสาหกรรมซอฟต์เพาเวอร์ เปิดตลาดใหม่ๆ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

บันไดขั้นที่ 2 “เพื่อรายได้ใหม่” แก้หนี้สินด้วยการเพิ่มพูนรายได้ทวีคูณ ให้เศรษฐกิจประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจใหม่ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

บันไดขั้นที่ 3 “เพื่อสังคมใหม่” ความมั่นคงคือความปลอดภัยของทุกคนอย่างเท่าเทียม

บันไดขั้นที่ 4 “เพื่อการเมืองใหม่” ที่หลักนิติรัฐนิติธรรมเข้มแข็ง รัฐธรรมนูญต้องมีที่มาจากประชาชน วุฒิสภาต้องไม่มีอำนาจในการเลือกนายกฯ และรัฐของราชการต้องถูกเปลี่ยนเป็นรัฐของประชาชนอย่างแท้จริง กลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

“เรายังมีนโยบายอีกมากที่จะเล่าให้ประชาชนฟัง จะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ต่อเนื่องและครอบคลุม วันนี้เวลาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หมดแล้ว ถึงเวลานับถอยหลังสู่ความเข้มแข็งของประชาชน และความมั่นคงทางเศรษฐกิจภายใต้การนำของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย” อุ๊งอิ๊ง กล่าวบนเวทีช่วงหนึ่ง

น่าสนใจต่อจากนี้คือเป็นนโยบายเชิงรุกภาคเศรษฐกิจ ที่เตรียมทยอยปล่อยออกมา

 

ถัดมาอีกวัน พรรคเพื่อไทยเปิดศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส. เตรียมความพร้อมสู่การลงพื้นที่หาเสียง

บรรดาคีย์แมนการเมืองของพรรค ถูกระดมสรรพกำลังมาช่วยสู้ศึกเลือกตั้ง โดยศูนย์ฯ นี้ มีคณะทำงานทั้งสิ้น 55 คน แยกเป็น 6 กลุ่มงาน มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเป็น ผอ.ศูนย์ฯ

พร้อมกันนั้นยังได้ตั้ง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร กับ “โอ๊ค” พานทองแท้ สองพี่น้องตระกูลชินวัตร ลูกสาวคนเล็กกับลูกชายคนโตนายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาศูนย์ฯ

สะท้อนภาพความเอาจริงเอาจังในการเลือกตั้ง ที่หวังผลให้ไปถึงแลนด์สไลด์ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่วางไว้

นอกจากนี้ยังมีระดับที่ปรึกษาพรรคหลายคนเข้าร่วม อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล และนายชัยเกษม นิติสิริ รวมถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ที่ประกาศย้ำยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ ตั้งเป้าส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต

สำหรับรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน ยืนยัน “มีพร้อมแล้ว”

ความมั่นใจและความพร้อมของพรรคเพื่อไทย ทั้งจากการเริ่มทยอยปล่อยนโยบาย จนถึงตั้งศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ถือเป็นการส่งสัญญาณไปถึงทุกพรรคการเมืองกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2566

ตัวบุคคลที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญสำหรับเป้าหมายแลนด์สไลด์

นับตั้งแต่แรกก้าวเข้าพรรคเพื่อไทย ประเดิมตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ตามด้วยหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และล่าสุดที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง

ก็เป็นที่แน่ชัดว่า 1 ในแคนดิเดตนายกฯ ต้องมีชื่อของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รวมอยู่ด้วย

ตามกติกาเลือกตั้ง เปิดช่องให้แต่ละพรรคการเมืองเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ได้สูงสุดพรรคละ 3 คน คือจะเสนอ 1 ชื่อ 2 ชื่อ หรือ 3 ชื่อก็ได้

เหมือนการเลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทยเสนอ 3 ชื่อ ได้แก่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ

สำหรับเลือกตั้งปี 2566 ยังไม่ชัดว่าสุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทยจะเสนอแคนดิเดตนายกฯ กี่ชื่อ 2 ชื่อ หรือ 3 ครบตามจำนวน

แต่ที่แน่ๆ เมื่อ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ปรากฏข่าวยืนยัน ข้อสรุปเบื้องต้นพรรคเพื่อไทยได้ชื่อแคนดิเดตนายกฯ ชัดแล้ว 2 คน คือ “แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์

อีกคนคือ “เศรษฐา ทวีสิน” นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ซึ่งที่ผ่านมามีข่าวระแคะระคายหลุดออกมาทางหน้าสื่อบ้างแล้วเป็นระยะ แต่ครั้งนี้เป็นการออกข่าวยืนยันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์

ด้วยความรู้ความสามารถของนายเศรษฐา เป็นที่ประจักษ์จากการบริหารธุรกิจจนประสบความสำเร็จอย่างสูง คุณสมบัติสอดคล้องกับการแก้ปัญหาใหญ่ของประเทศขณะนี้คือ ด้านเศรษฐกิจ

มีความพร้อมครบถ้วนทั้งความรอบรู้ ประสบการณ์ เป็นนักบริหารธุรกิจขนาดใหญ่ และที่สำคัญ มีมุมมองทางการเมือง เป็นที่ยอมรับในจุดยืนด้านประชาธิปไตย

ด้วยคุณสมบัติดังที่กล่าวมา แกนนำเพื่อไทยจึงตัดสินใจเจรจาทาบทามนายเศรษฐา เข้าร่วมงานกับพรรคในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ประกบกับชื่ออุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ซึ่งในที่สุดนายเศรษฐาได้ตอบตกลง

ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยเชื่อว่า การได้ “เศรษฐา” มาประกบกับ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นการวางตัวแคนดิเดตนายกฯ ที่ลงตัว เพราะจะสามารถดึงดูดกระแสความนิยมได้ทั้งจากกลุ่มนักธุรกิจ คนรุ่นผู้ใหญ่ ไปจนถึงคนรุ่นใหม่

“จริงๆ แล้วไม่ต้องระบุชื่อก็ได้ ขอคนพร้อมและมีความสามารถ การเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ามีคนที่อยากจะเข้ามาช่วย ต้องเปิดโอกาสให้เข้ามา…จุดนี้ขอให้มองอนาคตประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ขอให้มีคนเก่งเข้ามา คือกำไรของประเทศ ตรงนั้นคือโฟกัส ขอให้รอลุ้นเพราะอยากให้ประเทศไปต่อ” อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ตอบคำถาม

กรณีมีการเปิดชื่อนายเศรษฐา จะเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1 ส่วน น.ส.แพทองธาร จะอยู่อันดับ 2

Photo by Manan VATSYAYANA / AFP

อีกเครื่องวัดความนิยมพรรคเพื่อไทยและ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก่อนมีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เข้ามาเป็นตัวหลักร่วมชูโรง คือผลสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ของนิด้าโพล จัดทำมาแล้ว 3 รอบในปี 2565

ผลโพลทั้ง 3 ครั้งในเดือนมีนาคม มิถุนายน และกันยายน บ่งชี้ถึงกระแสความนิยมพุ่งสูงต่อเรื่องทั้งในส่วนตัวบุคคล และพรรค

แม้ครั้งแรกยังเป็นรองทั้งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากก้าวไกล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ

แต่เมื่อมาถึงการสำรวจครั้งที่ 2 และ 3 ชื่อของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ก็พุ่งทะยานขึ้นมาอยู่ระดับเหนือกว่า ทิ้งห่าง พล.อ.ประยุทธ์ ไกลออกไป

ขณะที่ในส่วนของพรรคการเมือง ปรากฏว่าเพื่อไทยมีคะแนนประชาชนให้การสนับสนุนมากเป็นอันดับ 1 จากการสำรวจ 3 ครั้งซ้อน มากกว่าพรรคอื่นเกินเท่าตัว

ล่าสุด นิด้าโพล ยังสำรวจความเห็นประชาชน หัวข้อ “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนอีสาน” พบว่า

บุคคลที่คนอีสานจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ในวันนี้ อันดับ 1 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 36.45 เหตุผลเพราะเป็นคนรุ่นใหม่ นโยบายพรรคทำได้จริง และชื่นชอบผลงานตระกูลชินวัตร

อันดับ 2 ร้อยละ 12.65 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นอันดับ 4 ร้อยละ 9.85

สำหรับพรรคที่คนอีสานมีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส.เขต อันดับ 1 ร้อยละ 54.35 พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 13.60 พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 8.50 ยังไม่ตัดสินใจ

อันดับ 4 ร้อยละ 5.60 พรรคภูมิใจไทย และอันดับ 5 ร้อยละ 5.30 พรรคพลังประชารัฐ

อย่างไรก็ตาม ถึงผลสำรวจคะแนนนิยมของอุ๊งอิ๊ง และพรรคเพื่อไทย จะอยู่ระดับเหนือกว่าคนอื่น-พรรคอื่น แต่เป้าหมายแลนด์สไลด์ หรือการชนะเลือกตั้งได้ ส.ส. 250 เสียงขึ้นไป จะอย่างไรก็เป็นเรื่องยากและท้าทาย

หลายฝ่ายมองว่า ในการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะกวาด ส.ส.มากอันดับ 1 แน่นอน แต่จะ “แลนด์สไลด์” หรือไม่ ต้องติดตามดูกันต่อไป

ทำให้จากนี้ต้องจับตา “หมัดเด็ด” พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนโยบายพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ที่ทุกการเลือกตั้งเป็นจุดขายครองใจประชาชนมาตลอด

บวกกับกระแสแคนดิเดตนายกฯ “เศรษฐา-แพทองธาร” การจัดวางตัวผู้สมัคร ส.ส. ที่เริ่มชัดเจนลงตัว

นำมาสู่บทสรุปที่ว่า ชัยชนะแลนด์สไลด์ ถึงแม้จะยาก แต่ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้