จับกระแส 3 ป. “ใกล้อัสดง” เปิดตัว แคนดิเดตบัญชีชื่อนายกฯ | จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

“ศึกเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป” ครั้งที่ 28 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 ครั้งแรกหลังรัฐประหาร เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ถึงตอนนี้ เหลือเวลาอยู่ไม่ถึง 6 เดือนแล้วจะ “ครบเทอม 4 ปี”

“กระเบื้องใกล้จะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยกำลังถอยจม” สนามการเมืองเลยอึกทึกครึกโครม บรรดาเสือ สิงห์ กระทิง แรด แมลงสาบ… “น้ำดี-กเฬวราก” ทั้งหลายแหล่ เถื่อนกระโจน มาเอ็กเซอร์ไซส์กันคึกคัก

ชนวนที่ทำให้สถานการณ์การเมืองวุ่นวายขายปลาช่อน ตั้งแต่ไก่โห่ แม้ว่า “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” เสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 จะวินิจฉัยให้ “ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังไม่สุดติ่งกระดิ่งแมว

ยึดวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นจุดเริ่มต้นนับหนึ่ง ความเป็นนายกฯ ของ “บิ๊กตู่” จะไปสิ้นสุดหยุดลงในวันที่ 5 เมษายน 2568 ได้ไปต่ออีก 2 ปีเศษๆ จึงจะครบ 8 ปีบริบูรณ์

น้ำไหลเอื่อยตามกระแส ชัยชนะจะต้องตกเป็นผู้ทำตามกฎ…ทุกตำนานต้องมีจุดจบ

ประวัติศาสตร์จะจารึกชื่อว่าต้นตำรับ “พระรอดตลอดกาล” ไว้ก็จริง แต่กลับเป็นบูมเมอแรง แปรสภาพเป็นทุกขลาภ พลันที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ประสบชัยชนะได้ไปต่อ เมฆหมอกแห่งความตกต่ำดำมืดปกคลุมทั่วอาณาบริเวณ

เห็นจะจะ ตัวเป็นๆ จากกระจกเงาที่สะท้อนผ่าน “ลูกพรรคพลังประชารัฐ” จับมาวัดกระแสได้ในงานวันฉลองวันคล้ายวันเกิด “ครูใหญ่-เนวิน ชิดชอบ” ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผู้ก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย ครบ 64 ปี ที่ลานศิวะ 12 สนามช้างอารีน่า จ.บุรีรัมย์ เมื่อ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา

ปรากฏว่ามี ส.ส.ต่างพรรคไปสวามิภักดิ์ แห่นาคไปแจ้งความจำนงขอย้ายต้นสังกัด มาศิโรราบซบ “ภูมิใจไทย” มากถึง 28 ชีวิต ในจำนวนนั้น มีลูกแถว พปชร.ร่วมสังฆกรรมอยู่ด้วย 8 พระหน่อ

ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ยังมีข่าวต่อจิ๊กซอว์เพิ่มมาด้วยว่า “กลุ่มปากน้ำ” ลมใต้ปีกของ “อัศวเหม” 6 ที่นั่ง ก็เตรียมย้ายฐานมาสมทบ “ค่ายสีน้ำเงิน” โดยอาศัยคอนเน็กชั่นของ “รุ่นลูกกับรุ่นลูก” เป็นโซ่ข้อกลางคล้องใจ เชื่อมสัมพันธ์ให้

ขณะเดียวกัน “สุชาติ ตันเจริญ” ก็ถูก “ลูกมดดำ” ดึงตัวกลับบ้านหลังเก่า “เพื่อไทย” สรุปแล้ว แม้ “พล.อ.ประยุทธ์” กลับมาเกิดใหม่ “ได้ไปต่อ” แต่กระแสนิยมเสื่อมทรุด ชนะมาก็ไร้ประโยชน์

ดังนั้น เมื่อไม่มีคำว่า “ตลอดกาล ทุกตำนานมีจุดจบ” ผู้สันทัดกรณีจึงประเมินว่า “บิ๊กตู่” อาจจะถึงเวลาประกาศลงจาก “หลังเสือ” วางมือ ก่อนศึกเลือกตั้งใหญ่ในช่วงกลางปี 2568 ตอนนี้กำลังมองหาหนทาง และกลวิธี ลงอย่างไร ท่าไหน “ไม่ให้เสือกัด”

การที่ “พี่น้อง 3 ป.” สายลมแห่งโชคชะตากำลังพัดผ่าน พากันร่วงโรย “ใกล้อัสดง” ส่งผลให้สมรภูมิแห่งประชาธิปไตยทางตรงของประชาชนพลเมือง ก็เริ่มมีคนใหม่ๆ กล้าประกาศ เจตนารมณ์ แหวกม่าน ไหลเข้ามาสู่วงการมากขึ้น

รายล่าสุด ดังเกรียวกราวไม่น้อยทีเดียว เมื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้คร่ำหวอด และประสบผลสำเร็จแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ เบอร์ต้นๆ แถวหน้า ชื่อถูกขว้างออกมาถามทางว่า ได้รับการเสนอชื่อเป็น 1 ใน 3 ของ “พรรคเพื่อไทย” ให้นั่งแคนดิเดตบัญชีชื่อนายกรัฐมนตรี

เคยเกริ่นนำมาก่อนหน้านี้หนหนึ่งแล้วว่า “ผู้นำประเทศไทย” ในเวลานี้ ต้องหามืออาชีพจากนักบริหาร มีความรู้ความสามารถ มีผลงานเชิงประจักษ์จากองค์กรของตัวเองมาเป็นแบบแผน เป็นปัจจัยในการกำหนดทิศทาง กติกา เพื่อช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองเหมือนบริษัท

ประเทศไทยในช่วง 3 ปีมานี่หลังโควิด-19 แพร่ระบาด ต้องยอมรับว่าบอบช้ำหนักทุกเรื่อง ไม่ว่าเศรษฐกิจ สังคม ความอดอยาก ยากจน แผ่กระจาย สิทธิเสรีภาพถูกจำกัด ทาสยาเสพติดพุ่งกระฉูด ผลต่อเนื่องอัปยศสุดขีด

บุคคลที่เคยโฟกัสไว้ ว่ามีจุดลงตัวมากที่สุด ที่จะมาช่วยประเทศไทยในตอนนี้ “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

นอกจากประสบผลสำเร็จจากธุรกิจพลังงานครบวงจรแล้ว ยังก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง ขยายไปยังธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ทั้งบริษัท อินทัช โอลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท แอดวาซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) จนผงาดกลายเป็นผู้ถือหุ้นมูลค่าสูงติดอันดับโลก และเบอร์ 1 ของประเทศไทยในเวลานี้

แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะเล่นการเมืองมาตลอด เป็นกัลยาณมิตรกับทุกค่ายมากกว่า

Photo by Manan VATSYAYANA / AFP

ขณะที่ “เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายราย การันตีแล้วว่า เจ้าตัวตัดสินใจแน่นอน พร้อมจะก้าวมาเป็นหนึ่งในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

“พรรคเพื่อไทย” วางตัว “เศรษฐา” ไว้นานแล้ว แต่ยังอุบไต๋ ไม่เปิดเผย รอเคลียร์ที่เคลียร์ทางจนบรรลุ จึงปล่อยของออกมา แกนนำมีการปรึกษาหารือกันหลายกลุ่ม หลายรอบ เห็นพ้องต้องกันว่า ในภาวะบ้านเมืองเช่นนี้ เขามีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด น่าจะใช้ความรู้ความสามารถฟื้นฟูประเทศ โดยนำความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ บวกด้วยประสบการณ์ที่มีผลสำเร็จจากการบริหารธุรกิจขนาดใหญ่ และนำวิสัยทัศน์ด้านปัญหาสังคม มองทะลุเห็นภาพ มาแก้ปัญหา

“เพื่อไทย” จำลองบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปไว้เช่นเดียวกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 วางตัวไว้ 3 คน “เศรษฐา ทวีสิน” ตามด้วย “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลำดับที่ 2 อีกคนลำดับที่ 3 กำลังอยู่ระหว่างคัดกรอง

ขณะเดียวกัน ระหว่าง ส.ส.เขตเลือกตั้ง กับบัญชีรายชื่อ ก็แบ่งแยกกันเด็ดขาด ทำกันคนละหน้าที่ โดย ส.ส.เขตจะรับผิดชอบฝ่ายนิติบัญญัติในสภาอย่างเดียว ส่วนบัญชีรายชื่อ เบอร์ต้นๆ ที่อยู่ในข่ายได้เป็น ส.ส.จะแยกส่วนทำหน้าที่ในสภาเท่านั้น ขณะที่ลำดับท้ายๆ เป็นบุคคลที่ถูกวางตัวให้อยู่ฝ่ายบริหาร กรณีที่พรรคได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล