สงคราม ‘ปืน-ยาเสพติด’ ความจำเป็นต้อง ‘ล้อมคอก’ เยียวยาโศกนาฏกรรม ‘หนองบัวลำภู’

บทความในประเทศ

 

สงคราม ‘ปืน-ยาเสพติด’

ความจำเป็นต้อง ‘ล้อมคอก’

เยียวยาโศกนาฏกรรม ‘หนองบัวลำภู’

 

เป็นโศกนาฏกรรมที่สะเทือนใจคนไทยและทั่วโลกเป็นอย่างมาก สำหรับเหตุการณ์กราดยิงที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตจำนวน 38 คน รวมผู้ก่อเหตุ และประชาชนได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง

เหตุอุกฉกรรจ์ในครั้งนี้ ผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจนอกราชการ เคยรับราชการอยู่ที่ สภ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู ก่อนจะถูกไล่ออกจากราชการเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หลังก่อเหตุได้หลบหนี และกลับไปยิงตัวตายพร้อมลูกและภรรยาที่บ้านพัก

เหตุการณ์สะเทือนขวัญในครั้งนี้กลายเป็นประเด็นที่ถูกรายงานข่าวไปทั่วโลก ถือเป็นเหตุการณ์กราดยิงที่อุกอาจและโหดเหี้ยมอีกครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

เหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้สร้างความเศร้าสลดให้กับคนในสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก ที่กำลังนอนหลับในช่วงพักกลางวัน หนึ่งในนั้นอายุน้อยสุดเพียง 3 ขวบ จึงทำให้สังคมมีอารมณ์ร่วม เต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้นผู้ก่อเหตุ

โดยเหตุการณ์กราดยิงอย่างโหดเหี้ยมที่หนองบัวลำภูในครั้งนี้ เกิดขึ้นซ้ำรอยเป็นครั้งที่สองต่อจากเหตุกราดยิงที่ห้างเทอร์มินอล 21 ที่โคราช ในปี 2563 ผู้ก่อเหตุในครั้งนั้นเป็นทหารยศจ่าสิบเอก

ส่วนครั้งนี้เป็นอดีตตำรวจ ถือเป็นเหตุสะเทือนขวัญสองครั้งติดที่ผู้ก่อเหตุอยู่ในฐานะ “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” และใช้อาวุธในหน้าที่ทำการก่อเหตุกับประชาชนผู้บริสุทธิ์

หลังเกิดเหตุและข่าวสารถูกแพร่ออกไป “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจ กลับได้รับคำตอบว่า “ให้ทำยังไงล่ะ ก็คนมันติดยา”

ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์คำพูดดังกล่าวของ พล.อ.ประวิตรเป็นจำนวนมาก ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่อยู่ในระหว่างลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์นี้ พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนลงไปช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต

ส่วนตัวนายกฯ เองลงพื้นที่ในวันต่อมา พร้อมสั่งจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตเบื้องต้นรายละ 200,000 บาท

ด้าน “พรรคฝ่ายค้าน” ก็ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย “รังสิมันต์ โรม” โฆษกพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊กของพรรค ระบุว่า

“ผมต้องขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผลเสียจากเหตุการณ์กราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภูเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากอดีตตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและถูกให้ออกจากราชการ เป็นเหตุการณ์ที่น่าคิดทำไมตำรวจที่ควรจะมีหน้าที่ในการปราบปรามยาเสพติดถึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเอง มันเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรตำรวจ กับโครงการตำรวจควรจะมีหน้าที่พิทักษ์ความปลอดภัยให้กับประชาชน

จริงๆ ปัญหาเรื่องแบบนี้ควรจะถูกแก้ไขได้ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เหตุการณ์กราดยิงที่โคราช หรือการคลุมถุงดำที่นครสวรรค์ แต่ต้องยอมรับความจริงว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยนำพาเพื่อจะแก้ปัญหาลักษณะนี้เลยพวกเขามักจะโทษว่าปัญหาการกราดยิงหรือการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนเป็นเรื่องของตัวบุคคล รัฐบาลไม่ต้องทำ ต้องปรับ หรือแก้ปัญหาอะไร เมื่อรัฐบาลโยนความผิดตำรวจบางนาย สุดท้ายประชาชนจึงต้องเผชิญชะตากรรมและความสูญเสียที่บ่อย บ่อยครั้งก็มักจะเป็นของพวกเรา นี่คือระเบิดเวลาที่รัฐบาลนี้เอาไว้ให้กับพวกเรา เราไม่มีทางรู้ว่าอนาคตเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว อย่างที่เกิดขึ้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เกิดขึ้นที่ไหน และจะต้องมีอีกกี่ชีวิตที่จบชีวิตลง

ผมอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลนี้ป้องกัน แก้ปัญหา ปฏิรูประบบราชการทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว

วันนี้สิ่งที่เราอยากเห็นมากที่สุดคือรัฐบาลทำให้มั่นใจว่าตำรวจทุกคนจะใช้อาวุธปืนของพวกเขาในการปกป้องประชาชน ไม่ใช่หันปืนเข้าหาประชาชน เพราะไม่ควรมีใครหรือครอบครัวไหนแบบนี้อีกแล้ว”

“นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อกรณีเหตุกราดยิงที่ศูนย์เด็กเล็ก ด้วยเช่นกัน

“ผมรู้สึกเศร้าและสะเทือนใจอย่างที่สุด และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวผู้สูญเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการสังหารผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยมที่ศูนย์เด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ในวันนี้ ไม่มีอะไรจะมาทดแทนความสูญเสียของทุกคนในวันนี้ ผมและสมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคนขอแสดงความเสียใจ และขอส่งกำลังใจให้ครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และขอเรียกร้องภาครัฐให้เร่งสอบสวนการสังหารผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมากในครั้งนี้ รวมทั้งเร่งเยียวยาญาติ และครอบครัวผู้เสียชีวิตตามกฎหมายโดยเร็ว

พรรคเพื่อไทยขอประณามการสังหารผู้บริสุทธิ์ และการใช้ความรุนแรงในสังคม และขอเรียกร้องรัฐบาลให้เร่งหาสาเหตุ และออกมาตรการไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก”

โศกนาฏกรรมในครั้งนี้นำมาซึ่งการตั้งคำถามของสังคมในหลายๆ เรื่อง ทั้งปัญหายาเสพติด การถือครองอาวุธปืนของผู้ก่อเหตุ และการหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคต โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่กลับมากระจายหนัก ถูกนำไปเปรียบเทียบกับยุคของอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชิณวัตร” ที่มีการปราบปรามอย่างจริงจังด้วยวิธีฆ่าตัดตอนซึ่งช่วยลดปัญหายาเสพติดได้จริง แต่วิธีการกลับไม่ถูกใจกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศและต่างประเทศจนเกิดการต่อต้านในช่วงนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้จึงเป็นสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยขอประกาศฟื้นนโยบาย “ทำสงครามกับยาเสพติด” ขึ้นมาอีกครั้ง

“สุทิน คลังแสง” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “The Politics ข่าวบ้านการเมือง มติชนทีวี” โดยระบุว่า เชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก ตราบใดที่ยาเสพติดยังมีอยู่ในชุมชน รัฐบาลควรรีบหาแนวทางป้องกันและแก้ไขเป็นการด่วน

“เราเชื่อว่ามีโอกาสเกิดขึ้นอีก เพราะองค์ประกอบยังมีครบ วันนี้คนติดยาเสพติดอยู่ในระดับเดียวกับผู้ก่อเหตุ เราเชื่อว่ามีทุกชุมชน เพียงแต่ว่ายังไม่มีอะไรมาจุดมาปะทะอารมณ์เขาให้เกิดเหตุเหมือนหนองบัวลำภู และศูนย์เด็กเล็กก็ยังมีอยู่ทุกตำบลเหมือนกัน ความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ผมว่าสุ่มเสี่ยงมาก เพราะฉะนั้น ต้องรีบหามาตรการป้องกัน

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก หนึ่งเฉพาะความสูญเสียที่หนองบัวลำภูมันเป็นกรณีที่สะเทือนขวัญมาก ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดอีก สองเรื่องนี้ทั้งโลกจับตาดูประเทศไทย เกิดแล้วมีการสรุปบทเรียนหรือไม่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราต้องตระหนักก็คือระดับพระประมุขของประเทศเสด็จลงไป แล้วเราอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไร ฉะนั้น ผมว่ารัฐบาลอย่าขวางจะถูกต้องที่สุด”

“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวมติชนทีวี มองว่าเหตุสลดที่ จ.หนองบัวลำภู ครั้งนี้มีต้นเหตุส่วนหนึ่งจากยาเสพติด ถ้าตำรวจเป็นผู้นำประเทศจะเข้าใจปัญหาและจัดการเรื่องนี้ได้ดีกว่าทหาร

โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังบอกอีกว่า 3 ป. มีส่วนต้องรับผิดชอบทุกคน พร้อมเสนอแนะใช้มาตรการเก็บปืนออกจากสังคมให้หมด

 

 

ฝั่ง “พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ยาเสพติด รวมถึงการสุ่มตรวจปัสสาวะตำรวจทุกนายตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

รวมถึง รมว.ศึกษา “น.ส.ตรีนุช เทียนทอง” ก็ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ศธ. เพิ่มความเข้มงวดและกำหนดมาตรการเข้า-ออก ล้อมรั้วสถานศึกษาให้มิดชิดและปลอดภัย เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกเข้ามาก่อเหตุซ้ำอีกเช่นกัน

โศกนาฏกรรมกราดยิงหนองบัวลำภูในครั้งนี้ กลายเป็นบาดแผลใหญ่ที่ยากจะลืมเลือนของสังคมไทยอีกครั้ง ต้นตอความสูญเสียยังคงมาจากเรื่องของปืนและยาเสพติด ที่ถึงเวลาต้องนำไปถอดบทเรียนอย่างจริงจังเสียที

แต่จนท้ายที่สุดก็ยังไม่มีผู้มีอำนาจคนไหนออกมารับประกันและให้ความมั่นใจกับประชาชน ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่หวนกลับมาเกิดซ้ำอีกในอนาคตแม้แต่คนเดียว