9 สมุนไพรพอเพียง ที่ควรปลูกในบ้าน เพื่อรักษาอาการต่างๆดังนี้

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ

โครงการสมุนไพรเพื่อการพึงพาตนเอง มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaihof.org

9 สมุนไพรพอเพียงปลูกในบ้านเรา

เรามาเดินตามรอยในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านทรงริเริ่มไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา

พื้นที่แห่งนั้นได้ ส่งเสริมการขยายพันธุ์และศึกษาวิจัยสมุนไพรมากมาย ผลงานเพื่อประชาชนไทย ดังเช่น การเพาะกล้าสมุนไพรหลายสิบชนิด เช่น ไพล เสลดพังพอน ว่านสาวหลง และหญ้าหนวดแมว ฯลฯ รวมถึงกล้าไม้ที่เป็นทั้งอาหารและยา เช่น มะขาม ขี้เหล็กบ้าน มะกอกน้ำ ฯลฯ เพื่อให้มีกินมีใช้ในครัวเรือน และเกษตรกรสามารถนำผลผลิตไปจำหน่ายสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวอีกด้วย

ถ้าจำลองศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ มาไว้ที่บ้าน เราจะสืบสานงานของพระองค์ท่านได้ไม่ยาก แม้ว่าเวลานี้จะเข้าปลายฝนต้นหนาวไม่เหมาะกับการเพาะปลูกพืชสมุนไพร แต่เราก็สามารถทำได้ อาจเตรียมการหรือเสาะหาพืชหลายชนิดมาปลูกได้เลย

ลองนึกดูว่าถ้าให้เลือกสมุนไพรสัก 9 ชนิด ผู้อ่านจะเลือกต้นใดมาปลูกบ้าง? ทางมูลนิธิสุขภาพไทยขอยกตัวอย่างไอเดียสมุนไพรที่จะครอบคลุมการพึ่งตนเองและช่วยบำบัดอาการไม่สบายที่คนเป็นกันบ่อยๆ ซึ่งเป็นสมุนไพรหาง่าย ปลูกง่าย ใช้ได้จริง

ดังนี้

1)คนเป็นโรคกระเพาะกันมาก อาจรวมถึงปัญหากรดไหลย้อน

อันนี้กิน กล้วยน้ำว้า ทุกวันจะบรรเทาอาการได้ หรือตามสูตรยาสมุนไพรดั้งเดิม เขาให้ใช้กล้วยหักมุกมาฝานแล้วตากแดดให้แห้ง นำไปบดผงกิน

แต่ก็ใช้กล้วยน้ำว้าดิบๆ ฝานตากแดด แล้วบดผงกินได้ ปัจจุบันมีทำเป็นแคปซูลกินแก้ปวดท้องโรคกระเพาะ

นอกจากนี้ กินกล้วยทุกวันยังดีต่อสุขภาพ กล้วยช่วยเพิ่มพลังงาน มีแคลเซียมสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นยาอายุวัฒนะ กินแล้วยังช่วยให้หลับสบาย

แนะนำให้เคี้ยวให้ละเอียด เพราะกล้วยมีแป้งอยู่จำนวนมาก

ถ้าไม่เคี้ยวให้ละเอียด กระเพาะลำไส้ก็ทำงานหนักในการย่อย

บ้านใครที่ปลูกกล้วยนะ

2)คนเรามีโอกาสท้องอืดเฟ้อ และไม่สบายมีไข้ได้เสมอ

แนะนำ ตะไคร้ ใกล้ตัว

นำมาล้างแล้วต้มน้ำดื่ม ปรุงน้ำตาลเล็กน้อย หรือกินแบบธรรมชาติก็ได้

ควรกินขณะอุ่นๆ จะช่วยให้สบายท้องและลดไข้

อีกทั้งยังช่วยขับปัสสาวะ แก้อาการปัสสาวะขัด ที่มักจะเป็นในผู้สูงอายุได้ด้วย

ตะไคร้ยังช่วยขับลมในท้อง กินแล้วสบายตัวแน่

การปลูกก็ไม่ยาก จะปลูกในกระถางหรือลงดินก็ได้

3)ท้องผูกแล้วหากท้องเสีย ก็ต้องปลูก ทับทิม ไว้

ต้นนี้เป็นพืชมีมาแต่โบราณ กล่าวไว้ตั้งแต่สมัยกรีก ชาวยิว ชาวฮินดู (อินเดีย) ชาวจีน เรียกว่าทุกแหล่งอารยธรรมสำคัญของโลก ต่างยกย่องต้นไม้นี้ทั้งนั้น ประโยชน์มากมาย

ในที่นี้ขอแนะนำเบื้องต้นว่า ใบหรือเปลือกผลทับทิมใช้เป็นยาแก้ท้องเสียได้ดี ใช้ได้ปลอดภัยกับเด็กที่ท้องเสียด้วย

หากปลูกพันธุ์ให้น้ำมาก น้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงลดความเสี่ยงมะเร็ง และช่วยการทำงานของหลอดเลือดต่างๆ

ส่งเสริมสุขภาพของหัวใจ หรือบำรุงสุขภาพทั่วไปด้วย

4)คนในครอบครัวเราจะต้องเคยมีอาการไอ เจ็บคอ เป็นหวัดแน่ๆ

ถ้าได้ปลูก มะนาว ไว้ก็เสมือนมีตู้ยาสามัญประจำบ้านแน่นอน

ทำน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งจิบกินจะบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ ช่วยกัดเสมหะด้วย

และหากทำกินเป็นประจำ วิตามินซีในมะนาวช่วยป้องกันหวัดได้ด้วย มะนาวยังเป็นยาทาภายนอก ใช้ผสมดินสอพองแต้มแก้สิว

บางคนใช้ทาผิวหน้าบางๆ ช่วยบำรุงผิวพรรณด้วย

5)ความสวยงามก็จำเป็น ปลูกเครื่องสำอางสักต้นดีไหม

พืชนี้ใช้มาตั้งแต่ยุคอียิปต์สมัยคลีโอพัตรา คือ ต้นว่านหางจระเข้

นอกจากประทินผิวแล้ว สรรพคุณดีเยี่ยมยังแก้แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ที่แต่ละบ้านอาจประสบเจอ และยังสามารถนำเนื้อวุ้นว่านหางจระเข้มาล้างน้ำให้สะอาดและกินครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ซึ่งปัจจุบันคนไทยเป็นกันมาก

ข้อระวังคือ บางคนแพ้ง่าย ให้ทดสอบดูก่อน โดยทาที่บริเวณหลังใบหู (ผิวอ่อน)

หากไม่มีอาการแพ้ขึ้นผื่นก็ใช้ได้

6)เราทุกคนมีโอกาสเป็นไข้ เจ็บคอกันเสมอๆ ปลูก ฟ้าทะลายโจร ไว้เลย

ต้นนี้ปลูกครั้งเดียวแพร่กระจายได้มากมาย

แม้เป็นพืชล้มลุกแต่แพร่เมล็ดแห้งได้เป็นหลายสิบเท่า

ทำกินเองจะต้องทนความขม แต่สยบอาการเจ็บคอได้ชงัด

และไม่ต้องเสี่ยงการกินยาปฏิชีวนะเกินจำเป็นยามที่ท่านเจ็บคอด้วย

7)ต้นนี้ก็ลดไข้ แต่แนะนำปลูกไว้ทำเป็นยาอายุวัฒนะ คือ บอระเพ็ด

ไม้เถายอดยาไทยต้นหนึ่ง มีสรรพคุณ แก้ไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงกำลัง บำรุงไฟธาตุ ช่วยเจริญอาหาร

หากปลูกไว้มากก็เรียนรู้ทำบอระเพ็ดแช่อิ่ม

อย่าให้หวานจัด กินเป็นขนมที่ได้สรรพคุณบำรุงกำลังได้ด้วย

หรือทำขายเพิ่มรายได้

8)สมุนไพรต้นนี้ ไม่ต้องปลูกก็มาขึ้นเองได้ แต่ต้องถนอมรักษาไว้ คือ ตำลึง

แต่ถ้าจะปลูกก็ทำได้ 2 วิธี คือเพาะเมล็ดและปักชำด้วยเถา

ตำลึงเป็นอาหารสมุนไพร กินเป็นอาหารช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้

ทำกินเป็นอาหารก็ยังช่วยดับร้อน แก้ไข้ได้ด้วย

นำมาตำใช้น้ำทาเป็นยาภายนอกแก้อาการคัน แก้พิษแมลงกัดต่อยก็ได้

หรือใครที่มีอาการผิวหนังอักเสบ ใบหน้าร้อนจากโดนแดด คั้นน้ำตำลึงทาก็ช่วยได้

9)พืชสุดท้ายที่แนะให้ปลูกประจำบ้าน เหมาะกับยุคสมัยที่เรายังต้องเผชิญกับสารเคมีอันตรายทางการเกษตรปนเปื้อนมาในผักผลไม้ ต้นรางจืดเถา ต้นนี้ นำมาต้มน้ำหรือชงเป็นชาร้อนๆ กินประจำ ช่วยลดพิษยาฆ่าแมลงต่างๆ ได้ รางจืดยังเป็นยาโบราณที่ใช้แก้พิษเบื่อเมา พิษจากเห็ด พิษโรคสุราเรื้อรัง และกินแก้ไข้ก็ได้

ทั้ง 9 ชนิดเป็นไอเดียจากมูลนิธิสุขภาพไทยให้เป็นพืชกลุ่มแรกที่หามาปลูกไว้ใช้ในครัวเรือนที่สามารถดูแลสุขภาพที่เป็นกันบ่อยๆ ได้ในชุมชน ท่านอาจปรับประยุกต์และเพิ่มให้เหมาะสมได้

…ชีวิตพอเพียงเริ่มจากปลูกสมุนไพรพอใช้ในชีวิตของเรา