คุณประยุทธ์ สู่เส้นทางรัฐประหารและความรุนแรง | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

เพียงสัปดาห์แรกที่ศาลรัฐธรรมนูญให้คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังพักงาน การเมืองไทยที่เคยสงบนิ่งก็กลายเป็นความขัดแย้งวุ่นวายไปหมด

บรรยากาศปรองดองช่วงคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการ หายไปทันทีที่คุณประ ยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ และการเมืองน้ำเน่าแบบแถลงข่าวอย่างไม่ฉลาด ก็กลับมายึดพื้นที่ข่าวโดยสมบูรณ์

เห็นได้ชัดว่าคุณประยุทธ์กลับมาพร้อมการปรับตัว และหนึ่งในเรื่องที่คุณประยุทธ์พยายามปรับตัวคือการสื่อสารความเป็นผู้นำที่เห็นอกเห็นใจประชาชนมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น การปรับแผนลงพื้นที่น้ำท่วมที่อุบลฯ จากพฤหัสฯ ที่ 6 ตุลาคม เป็นขอนแก่นและอุบลฯ ในอังคารที่ 4 ตุลาคม ซึ่งคุณประยุทธ์ในอดีตไม่เคยทำเลย

เมื่อคำนึงว่าอุบลฯ และขอนแก่นถูกน้ำท่วมตั้งแต่ปลายกันยายน คำประกาศลงพื้นที่วันที่ 6 ตุลาคม ย่อมเป็นหลักฐานของความใส่ใจประชาชนน้อยจนน่าเกลียด เพราะคุณประยุทธ์ลงพื้นที่ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมตั้งแต่น้ำเริ่มท่วมเลยก็ได้ หรือจะลงพื้นที่หลังศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นนายกฯ ต่อในวันที่ 30 กันยายน ก็ได้เช่นกัน

ช่วงเวลาที่คุณประยุทธ์ไม่ทำอะไรเรื่องน้ำท่วมคือใบเสร็จของความไม่อาทรประชาชน จึงมีเหตุให้สงสัยว่าคุณประยุทธ์มองทุกข์ข้อนี้เป็นโอกาสหาเสียงเท่านั้น เพราะน้ำท่วมขอนแก่น, อ่างทอง, เชียงใหม่, สุโขทัย, ร้อยเอ็ด, โคราช, เพชรบูรณ์ ฯลฯ ผ่านไปโดยคุณประยุทธ์ไม่ลงพื้นที่สักครั้งเดียว

ด้วยพื้นฐานจากตัวตนที่คุณประยุทธ์เป็นจริงๆ คุณประยุทธ์คือตัวอย่างของคนซึ่งความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็จบที่นั่น การลงพื้นที่น้ำท่วมที่อุบลฯ และขอนแก่นกลายเป็นหลักฐานของการใช้ความเดือดร้อนชาวบ้านเพื่อสร้างภาพ

หรือพูดตรงๆ คือคุณประยุทธ์ไม่มีภาพบวกกลับมาเลย

ภาพที่คุณประยุทธ์ต้องการสร้างโดยลงพื้นที่น้ำท่วมคือความเป็นผู้นำที่เห็นอกเห็นใจ (Empathy) แบบชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สารที่คุณประยุทธ์จงใจส่งให้สื่อจึงได้แก่คำสั่งผู้ว่าฯ ขอนแก่นว่าไม่ต้องเกณฑ์คนมาถือป้ายต้อนรับอีก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในการลงพื้นที่ก็ฟ้องว่าคุณประยุทธ์จริงๆ เป็นอย่างไรอยู่ดี

ยังไม่ทันที่คุณประยุทธ์จะย่างเท้าพ้นขอนแก่นและอุบลฯ รายงานเรื่องคุณประยุทธ์ถูกมองว่า “จัดฉาก” ก็ถูกตีแผ่เยอะไปหมด ตัวอย่างเช่น ใช้ทหารตำรวจนับร้อยคุมพื้นที่, เก็บป้ายประท้วง, ตรวจสอบชาวบ้านที่ร่วมงานลงพื้นที่, ล็อกคอและต่อยคนประท้วง รวมทั้งปิดถนนจนร้านค้าเดือดร้อนและไรเดอร์โวย

ต่อให้คุณประยุทธ์จะไม่ได้สั่งผู้ว่าฯ เกณฑ์คนมาถือป้ายและจัดฉากอวย การลงพื้นที่ของคุณประยุทธ์ก็นำไปสู่การกวาดล้างการแสดงออกของความคิดที่แตกต่างให้หายวับไปสิ้นเชิง

วิธีลงพื้นที่แบบคุณประยุทธ์จึงถูกกล่าวหาเป็นการ “จัดฉาก” แต่แค่เปลี่ยนจากจัดฉากอวยเป็นจัดฉากไม่ให้มีคนเห็นต่างเลย

ตัวตนของคุณประยุทธ์ที่ฝังรากลึกไปถึงดีเอ็นเอ คือไม่ว่าจะในสถานะไหน เป็นคนที่ไม่ฟังความเห็นใครเลย เอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่ กวาดล้างคนเห็นต่าง และทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนอื่นเป็นแค่อุปกรณ์สนองความต้องการของคุณประยุทธ์เพียงคนเดียว

โลกของคุณประยุทธ์เป็นโลกแห่งการถูกกล่าวหาว่าจัดฉากเพื่อบังคับให้ทุกคนทำตามความต้องการคุณประยุทธ์ตลอดเวลา คนไทยรู้จักคุณประยุทธ์ในฐานะ ผบ.ทบ.ปี 2556 จากเรื่องห้ามขายผัดกะเพราในโรงอาหาร ทบ.เพราะคุณประยุทธ์เหม็น ซึ่งทั้งหมดสะท้อนความเป็นคุณประยุทธ์ที่แท้ได้อย่างดี

ด้วยความเป็นคุณประยุทธ์ที่ไม่ฟังและไม่เห็นหัวใคร สัปดาห์แรกที่คุณประยุทธ์กลับมาทำหน้าที่นายกฯ จึงเป็นสัปดาห์ที่การเมืองกลับคืนมาเป็นความขัดแย้งจากสิ่งที่คุณประยุทธ์พูดและทำทั้งหมด

ตัวอย่างเช่น การให้คนใช้ทรานซิสเตอร์ช่วงน้ำท่วมในเวลาที่โลกมีโทรศัพท์มือถือแล้วหลายสิบปี

รัฐเผด็จการอยู่ได้โดยหลอกประชาชนว่าจะได้ผู้นำที่ฉลาดและดี และถึงแม้คุณประยุทธ์จะเป็นผู้นำที่ดีหรือเลวคงเถียงกันได้เยอะ เรื่องคนผู้นี้ฉลาดหรือไม่คงไม่มีอะไรเถียงอีก คุณสมบัติที่ต้องการกินรวบทุกอย่างโดยไม่มีวิสัยทัศน์จึงเป็นเสมือนหลุมดำที่ทำลายทุกอย่างของคุณประยุทธ์เอง

ถ้าสัปดาห์แรกที่คุณประยุทธ์กลับมายังสร้างความขัดแย้งและการต่อต้านได้ขนาดนี้ ระยะเวลาจากนี้จนกว่าจะยุบสภาและเลือกตั้งใหม่คงเป็นช่วงที่ความขัดแย้งเพิ่มขึ้นทวีคูณ ซึ่งเท่ากับแผนสร้างภาพใหม่เพื่อสร้างความยอมรับของคุณประยุทธ์ไม่สำเร็จ ไม่ว่าการต่อต้านจะดำเนินไปรูปแบบใดก็ตาม

ด้วยความต้องการกินรวบอำนาจเพียงผู้เดียวโดยไม่สนใจความยอมรับจากประชาชน คุณประยุทธ์ที่ต้องการเดินหน้าสู่การเป็นนายกฯ ให้เต็มเพดานปี 2566 หรืออย่างน้อยก็ยุบสภาหลังประชุมเอเปคจึงเป็นคุณประยุทธ์ที่ต้องทำทุกทางเพื่อควบคุมไม่ให้อำนาจหลุดลอยไปจากตัวเอง

ในเงื่อนไขที่คุณประยุทธ์ทำอะไรก็มีแต่คนเกลียดไปหมด วิธีที่คุณประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ต่อไปได้ก็มีแต่การคาดหมายว่าอาจะต้องรัฐประหาร, ล้มการเลือกตั้ง, ใช้อำนาจนอกระบบบีบพรรคการเมือง หรือให้ผลประโยชน์แก่พรรคการเมืองเพื่อหนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ท่ามกลางความเกลียดชังของประชาชน

(Photo by MANAN VATSYAYANA / AFP)

แน่นอนว่าวันนี้คงเร็วไปที่จะสรุปว่าคุณประยุทธ์จะใช้แผนการไหนในการตอบสนองความต้องการครองอำนาจไปจนตายกันไปข้าง แต่ที่แน่ๆ ข่าวรัฐประหารและการล้มการเลือกตั้งคือเรื่องที่ลือกันสนั่นวงการการเมือง ซ้ำกระแสข่าวนี้ก็ร้อนแรงจนลามถึงทำเนียบกับกระทรวงกลาโหมในบั้นปลาย

จริงอยู่ว่าข่าวนี้ถูกโฆษกกลาโหมปฏิเสธว่าไม่มีมูล แต่คำปฏิเสธการรัฐประหารในไทยไม่มีอะไรต่างจากคำปฏิเสธของโจรว่าจะไม่ปล้น, ไม่ค้ายา และไม่ข่มขืน

ซ้ำตัวคุณประยุทธ์เองก็ปฏิเสธว่าจะไม่รัฐประหารมาตลอดปี 2556 แต่พอถึงปี 2557 ก็ทำเรื่องผิดกฎหมายและยึดประเทศจนปัจจุบัน

ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนบอกคุณประยุทธ์ตอนไปอุบลฯ ขอนแก่นว่า “ขอให้เป็นนายกฯ ไปจนตาย” และที่จริงเรื่องนี้อาจเป็นความมุ่งหมายของคุณประยุทธ์จริงๆ

จนกลายเป็นการแพร่สะพัดของข่าวรัฐประหารและล้มการเลือกตั้งว่ามีโอกาสเกิดขึ้นอีกในระยะยาว

(Photo by PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP)

ทางเดียวที่คุณประยุทธ์จะเป็นนายกฯ โดยไม่ยึดอำนาจและไม่ล้มเลือกตั้งคือการได้รับความสนับสนุนจากพรรคการเมืองอย่างถล่มทลาย แต่ปัญหาตอนนี้คือไม่มีใครต้องการให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป ทางเลือกที่คุณประยุทธ์จะมีอำนาจต่อโดยไม่ใช้กำลังหรือความรุนแรงจึงแทบไม่มีเลย

ล่าสุด ส.ส.พรรคพลังประชารัฐได้ประกาศแล้วว่าจะส่งคุณประวิตรเป็นแคนดิเดตนายกฯ อีกคน และถึงแม้รัฐมนตรีพรรคหลายคนจะระบุว่าพรรคยังไม่มีมติ แรงกระเพื่อมแบบนี้คือสัญญาณว่าพลังประชารัฐกลุ่มที่ไม่หนุนประยุทธ์กล้าเปิดตัวจนพร้อมจะมีมาตรการที่ยกระดับขึ้นอย่างแน่นอน

ในกรณีของพรรคภูมิใจไทยซึ่งคุณอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเพียงพรรคเดียวที่แสดงความยินดีกับคุณประยุทธ์วันชนะคดี คุณเนวิน ชิดชอบ ได้ประกาศแล้วว่าศึกเลือกตั้งรอบนี้ต้องทำให้คุณอนุทินเป็นนายกฯ รวมทั้งทำให้พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.มากกว่า 100 เท่ากับโตขึ้นจากเดิมเกือบ 50%

ถ้าไม่นับพรรคก้าวไกลซึ่งทุกคนเป็นนักการเมืองใหม่จนไม่มี “บ้านใหญ่” และไม่มี “กลุ่มการเมือง” เลย พลังประชารัฐและภูมิใจไทยก็คือที่รวมของนักการเมืองแนว “บ้านใหญ่” และ “กลุ่มการเมือง” ที่มี ส.ส.รวมกันใกล้เคียงเพื่อไทยมากที่สุด หรือเท่ากับคุณประยุทธ์เสี่ยงที่จะไมมี ส.ส.สนับสนุนเลย

คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคไทยภักดีเป็นสองกลุ่มที่ควรจะสนับสนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ จนตาย แต่คุณสุเทพก่อนศาลตัดสินคดี 8 ปีก็ไม่ตอบว่าสนับสนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไปอีก เช่นเดียวกับคุณถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดีที่ก็ตั้งเงื่อนไขซึ่งทำให้ไม่มีทางหนุนคุณประยุทธ์ได้เลย

กองหนุนคุณประยุทธ์ที่ชัดๆ ตอนนี้มีเพียงพรรคคุณแรมโบ้และพรรคคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แต่สองพรรคนี้ไม่มีทางมีคะแนนเสียงพอจะหนุนคุณประยุทธ์ชิงนายกฯ ได้ เว้นแต่จะดูด ส.ส.จากพลังประชารัฐซึ่งก็จะกลายเป็นความขัดแย้งกับคุณประวิตร โอกาสที่สองพรรคนี้จะเติบโตจึงไม่มีเลย

เส้นทางของคุณประยุทธ์ในการเป็นนายกฯ ถึงปี 2568 ไม่ใช่เรื่องง่าย และภายใต้ข้อจำกัดของการชนะในการเลือกตั้งทั้งหมด ทางเลือกของคุณประยุทธ์ในการรักษาอำนาจเหมือนจะเหลือเพียงแค่การใช้กำลังซึ่งเป็นวิถีทางที่คุณประยุทธ์ทำตลอดมา