ทุกครั้งที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับอัตชีวประวัติของใครก็ตาม

คำถามหนึ่งที่ผมจะถามเจ้าของประวัติชีวิตทุกคน คือ เคยล้มเหลวเรื่องไหนมาบ้าง

หรือมีครั้งไหนที่ทำผิดพลาดบ้าง

เพราะผมไม่ต้องการให้หนังสือประวัติบุคคลที่เขียนเป็น “หนังสืองานศพ”

มีแต่ความดีงาม

ไม่เคยผิดพลาดเลย

เพราะชีวิตแบบนี้ไม่ใช่ชีวิตจริง

ชีวิตของคนเราต้องมีเรื่องราวที่ประสบความสำเร็จ

และเรื่องที่ล้มเหลว

มีรอยยิ้ม

และมีบาดแผล

เชื่อไหมครับว่าทุกคนที่ยอมเล่าเรื่องความผิดพลาดในชีวิต

เขาเล่าได้ละเอียดมาก

แทบจะจำได้ทุกความรู้สึก

เพราะอะไรก็ตามที่ “เล่นจริง-เจ็บจริง”

จะจำนาน

ในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติปีนี้ ผมมีหนังสือเล่มใหม่แล้วครับ

ตอนที่คิดว่าแนวหนังสือเล่มใหม่จะเป็นเรื่องอะไรดี

ผมก็คิดถึงเรื่อง “ความผิดพลาด” ขึ้นมา

แต่มองในมุมใหม่

ในอดีตเรามักจะถูกเตือนเสมอให้ระวังความผิดพลาด

ทำถูก ได้คะแนนหรือคำชมเชย

คนที่ทำผิดพลาดจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง

ด้วยกรอบนี้เองทำให้คนไม่กล้าลงมือทำ เพราะกลัวจะทำผิด

ทั้งที่ในโลกแห่งความจริง ทุกคนล้วนเคยผิดพลาด

เพราะคนที่ไม่เคยทำผิด คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย

ผมมอง “ความผิดพลาด” คือเรื่องปกติธรรมดาที่ทุกคนต้องเผชิญ

“บทเรียน” ในโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียง “บทเรียน” ที่ได้จาก “ความสำเร็จ” เท่านั้น

“ความล้มเหลว” ก็เป็นหนึ่งใน “บทเรียน” ที่มีคุณค่าและทุกคนต้องเรียนรู้

โดยเฉพาะในโลกยุคใหม่ที่ความเปลี่ยนแปลงเดินทางเร็วมาก

เราไม่มีทางทำนายได้เลยว่าโลกจะเปลี่ยนไปทางไหน

ถ้ากลัวผิด เราจะอยู่กับที่

เคลื่อนที่ช้ากว่าการหมุนของโลก

การลองผิด-ลองถูกจึงเป็นเรื่องสำคัญ

“โธมัส อัลวา เอดิสัน” นักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ของโลกก็คิดแบบนี้

เขาไม่กลัวความผิดพลาด

สิ่งประดิษฐ์ที่ประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้แก่ “เอดิสัน” มีไม่กี่ชิ้น

แต่ที่ล้มเหลวมีมากมายกว่าหลายเท่า

คนรุ่นใหม่ยุค “สตาร์ตอัพ” จึงมีวิธีคิดแตกต่างจากคนรุ่นก่อนๆ

เขาเชื่อเรื่อง “ล้มเร็ว-ลุกเร็ว”

หรือ “ล้มไปข้างหน้า”

กล้าลองผิดลองถูก และเรียนรู้จากความผิดพลาด

ครับ ถ้าชีวิต คือการเรียนรู้

บางที “ผิด” อาจสำคัญกว่า “ถูก”

เพราะทุกครั้งที่ผิด เราจะได้ความรู้ใหม่เสมอ

“ชีวิตผิดได้” เป็นหนังสือชุดฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ เล่มที่ 29 ครับ

เป็นหนังสือที่เกิดจาก “ความผิดพลาด” อย่างแท้จริง

เพราะหนังสือเล่มนี้ควรจะออกตั้งแต่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเดือนเมษายน

แต่เพราะทำไม่ทันก็เลยต้องขยับมาออกในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติแทน

…ชีวิตผิดได้ครับ

งานประณีตที่ต้องใช้ความละเมียดละไมก็แบบนี้ล่ะครับ

…แฮ่ม

และอีกเรื่องหนึ่งนอกเหนือความคาดหมายของทุกคน คือ ชื่อหนังสือ

ที่ผ่านมาทุกคนจะเคยชินกับชื่อหนังสือยาวๆ

มองโลกง่ายๆ สบายดี

ดีที่สุดในสิ่งที่เป็น

คือ ลมหายใจ ไม่ใช่อากาศ

การสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง คือ การเริ่มต้นของสิ่งใหม่เสมอ

หรือเล่มล่าสุด

เราต่างเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กัน

หลายคนคงคาดว่าเล่มใหม่จะต้องยาวประมาณ 2 บรรทัดอย่างแน่นอน

แต่ 555

ทุกคนคิดผิดครับ

ชื่อหนังสือเล่มใหม่แค่ 4 พยางค์เท่านั้นเอง

“ชีวิตผิดได้”

เรื่องนี้ถ้าอธิบายกันแบบไม่ละอายต่อบาป

ผมอยากจะบอกว่าชื่อหนังสือของนักเขียน คือ การบ่งบอกวัยของคนเขียนครับ

“หนุ่มเมืองจันท์”

นามปากกาก็ชัดเจนอยู่แล้ว

ครับ สังเกตไหมครับว่าไม่มีวัยรุ่นคนไหนใส่เสื้อผ้าพอดีตัว

ถ้าไม่ “สั้น” ไป

ก็ต้อง “ยาว” เกิน

แฮ่ม…ชื่อหนังสือก็เช่นกัน

อีกเรื่องหนึ่งที่ผิดพลาดครับ

ผมอยากช่วยสำนักพิมพ์มติชนขายหนังสือ ก็เลยคิดจะเปิดจองหนังสือ “ชีวิตผิดได้” ทางเพจของผม

เริ่มต้นด้วยการสอบถาม “ความสนใจ” เล่นๆ ก่อน

ปรากฏว่ามีคนบอกว่า “สนใจ” เกิน 1,000 คน

ผมจึงตัดสินใจเปิดจอง

ก่อนเปิดจอง ผมกับ “แพน” ผู้ช่วยของผมวางแผนการทำงานทั้งเรื่องวิธีการรับจอง โอนเงิน และต้นทุนการจัดส่งอย่างละเอียด

ตอนแรกคิดว่าจะลดราคาหนังสือ 10% หรือ 20 บาท และจัดส่งฟรี

เพราะคำนวณจากส่วนลดของผู้เขียนที่ได้จากสำนักพิมพ์มติชนแล้วพอคุ้มทุน

แต่นึกอีกที เปลี่ยนใหม่ดีกว่า

เอาส่วนลด 20 บาทไปสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าว ของ “ตูน บอดี้สแลม”

ถือว่าคนเขียนกับคนอ่านได้ทำบุญร่วมกัน

สุดท้าย ก็เปิดจองหนังสือพร้อมลายเซ็นทางเพจของผม

เปิดตอน 10 โมงเช้า

เชื่อไหมครับว่าข้อความใน inbox เข้ามาไม่หยุด

ทีมงาน 4 คนต้องไล่ตอบแบบไม่ได้หยุดพัก

นึกว่าวางแผนดีแล้ว แต่เจอยอดจองถล่มทลายแบบนี้

ระเนระนาดเลยครับ

แต่น้องๆ ก็เก่งมาก ปรับแผนรับมือได้ในเวลาอันรวดเร็ว

แฟนหนังสือก็น่ารัก ไม่มีใครวีนเหวี่ยง

มีแต่ให้กำลังใจและเข้าใจว่าเป็น “มือใหม่”

สุดท้ายผมต้องขอปิดรับยอดจองในวันต่อมาตอนประมาณทุ่มเศษ

เพราะยอดจองทะลุ 1,200 เล่ม

เพียงแค่เวลา 33 ชั่วโมง

ทั้งเหนื่อย ทั้งสนุกครับ

นึกในใจว่าเหมือนชื่อหนังสือเลย

…ชีวิตผิดได้

แต่ผิดแบบนี้มี “ความสุข” ครับ