อาวดี้ ‘Q5 PHEV’ เอสยูวีเสียบปลั๊ก จัดเต็มชุดแต่ง ‘S line’ – ‘black Edition’ / ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

[email protected]

 

อาวดี้ ‘Q5 PHEV’ เอสยูวีเสียบปลั๊ก

จัดเต็มชุดแต่ง ‘S line’ – ‘black Edition’

 

ด้วยเสียงตอบรับที่ล้นหลามของสาวก “อาวดี้” ที่มีให้กับเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหญ่ อย่าง “Audi Q7 TFSI e” และ “Audi Q8 TFSI e” ที่เข้ามาสร้างกระแสในบ้านเราเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ตามแนวทางการทำตลาดของอาวดี้ที่จะรุกรถยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น จึงชิมลางด้วยรถยนต์กลุ่ม “PHEV”

มาถึงช่วงท้ายไตรมาส 3 อาวดี้ ตอกย้ำอีกรอบด้วยการส่งรุ่นกลาง “Audi Q5 PHEV” มาเป็นตัวช่วยดันยอดขายปลายปี

แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย

The New Audi Q5 55 TFSI e quattro และ The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e quattro

มาพร้อมชุดแต่ง “S line” และ “S line black Edition” ให้เลือก

 

ภาพลักษณ์ภายนอกตามเทรนด์ของอาวดี้ ที่หน้าตาคล้ายๆ กับรุ่นพี่

กระจังหน้าหกเหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ในกรอบสีเงิน ด้านในเป็นแผงสีดำพร้อมสัญญลักษณ์ “4 ห่วง”

ไฟหน้า LED มาพร้อมไฟ daytime เปิดปิดไฟหน้าและปัดน้ำฝนอัตโนมัติ

ต่ำลงมาเป็นไฟตัดหมอกอยู่ในกรอบโครเมียมทรงเหลี่ยม

รุ่น Audi Q5 55 TFSI e ชุดแต่ง S line สี Chromium พร้อมกับล้อขนาด 19 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ภายในเบาะคู่หน้าแบบสปอร์ตปรับไฟฟ้า ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระ 3 โซน ระบบช่วยปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารก่อนเริ่มขับขี่ Comfort key และ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว

รุ่น S line Black Edition ให้รองเท้าใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 20 นิ้ว และชุดแต่ง S line Black Edition ซึ่งถูกตกแต่งด้วยขอบคิ้วกระจกและช่องลมต่างๆ สีดำ

ภายในเป็นแบบ S line เดียวกัน พวงมาลัยแบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมสัญลักษณ์ S line เบาะแบบ Sport ลาย Diamond cut หุ้มหนัง Fine Nappa พร้อมสัญลักษณ์ S line

ระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Bang&Olufsen พร้อมระบบ 3 มิติ

ส่วน Audi Q5 Sportback 55 TFSI e quattro ถือเป็นครั้งแรกที่เปิดตัว Q5 ทรง Sportback ในประเทศไทย

เด่นๆ ไม่พ้นด้านท้ายลาดลงแบบสไตล์รถคูเป้

ให้ล้อขนาด 20 นิ้ว ชุดแต่ง S line Black Edition ซึ่งถูกตกแต่งด้วยขอบคิ้วกระจกและช่องลมต่างๆ สีดำ

เบาะคู่หน้าแบบสปอร์ตปรับไฟฟ้า ระบบช่วยปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารก่อนเริ่มขับขี่ Comfort Key

หน้าจอ Virtual Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแยกอิสระ 3 โซน

หลังคา Panoramic Sunroof

ขุมพลังเครื่องยนต์ 2.0 TFSI กำลังสูงสุด 265 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร

ทำงานควบคู่มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร

รวมแล้วมีกำลังสูงสุด 367 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร

ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด S tronic ส่งกำลังผ่านระบบ quattro with ultra technology โดยระบบขับเคลื่อนสามารถปรับให้ขับเคลื่อนแค่ล้อหน้าได้ในกรณีที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อช่วยในการประหยัดน้ำมัน และเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อได้ทันที เมื่อมีความจำเป็น

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ติดตั้งบริเวณใต้ที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ผลิตจาก prismatic cell จำนวน 104 เซลล์ ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูงขนาด 17.9 กิโลวัตต์

ด้วยการผสานพลังแบบนี้ทำให้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 52.6 กิโลเมตรต่อลิตร

เมื่อใช้กำลังจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าอย่างเดียว วิ่งได้ไกล 54.3 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้า 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

หากความเร็วมากกว่านั้น เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาเพื่อเสริมแรง

อัตราเร่งหายห่วง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 5.3 วินาที

ส่วนความเร็วสูงสุดถูกล็อกไว้ที่ 239 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เห็นพิสัยทำการของแบตเตอรี่อย่างเดียวไกลถึง 52.6 กิโลเมตรต่อลิตร ขับจริงๆ อาจไม่ถึง แต่น่าจะไม่ต่ำกว่า 45-48 กิโลเมตร ขับในวันทำงานนี่สบายมาก หากบ้าน-ที่ทำงานไม่ไกลเกินไป ขับไปถึงที่ทำงานแล้วเสียบปลั๊ก กลับบ้านแล้วเสียบปลั๊กทิ้งไว้ เช้ามาแบตเต็ม

เรียกว่าแทบไม่ต้องใช้น้ำมันเลยยังได้

การใช้พลังงานขับขี่ได้ 2 แบบ คือ EV mode และ Hybrid

EV mode สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วน ยิ่งหากไม่เท้าหนักสามารถใช้จนแบตเกือบหมดได้ ก่อนสลับไปใช้น้ำมันแทน

ส่วนการจัดการพลังงานแบบ Hybrid แบ่งออกเป็น 3 โหมดคือ Auto Hybrid สลับทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าตามสภาวะการขับขี่

Battery Hold รักษาระดับพลังงานของแบตเตอรี่ไว้ให้คงเดิม

และ Battery Charge ตัวรถจะมีการชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้มากที่สุด

 

ส่วนโหมดการขับขี่มีทั้งแบบ Auto หรือหากอย่างอัดสนุกๆ มีโหมด Dynamic ทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ให้ได้กำลังสูงสุด

สุดท้าย Individual ปรับการใช้งานให้เหมาะกับสไตล์ของตัวเอง

ใช้เวลาชาร์จประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ด้วยระบบไฟ Industrial แรงดันไฟฟ้า 400 โวลต์ 16 แอมป์ หรือ Wallbox ไฟ 7.4 กิโลวัตต์ขึ้นไป

และมีสายชาร์จสำหรับเสียบไฟบ้านอีกด้วย

อุปกรณ์และตัวช่วยขับขี่ใส่มาแน่นคัน

Audi Q5 55 TFSI e S line มีให้เลือก 3 สี คือ Glacier White metallic, Mythos Black metallic จับคู่กับสีภายใน Okapi brown และ Chronos Grey metallic จับคู่กับสีภายใน Black

Audi Q5 55 TFSI e Black Edition และ The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e Black Edition สามารถเลือกสีภายนอกได้ 5 สี คือ Glacier white metallic, Mythos black metallic, Ultra blue metallic, District green metallic และ Chronos grey metallic จับคู่กับภายในสีดำ

สนนราคา Audi Q5 55 TFSI e quattro S line 3,699,000 บาท

Audi Q5 55 TFSI e quattro S line Black Edition 3,950,000 บาท

และ Audi Q5 Sportback 55 TFSI e quattro S line Black Edition 4,190,000 บาท

 

ปิดท้ายกันที่ยอดผลิตและยอดจดทะเบียนรถยนต์ในบ้านเรา

ตัวเลขจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) 8 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-สิงหาคม 2565) การผลิตรถยนต์รวมอยู่ที่ 1,184,800 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.53%

แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 355,673 คัน รถกระบะ 1 ตัน 801,847 คัน รถบรรทุก 5-10 ตัน 27,278 คัน และรถยนต์โดยสารมากกว่า 10 ตัน 2 คัน

รถจักรยานยนต์ 8 เดือนผลิตได้ทั้งสิ้น 1,701,704 คัน โต 12.49%

ส่วนเวลาที่เหลืออีก 4 เดือน ส.อ.ท.มั่นใจว่าทำได้ตามเป้าหมายผลิต 1,750,000 คัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก 900,000 คัน และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 850,000 คัน

จริงๆ แล้วส.อ.ท.ปรับเป้าหมายลงมาเล็กน้อย 50,000 คัน จากก่อนหน้านี้ ด้วยปัญหาหลักๆ คือการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิพ)

ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ หรือรถป้ายแดง 8 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 4,765 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 4,792 คัน รถกระบะ 15 คัน รถจักรยานยนต์ 6,010 คัน รถสามล้อ 152 คัน รถโดยสาร 101 คัน รถบรรทุก 18 คัน

หากนับเฉพาะเดือนสิงหาคม มียอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้า 2,304 คัน เติบโต 391.26% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 1,185 คัน รถกระบะ 4 คัน รถจักรยานยนต์ 1,047 คัน รถสามล้อ 16 คัน รถโดยสาร 52 คัน รถบรรทุก 3 คัน

การเติบโตอย่างมีนัยของรถยนต์ไฟฟ้า และพลังงานทางเลือกบ้านเรา หลักๆ ไม่พ้นการเป็นเทรนด์ตามสมัยนิยม รวมถึงการให่ส่วนลดจำนวนนับแสนบาทเพื่อจูงใจ

คาดว่าปีหน้าอาจมียอดขายยิ่งแรงกว่านี้ เพราะหลายค่ายเริ่มเปิดตัวและส่งมอบรถไฟฟ้ากันแล้ว

ยิ่งปลายปีที่มีคาร์โชว์ใหญ่ “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” ช่วยส่งอีกด้วย •