หนึ่งเดียวคนนี้ ‘โรเจอร์ เฟเดอเรอร์’ / Technical Time-Out : SearchSri

Technical Time-Out

SearchSri

 

หนึ่งเดียวคนนี้

‘โรเจอร์ เฟเดอเรอร์’

 

“งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา” เช่นเดียวกับเส้นทางของนักกีฬาที่ถึงจุดหนึ่งย่อมไปต่อไม่ไหว ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน

ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลกชาวสวิส โบกมือลาวงการสักหลาดโลก หลังเข้าร่วมการแข่งขันรายการพิเศษ เลเวอร์คัพ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

เรียกว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทำเอาแฟนๆ “ใจหาย” ไปตามๆ กัน เพราะก่อนหน้านั้นเพียง 2 สัปดาห์ เซเรน่า วิลเลียมส์ อดีตนักเทนนิสหญิงมือ 1 โลกชาวอเมริกัน ก็เพิ่งแขวนแร็กเกตอย่างเป็นทางการไปเช่นกัน

อันที่จริงด้วยวัย 41 ปี ประกอบกับการร้างคอร์ตไปนานกว่า 1 ปีเพราะปัญหาบาดเจ็บที่ทำให้เขาต้องผ่าตัดเข่าถึง 3 ครั้ง ทำให้แฟนๆ หลายคนแอบนับถอยหลังอยู่ในใจ แม้ว่าจะทำใจยอมรับได้ยากเมื่อถึงเวลาจริงก็ตาม

ตัวเฟเดอเรอร์เองพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกลับมาแข่งขันอีกครั้ง และก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคมก็เพิ่งปรารภผ่านสื่อว่า ตั้งใจจะกลับมาแข่งขันในปีหน้า แต่อาจจะเลือกลงเล่นเฉพาะรายการใหญ่ๆ เช่นศึกแกรนด์สแลมเท่านั้น

แต่ที่สุดแล้ว เจ้าตัวก็ยอมรับว่า ร่างกายส่งสัญญาณบอกแล้วว่าไม่ไหว ถึงเวลาที่ต้องยอมรับว่าไม่สามารถจะลงแข่งขันเทนนิสในระดับอาชีพได้อีกแล้ว จึงต้องยอมตัดใจ

 

แม้ว่าจะไม่ได้บอกลาแฟนๆ ในทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่พิธีอำลาในการแข่งขันเลเวอร์คัพก็ลึกซึ้งและน่าประทับใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ศึกเลเวอร์คัพเป็นการแข่งขันเทนนิสประเภททีมรายการพิเศษระหว่างทีมรวมดารายุโรปกับทีมรวมดาราโลก โดยตั้งชื่อตาม *ร็อด เลเวอร์* ตำนานสักหลาดชาวออสเตรเลีย ผู้สร้างปรากฏการณ์กวาด 4 แชมป์แกรนด์สแลมในรอบปีเดียวกันได้ถึง 2 ครั้ง

เฟเดอเรอร์เป็นตัวตั้งตัวตีที่ผลักดันจนเกิดการแข่งขันรายการนี้เมื่อปี 2017 และปีนี้พิเศษสุดสุดตรงที่สมาชิกทีมยุโรปมีนักหวดกลุ่ม “บิ๊ก 4” หรือ “บิ๊ก 3+1” มารวมตัวกันพร้อมหน้า ได้แก่ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล, โนวัก โยโควิช และ แอนดี้ เมอร์เรย์ ซึ่งต่างสลับสับเปลี่ยนกันครองความยิ่งใหญ่ในวงการสักหลาดโลกย้อนหลังไป 20 ปี มารวมตัวกัน พร้อมกับนักหวดรุ่นใหม่

เพื่อร่วมส่งเจ้าของฉายา “เฟดเอ็กซ์”

 

เฟเดอรเรอร์โลดแล่นในวงการเทนนิสอาชีพมา 24 ปี ทำสถิติคว้าแชมป์เอทีพีทัวร์ 103 รายการ, เป็นแชมป์ชายเดี่ยวระดับแกรนด์สแลม 20 รายการ (ออสเตรเลียน โอเพ่น 6 สมัย, เฟรนช์ โอเพ่น 1 สมัย, วิมเบิลดัน 8 สมัย, ยูเอส โอเพ่น 5 สมัย), ครองมือ 1 ของโลกนาน 310 สัปดาห์, คว้าแชมป์เอทีพี ไฟนอลส์ 6 สมัย, คว้าเงินรางวัลตลอดการเล่นเทนนิสอาชีพ 114 ล้านปอนด์ (4,902 ล้านบาท)

เฟเดอเรอร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของโลก โดยฉายแววตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นด้วยพรสวรรค์อันเต็มเปี่ยม เพียงแต่ช่วงแรกเกมของเขายังไม่เข้าที่เข้าทางเพราะปัญหาอารมณ์ร้อน จนคุณพ่อจับให้เข้าคอร์สควบคุมอารมณ์ จากนั้นเขาจึงเริ่มคว้าแชมป์ได้อย่างสม่ำเสมอ

ปัจจุบันสถิติหลายอย่างที่เขาเคยทำไว้อาจจะโดนทำลายลงไปแล้ว เช่น สถิติคว้าแชมป์ชายเดี่ยวแกรนด์สแลมซึ่งปัจจุบันนาดาล (22 สมัย) และโนเล่ (21 สมัย) ต่างแซงไปเรียบร้อย เช่นเดียวกับสถิติครองบัลลังก์มือ 1 โลก ซึ่งโนเล่แซงไปไกลที่ 373 สัปดาห์ รวมถึงสถิติเฮดทูเฮดที่เป็นรองคู่ปรับร่วมยุค ทั้งนาดาล (ชนะ 16 แพ้ 24) และโนเล่ (ชนะ 23 แพ้ 27)

กระนั้น สื่อและแฟนๆ หลายคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บทบาทของเขาที่มีต่อวงการเทนนิสโลกนั้น ยากจะหาใครเทียบเคียงได้

 

เทนนิสของเฟเดอเรอร์ทำให้ทุกอย่างดูง่ายแม้แต่ในช็อตมหัศจรรย์ ดูสวยและสง่างาม บ่อยครั้งที่สื่อมักเปรียบเปรยเกมการเล่นของเขากับงานศิลปะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเต้นบัลเล่ต์ อีกทั้งด้วยนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนสุภาพ เป็นมิตร รักครอบครัว และไม่เคยมีเรื่องเสียหายทั้งในและนอกสนาม ทำให้เขาเป็นที่รักของแฟนๆ เทนนิสทั่วโลก และดึงดูดให้คนหันมาสนใจติดตามกีฬานี้มากขึ้นกว่าเดิมมาก

เคยมีคำกล่าวว่า เฟเดอเรอร์เป็นคนของโลก เพราะไม่ว่าจะไปแข่งที่ไหน เขาจะได้รับความรักจากคนในประเทศนั้นๆ และส่งเสียงเชียร์ประหนึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติของตัวเอง

ว่ากันว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนๆ รักและผูกพันกับเขามากคือ ถึงจะดูเป็นยอดนักกีฬาอัจฉริยะที่แตะต้องไม่ได้ แต่กลับมีมุมบอบบางและเข้าถึงง่าย

เฟเดอเรอร์ไม่ใช่ซูเปอร์นักกีฬาที่เย็นชาหรือเป็นเครื่องจักรซึ่งเนี้ยบและเป๊ะไปทุกอย่าง

แต่เป็นชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่ร้องไห้เหมือนเด็กๆ ทั้งตอนดีใจและเสียใจกับผลการแข่งขัน

หลังจบแมตช์สุดท้ายในการเล่นเทนนิสอาชีพของเขาในศึกเลเวอร์คัพ เป็นอีกครั้งที่เฟเดอเรอร์หลั่งน้ำตาขณะเตรียมกล่าวอำลาแฟนๆ โดยครั้งนี้แม้แต่เพื่อนนักหวดที่ร่วมพิธีอย่างนาดาลและโยโควิชก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่เช่นกัน

การที่เพื่อนนักหวดคนสำคัญและแฟนๆ จำนวนมากต่างก็ร่วมร้องไห้ไปด้วยกัน ย่อมยืนยันถึงอิมแพกต์ที่เฟเดอเรอร์มีต่อวงการเทนนิสได้เป็นอย่างดี •