เครื่องเคียงข้างจอ วัชระ แวววุฒินันท์/กาลครั้งนั้นของฉันกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ (2)

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

กาลครั้งนั้นของฉันกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ (2)

ฉบับที่แล้วผมได้เล่าไปแล้วว่าในช่วงเดือนตุลาคมที่เป็นเดือนแห่งการรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เจ เอส แอล ได้จัดทำรายการพิเศษขึ้นเพื่อร่วมถวายอาลัยและเพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน โดยออกอากาศทางสถานีช่อง 7

รายการนั้นชื่อ “กาลครั้งนั้นของฉันกับในหลวงรัชกาลที่ ๙” ซึ่งมีทั้งหมด 6 ตอน และตอนที่มติชนสุดสัปดาห์เล่มนี้วางแผงก็ได้นำเสนอไปแล้ว 3 ตอน

ฉบับนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึงอีก 3 ตอนที่จะออกอากาศว่าเป็นกาลครั้งนั้นของใครกันบ้าง

ในวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม เวลา 15.45 น. จะเริ่มด้วยเรื่องราวกาลครั้งนั้นของ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่ตลอดเวลาคุณหมอจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านเก็บไว้ในกระเป๋า เป็นภาพในพระอิริยาบถที่เราคุ้นตากันดีคือ พระองค์ทรงประทับนั่งพิงล้อรถบนสะพานไม้ มีเจ้าหน้าที่และประชาชนอยู่รายรอบ

เวลาที่คุณหมอรู้สึกเหน็ดเหนื่อยท้อแท้ ก็จะหยิบภาพนี้ขึ้นมาดูเพื่อเป็นกำลังใจให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคตรงหน้า

ด้วยเหตุบางอย่างที่ทำให้ภาพนั้นไม่อยู่แล้ว คุณหมอก็ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ใหม่จากพระองค์ท่าน และที่น่าปีติยิ่งคือพระองค์ได้ทรงมีพระเมตตาพระราชทานภาพมาให้ เป็นภาพที่ทรงเรือใบพร้อมพระราชดำรัสที่มีคุณค่าอย่างยิ่งมาให้คุณหมอด้วย

นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งสำหรับคุณหญิงหมอโดยแท้

แขกท่านต่อมาเป็นนักแสดงอาวุโส “เดือนเต็ม สาลิตุล” ที่ได้ตั้งใจใช้เวลาให้มากที่สุดในการเป็นจิตอาสาทำพระโกศจันทน์

“จัดเวลาที่ว่างจากถ่ายละคร ก็จะไปเลย รวมๆ แล้วน่าจะร่วม 80 วันได้” คุณเดือนเต็มเล่า “เราเป็นเด็กศิลปากรมาก่อน ก็พอมีทักษะอยู่บ้าง ก็เลยได้รับมอบหมายในงานที่มีรายละเอียดสักหน่อย”

คุณเดือนเต็มเล่าว่า รู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้ไปทำ เหมือนเป็นการทำถวายพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย แต่พอทำไปเรื่อยๆ งานใกล้เสร็จก็จะใจหาย ไม่อยากให้เสร็จ

“เพราะนั่นเท่ากับว่าวันพระราชพิธีใกล้จะมาถึงจริงๆ แล้ว…มันใจหาย”

ไปฟังในรายการกันนะครับว่าสิ่งที่คุณเดือนเต็มได้รับจากการเป็นจิตอาสาครั้งนี้คืออะไร

สำหรับแขกท่านสุดท้ายในตอนที่ 4 นี้ เป็นการถ่ายทำนอกสถานที่ที่ฟาร์มโชคชัย เป็นกาลครั้งนั้นของ “คุณโชคชัย บูลกุล” ที่ครั้งหนึ่งแทบจะล้มละลายจากการทำกิจการปศุสัตว์ของตน ต่อเมื่อได้รับพระราชทานกำลังใจจากพระองค์ในเวลาต่อมา ก็ทำให้คุณโชคชัยลุกขึ้นมาสู้

และมั่นใจในสิ่งที่ทำจนสามารถนำพาองค์กรของตนที่สร้างมาให้อยู่รอดมาถึงบัดนี้ได้

สําหรับรายการตอนที่ 5 จะออกอากาศในวันจันทร์ที่ 23 เวลา 23.10 น. โดยประมาณ เรื่องแรกเป็นเรื่องราวของพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อประชาชนทางภาคใต้ คือที่ จ.เพชรบุรี

“โต๊ะอิหม่ามทองหล่อ จันทร์อ้น” ได้เล่าให้ฟังว่า ราว 34 ปีมาแล้ว ได้มีการสร้างมัสยิดขึ้นในพื้นที่ของชุมชน แต่ไม่สามารถขอจดทะเบียนได้ เพราะเป็นที่หลวง คนเดียวที่จะอนุญาตได้คือ “ในหลวง”

เมื่อมีการทำหนังสือไปทูลขอพระราชทาน พระองค์ก็ทรงพระเมตตาอนุญาต และยังพระราชทานที่ดินมากกว่าที่ขอไว้เสียอีก เพื่อให้เป็นมัสยิดที่สมบูรณ์รองรับกิจกรรมของชุมชนได้เพียงพอ

ไม่เท่านั้น ยังได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมมัสยิดแห่งนั้นอีกด้วย และในการเสด็จฯ ครั้งนั้น สมาชิกในชุมชนได้ร้องเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ถวาย ชื่อเพลงว่า “ห้วยทรายใต้” คือชื่อของพื้นที่ที่นั่น ในรายการจึงได้นำเยาวชนน้องๆ สิบกว่าคนมาร้องเพลงนี้ให้เราได้ฟังด้วย

แขกท่านต่อมาชื่อ “ช่างไก่-คุณศรไกร แน่นศรีนิล” เป็นช่างทำรองพระบาทถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งทำมาแล้ว 15 คู่

“ตอนที่เจ้าหน้าที่ของทางวังถือพานใส่รองเท้าคู่นึงเข้ามาในร้าน วางลงและถวายคำนับรองเท้าคู่นั้น เราก็ตกใจ ว่าคืออะไรกันนี่” ช่างไก่เล่าให้ฟังถึงครั้งแรกที่ทำให้ได้มีโอกาสถวายงานการซ่อมแซมรองพระบาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙

“พอรู้ว่าเป็นรองพระบาทของพระองค์ท่านก็ปลาบปลื้มมาก ที่เรามีบุญวาสนาได้รับใช้พระองค์ ก็บอกเขาไปว่าน่าจะใช้เวลาหลายอาทิตย์ ซึ่งจริงๆ ทำวันสองวันก็เสร็จ แต่เราอยากให้รองพระบาทของพระองค์ท่านได้อยู่ในร้านเรานานๆ”

ที่พิเศษคือ ช่างไก่ได้นำรองพระบาทใหม่เอี่ยม 4 คู่ที่ตั้งใจจะทูลเกล้าฯ ถวายพระองค์ท่าน แต่พระองค์ก็มาเสด็จสวรรคตเสียก่อน มาในรายการให้เราได้ซาบซึ้งกันด้วย

ปิดท้ายตอนนี้ด้วยเรื่องราวที่ไปถ่ายทำนอกสถานที่ เป็นกาลครั้งนั้นของ “คุณจันทนา บุญยเกียรติ” ที่คิดอยู่เสมอว่าอยากจะทำอะไรถวายพระองค์บ้าง เมื่อประกอบอาชีพเป็นแม่ค้าขายดอกบัว จึงตั้งใจว่าจะจัดพานดอกบัวไปถวายที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ที่โรงพยาบาลศิริราชทุกวัน เพื่อถวายกำลังใจแด่พระองค์ที่ประทับรักษาพระวรกายอยู่ที่นั่น

“ที่ต้องทำไปถวายทุกวัน เพราะของถวายพระองค์ต้องสดใหม่เสมอ” คุณจันทนาเล่า

คุณจันทนาทำเช่นนี้ติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปีไม่เคยขาด จนเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว คุณจันทนาก็ยังคงจัดพานดอกบัวมาตั้งถวายเช่นเคย และจะทำเช่นนี้ไปจนจบงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงแล้ว

ติดตามชมความตั้งใจของเธอกันนะครับ

สําหรับตอนสุดท้าย จะออกอากาศในวันอังคารที่ 24 ตุลาคม เวลา 22.40 น. โดยมีแขกรับเชิญท่านแรกเป็นผู้ที่ได้มีโอกาสแต่งเพลงเกี่ยวกับ “พ่อ” จนเป็นที่รู้จักอย่างดี นั่นคือ “คุณดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค”

เพลง “ต้นไม้ของพ่อ” “ของขวัญจากก้อนดิน” “รูปที่มีทุกบ้าน” “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” และ “คำพ่อสอน” เป็นฝีมือจากการแต่งที่มาจากปลายปากกาและจากใจของคุณดี้ทั้งสิ้น แต่ละเพลงมีเกร็ดที่น่าสนใจอย่างไร เขาจะมาเล่าให้เราฟังกันครับ พร้อมโชว์เพลง “ของขวัญจากก้อนดิน” จากการขับร้องของ “อิฐ-ถิรวัฒน์ ศรีสุรางค์” แชมป์รายการจันทร์พันดาว ร้องสู้ฝัน ซีซั่น 1

แขกท่านต่อมาคือ “คุณสุวิทย์ ใจป้อม” เรายกกองขึ้นไปถ่ายทำที่ จ.เชียงราย เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของความเป็นศิลปินเมืองเหนือที่ได้มีโอกาสวาดภาพพระองค์ท่านในโอกาสสำคัญของการรวมตัวกันของศิลปินนักวาดภาพและจัดเป็นงานขึ้นมาเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยได้รับการสนับสนุนจาก ไร่บุญรอด ที่สวยงามเอื้อเฟื้อสถานที่ในการสร้างกิจกรรมที่ประทับใจนี้

แขกท่านสุดท้ายคือ “ผู้พันเบิร์ด-วันชนะ สวัสดี” จะมาเล่าถึงความผูกพันระหว่างทหารและสถาบันกษัตริย์ ที่เขารู้สึกภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่อันมีเกียรตินี้ต่อในหลวงผู้เป็นที่รักและเทิดทูนยิ่ง

และปิดท้ายด้วยบทเพลงอีกหลายบทเพลงที่เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ รวมทั้งเพลง “พลังแผ่นดิน” ที่นำเสนอในตอนต้นของรายการตอนแรกแล้ว ก็จะนำกลับมาเป็นการปิดท้ายอีกครั้งหนึ่ง

นี่คือเรื่องราวดีๆ ของรายการพิเศษ “กาลครั้งนั้นของฉันกับในหลวงรัชกาลที่ ๙” ที่อยากเชิญชวนให้ดูกันครับ แล้วจะยิ่งคิดถึงพระองค์ท่าน…จริงๆ