Siveยัดไส้ : จบด้วยดี

ทําเอาช็อกวงการ หลังมีกระแสข่าวนางเอกสาวตาคม “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ขาเตียงหัก! เลิกกับสามีนักธุรกิจหนุ่มวัย 42 ปี “เพชร” อิทธิ ชวลิตธำรง ทั้งที่เพิ่งจะควงคู่กันมาร่วมเปิดกล้องบวงสรวงภาพยนตร์ “มังกร นารี ปีศาจ” เมื่อ 3 เดือนก่อน

งานนี้พิ้งกี้ยอมรับว่า ได้เลิกกับสามีจริง โดยตอนนี้เธอย้ายมาอยู่ที่บ้านพ่อแม่ได้สักพักแล้ว ยืนยันไม่มีเรื่องมือที่สาม แต่สาเหตุที่เลิกราเป็นเรื่องทัศนคติไม่ตรงกัน

ทางสามีต้องการอยากให้ทำธุรกิจ แต่เธอไม่ถนัดและยังรักงานในวงการบันเทิงอยู่ จึงเป็นความกดดัน

“พอกลับมาอยู่บ้านได้พูดคุยกับพ่อแม่ บรรยากาศเก่าๆ ความรักความอบอุ่นของพ่อแม่ ทำให้ผ่อนคลาย ถ้ากลับไปอยู่กับพี่เพชร ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ยังรักพี่เพชร เพียงแต่อยู่ตรงนี้แล้วสบายใจ” พิ้งกี้กล่าว

ด้าน “เพชร-อิทธิ” อดีตสามี เผยว่า “สาเหตุมาจากหลายเรื่อง วันนี้สถานะของเราจบกันแล้ว แต่กำลังงงว่าเรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไง ปกติการแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนเป็นหลักก่อนค่อยออกไปหาคนอื่น แต่น้องพิ้งกี้ค่อนข้างมีความรักครอบครัวเก่าสูง ทั้งชีวิตเขาอยู่กับตรงนั้น เมื่อมาอยู่กับผมเขาไม่คุ้นชิน ยังมีความเป็นเด็กอยู่เยอะ ยืนยันเราจบกันด้วยดีครับ”

สำหรับนางเอกสาว พิ้งกี้-สาวิกา เกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2529 เข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และเป็นที่รู้จักจากการรับบทดาวพระศุกร์ตอนเด็ก ในละครเรื่อง “ดาวพระศุกร์” และยังมีโอกาสจับไมค์ทำงานเพลงกับค่ายแกรมมี่ในนามวง “บั๊ก บันจี้” จากนั้นก็มีผลงานแสดงมาเรื่อยๆ

กระทั่งช่วงปี 2553 ตกเป็นข่าวดังพัวพันกับ “เป๊ก” สัญชัย เองตระกูล สามีของดาราสาว ธัญญ่า-ธัญญาเรศ จนเงียบหายและไปอยู่วงการภาพยนตร์บอลลีวู้ดพักหนึ่ง

ห่างมา 2 ปี พิ้งกี้กลับมาแสดงละครเต็มตัวอีกครั้งกับบทนางเอกในละคร “ทองประกายแสด” และบทร้ายในละคร “มารยาริษยา” จากนั้นก็มีละครต่อเนื่อง

จนวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 นางเอกสาวได้ควงคู่ “เพชร” อิทธิ ชวลิตธำรง พ่อม่ายนักธุรกิจเรียลเอสเตตเมืองพัทยา ว่าที่เจ้าบ่าวมาเปิดตัวกลางงานบวงสรวงละครเรื่อง “แหวนทองเหลือง” พร้อมแถลงข่าววิวาห์ ที่จะมีขึ้นวันที่ 12 กันยายน 2557 ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา

โดยเจ้าบ่าวคนนี้ ดีกรีไม่เบา เป็นลูกชายของ ศ.นพ.บูรณะ ชวลิตธำรง จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท ด้านบริหารการจัดการ จากประเทศอังกฤษ ถือเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลชวลิตธำรง เศรษฐีเจ้าของที่ดินรายใหญ่และคอนโดมิเนียมหรูในเมืองพัทยา ซึ่งปัจจุบันเขาเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพชร พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

นอกจากงานธุรกิจอสังหาฯ เพชรยังมีบริษัทสร้างภาพยนตร์ “พัทยาฟิล์ม” ที่สร้างหนังเรื่อง “ขอบคุณที่รักกัน” อีกทั้งยังเคยทำนิตยสาร OK YES! กับ Yes or No แต่ทำได้ 1 ปี ก็ปิดตัว และหันมาทำนิตยสารแฟชั่นที่ชื่อ Pheromone Asia แทน

ล่าสุดสร้างหนังเรื่อง “มังกร นารี ปีศาจ” ในนามบริษัท ปารามิตา ฟิล์ม จำกัด โดยเขาลงหน้าที่ทั้งกำกับการแสดง อีกทั้งยังเป็นโปรดิวเซอร์ร่วมกับอดีตภรรยา

แต่ตอนนี้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมีปัญหา ต้องพักการถ่ายทำ

พิ้งกี้ได้เปิดใจถึงเส้นทางรักครั้งนี้ว่า รู้จักเพชรเมื่อ 3 ปีก่อน โดยทางฝ่ายชายเชิญเธอมางานอีเวนต์ และเคยไปถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารที่เขาเป็นเจ้าของ หลังจากนั้นก็เริ่มมีการติดต่อและสานสัมพันธ์กันจริงจัง ยืนยันไม่ได้ประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบอย่างที่เป็นข่าว ต่างเปิดใจถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเองให้ฟังและยอมรับในอดีตของซึ่งกันและกันได้

ด้านเพชรเผยความประทับใจในตัวพิ้งกี้ว่า ประทับใจในเรื่องความเป็นเด็กน่ารัก มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ทำให้คบกันอย่างเข้าใจและมีความสุข เรื่องแต่งงานไม่ได้แต่งสายฟ้าแลบ ส่วนเรื่องที่เขาเคยมีครอบครัวมาแล้ว ยอมรับว่าเคยแต่งงานและมีลูกกับอดีตภรรยา แต่ตอนนี้หย่าขาดจากกันแล้ว

หลังแต่งงาน พิ้งกี้ได้หายหน้าจากวงการบันเทิง เป็นนกน้อยในกรงทอง พร้อมข่าวลือออกมาเป็นระยะถึงชีวิตคู่ที่ไม่ค่อยราบรื่น

ก่อนจะปรากฏตัวกับการเป็นหน้ากากมาคอว์ ในรายการ “THE MASK SINGER หน้ากากนักร้อง 3” เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ที่เจ้าตัวเผยความรู้สึกด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า

“ทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองเป็น มีสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ข้างใน แต่ไม่รู้ว่าศักยภาพของเราทำได้มากแค่ไหน ไม่ว่าคุณจะทำอะไร จริงๆ เราทำได้และทำได้ดีด้วย เพียงแต่เราต้องลุกขึ้นมาทำมันตอนนี้ และวันนี้รายการทำให้คนชื่อสาวิกา ได้กลับมารู้สึกว่าการร้องเพลงเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีความสุข จะสานฝันตัวเองต่อไป วันนี้ได้มาร้องเพลงให้ทุกคนฟัง หลังจากนี้ก็จะบอกว่าจะร้องเพลงให้ทุกคนรู้ว่ามาคอว์คนนี้ก็ทำได้ค่ะ”

และนี่คือการประกาศกลับเข้าวงการทำงานเบื้องหน้าเต็มตัวอีกครั้งของดาราสาว “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช