หมวกแดง กลางดงบูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กเจี๊ยบ” กับ Man behind the scenes ดูใจ “บิ๊กป้อม” เมื่อ “น้องตู่” ยึดอำนาจ จับตา “บิ๊กหนุ่ย-บิ๊กติ่ง” ทายาทรุ่นใหม่

ที่สุด บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เอ็กเซอร์ไซส์อำนาจด้วยการชิงการตัดสินใจ เลือก ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 1 ด้วยตนเอง

อาจเรียกได้ว่า เป็นการยึดอำนาจคืนจากบิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งๆ ที่มอบหมายให้ดูแลความมั่นคง และเป็น รมว.กลาโหม

หลังจากที่ยอมให้พี่ใหญ่ เรืองอำนาจ จัดทัพด้วยตนเองมาตลอด ทั้งสีเขียวและสีกากี

แต่หลังจากคะแนนนิยมบิ๊กตู่พุ่ง ทั้ง ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ พร้อมคำถามพ่วง ที่เปิดทางให้ ส.ว. ร่วมโหวตนายกฯ คนนอก

รวมทั้งโพลสำนักต่างๆ ก็ทำให้บิ๊กตู่กล้าที่จะเจรจาต่อรอง จนถึงการทุบโต๊ะเลือกบิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผช.ผบ.ทบ. เป็น ผบ.ทบ.คนใหม่

ไม่เอาบิ๊กแกละ พลเอกพิสิทธิ์ สิทธิสาร เสธ.ทบ. ทั้งๆ ที่เป็นน้องบูรพาพยัคฆ์ และเป็นน้องรักที่บิ๊กป้อมหนุนหลังอยู่ ตามที่รู้กันดีมาตลอด

แล้วในเมื่อบิ๊กตู่กล้าที่จะเอ่ยปากกับพี่ใหญ่ แล้วไยพี่ป้อมจะกล้าขัด

แม้จะมีข่าวแว่วๆ จากบ้านมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของบิ๊กป้อม ใน ร.1 รอ. ว่าบิ๊กป้อมจำใจยอม ก็ตาม แต่ก็มาพร้อมๆ กับคำว่า “น้อยใจ”

เพราะต้องยอมรับว่า ในสายบูรพาพยัคฆ์ และสายบิ๊กป้อมแล้ว เชื่อกันว่าถ้านายกฯ ไม่ล้วงลูก บิ๊กป้อมก็ต้องเลือก พล.อ.พิสิทธิ์ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

เช่นเดียวกับ ที่จะเลือก “ตู่เล็ก” พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นแม่ทัพภาคที่ 1

แต่ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ คิดใหม่ทำใหม่ และต้องมองการณ์ไกล จึงต้องขอจัดทัพเอง

FullSizeRender
(ซ้าย) พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร (ขวา)พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท

ไม่ใช่แค่ เพราะเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนเท่านั้น แต่ พล.อ.ประยุทธ์ เล็ง พล.อ.เฉลิมชัย มาตั้งแต่เป็น ผบ.นสศ. แล้วดึงขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทบ. นั่นแล้ว

จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ พยายามแสดงออกถึงการพูดคุย ทักทายและหยอกล้อ พล.อ.เฉลิมชัย ต่อหน้าทหารในกองทัพเสมอๆ

ทั้งเรื่องหน้าตาบิ๊กเจี๊ยบที่ดูเครียด ย่น เสมอว่า “ให้ทำหน้าที่ให้เป็นทหารกรุงเทพฯ บ้าง จากลพบุรีมาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว”

รวมถึงการแซว ในฐานะที่บิ๊กเจี๊ยบเป็นทหารรบพิเศษ หมวกแดง เสมอๆ ว่า “ให้โรยตัวลงมา ไม่ต้องใช้บันได”

กล่าวกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อมือบิ๊กเจี๊ยบตั้งแต่เป็น ผบ.นสศ. และเป็นกำลังหลักสำคัญในการปฏิบัติการลับ ก่อนและหลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ด้วยนั่นเอง

เมื่อมาถึงวันนี้ วันที่ฝ่ายต่อต้าน คสช. ยังคงเคลื่อนไหวและใช้ความรุนแรง ก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเอ่ยปาก หรืออาจเรียกว่าทุบโต๊ะให้บิ๊กเจี๊ยบ เป็น ผบ.ทบ.

จนทำให้ถูกมองว่า นั่นเป็นการ “หัก” บิ๊กป้อม พีชายที่แสนดี หรือหากพูดให้ซอฟต์ลง ก็คือบิ๊กป้อมจำต้องยอมน้องตู่

“ไม่ได้เป็นการยอมหรือไม่ยอม แต่ก็คุยกับนายกฯ ว่า คนนี้ๆ ใครเหมาะสมกว่ากัน คุยกันก่อน แล้วที่สำคัญคือ ผบ.เหล่าทัพ เขาเสนอมา” บิ๊กป้อมสยบข่าวเกาเหลาบิ๊กตู่

แต่เป็นที่รู้กันว่า ก่อนที่บิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. จะเสนอชื่อ พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. ขึ้นมานั้น พล.อ.ธีรชัย ได้เข้าไปหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาลก่อนแล้ว

เพราะ พล.อ.ธีรชัยก็ไม่อยากให้ พล.อ.พิสิทธิ์ เป็น ผบ.ทบ. เพราะมองว่าเป็นสายบิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ที่มีเรื่องคาใจกันมา รวมถึงปัญหาเรื่องอุทยานราชภักดิ์

แต่ก็ไม่อาจขัดใจบิ๊กป้อมได้ แต่ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ก็เรียกบิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย ผบ.ทบ. เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล จนนำมาซึ่งการเสนอชื่อ พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. ขึ้นมาอย่างถูกต้องชอบธรรม

เหล่านี้อาจเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประวิตร คาดไม่ถึง…

เพราะแม้แต่การที่ พล.อ.ประยุทธ์ เรียกปลัดกลาโหม ผบ.สส., ผบ.ทร., ผบ.ทอ. มาพบที่ทำเนียบฯ ก่อนหน้านี้ ก็ถูกเปิดเผยในเวลาต่อมาโดยนายกฯ เองว่า “ผมเรียก ผบ.เหล่าทัพ มาคุยหมดแล้ว ในการจัดตำแหน่งต่างๆ ถามว่าทำไมเอาคนนี้เป็นคนนั้นเป็น”

แต่วันนั้น พล.อ.ประวิตร บอกกับสื่อว่า นายกฯ เรียก ผบ.เหล่าทัพ มาพบ เพื่อขอบคุณและให้รางวัล ที่ทำงานกันเหนื่อยมาตลอด จนทำให้การลงประชามติ ผ่านพ้นไปด้วยดี และเป็นไปตามที่ต้องการ แค่นั้น

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องโผทหาร เพราะโผอยู่ที่ผม ผมเป็นคนจัด นายกฯ ไม่ได้เป็นคนจัด” บิ๊กป้อมกล่าวไว้ในวันนั้น

อันสะท้อนได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีการหารือ เตรียมการเรื่องโผทหารไว้ โดยที่ พล.อ.ประวิตร ไม่รับทราบ

จนในที่สุดก็ต้องจบ แบบ บิ๊กป้อมยอมน้อง…

“ชาตินี้หรือชาติหน้าก็ไม่มีวันทะเลาะ ผมก็ไม่เคยทะเลาะกับ พล.อ.ประวิตร อันไหนที่คิดแล้ว มีบางอย่างไม่ตรงกันก็คุยกัน เดี๋ยวก็ได้ข้อสรุป นี่เขาเรียกว่าทำงานด้วยกันได้ ไม่ใช่อะไรต้องข้างนี้ข้างโน้น แต่ต้องใช้เหตุผล

ไม่เห็นมีอะไรที่จะขัดแย้งกันมากมาย ก็เอาทุกคนมาใส่ตะกร้าแล้วกรอง ว่าสถานการณ์นี้ควรจะเป็นใคร ก็แค่นั้นเอง เราต้องไว้ใจ เขาทำงานมาจนขนาดนี้ ไม่ใช่มองว่าข้างโน้นข้างนี้” พล.อ.ประยุทธ์ แจง

ดังนั้น เก้าอี้ ผบ.ทบ. ตัวเดียว ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมที่จะสละให้กับขั้วอำนาจบ้านสี่เสาเทเวศร์ครั้งนี้ เรียกว่าคุ้มกับคุ้ม

ทั้งการทำให้ภาพพจน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบวก ในแง่ที่ว่าไม่เอาแต่บูรพาพยัคฆ์ หรือทหารเสือราชินี และเป็นการคืนความชอบธรรมให้กับนายทหารสายอำนาจอื่น

และทำให้ ทหารรบพิเศษ ได้กลับมาเป็น ผบ.ทบ. อีกครั้ง หลังจากที่ว่างเว้นมา 10 ปี ตั้งแต่บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็น ผบ.ทบ.3 เมื่อปี 2549

ที่สำคัญที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ยังถือว่า “สั่งสอน” ให้ทหารในกองทัพรุ่นน้อง ยึดเรื่องการทำงาน ผลงาน มากกว่าการเอาใจใคร

หรือถ้า ในวงเล็บ ก็อาจจะหมายรวมถึง การเอาใจบิ๊กป้อม นั่นเอง…

“การแต่งตั้งมันเชียร์เหมือนมวยไม่ได้ ถ้าเป็นผม ใครที่เชียร์และเอาใจมากๆ ผมจะไม่ให้ แต่จะดูการทำงานของคน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ที่สำคัญ ยังเป็นการพูดบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อหน้า พล.อ.พิสิทธิ์ เลยด้วยว่า ทุกตำแหน่งมีความสำคัญมีศักดิ์ศรี เป็น รอง ผบ.ทบ. ก็มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และอัตราจอมพล

IMG_8939

ที่สำคัญที่สุดอีกประการหนึ่งคือ เป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ระหว่างขั้วอำนาจ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ กับ ขั้วบ้านสี่เสาเทเวศร์

ทั้งนี้ เพราะบทเรียนในอดีตหลายสมัย ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เลือกที่จะใช้เก้าอี้ ผบ.ทบ. พิสูจน์มิตรภาพและความจริงใจ ที่มีกับขั้วสี่เสาฯ

เพราะงานนี้ต้องไม่อาจมองข้าม Man behind the scenes อย่าง บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ลูกป๋าที่มีส่วนผลักดันให้บิ๊กเจี๊ยบ น้องรักสายรบพิเศษด้วยกัน เป็น ผบ.ทบ.

ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็รู้ดีว่า พล.อ.สุรยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร มีเรื่องคาใจกันมาก่อน จุดนี้ก็ยิ่งเป็นการซื้อใจ บิ๊กแอ้ด

แต่ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จำต้องอยู่ต่อ และอาจต้องเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก หลังการเลือกตั้งด้วยแล้ว เขาก็ย่อมต้องการแรงสนับสนุนจาก พล.อ.สุรยุทธ์ และ ขั้วบ้านสี่เสาฯ

อย่าลืมว่าขั้วอำนาจบ้านสี่เสาฯ เป็นอำนาจที่หยั่งรากลึก และแตกแขนงมายาวนาน และแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นชัดเจนมาหลายครั้งแล้วด้วย

หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เลือก พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. แม้จะไม่ได้ทำให้ขัดแย้งกับขั้วบ้านสี่เสาฯ แต่ก็อาจทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นได้ และเสี่ยงที่จะสร้างปัญหาในอนาคตขึ้นได้

นั่นจึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องร้องขอในการเข้าอวยพรวันเกิดป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทั้งๆ ที่ป๋าเปรมประกาศล่วงหน้าไปแล้วว่า จะไม่เปิดบ้าน อันถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างจากป๋าเปรม

จน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องจูงมือ พล.อ.ประวิตร พร้อมทั้ง ครม. และ ผบ.เหล่าทัพ มายืนสยบต่อหน้าป๋าเปรม เมื่อ 25 สิงหาคม ก่อนวันเกิด 96 ปี 26 สิงหาคม ของป๋าเปรม

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมงอนง้อ และให้ความสำคัญขนาดนี้ พล.อ.เปรม จึงแสดงความจริงใจกลับคืน ด้วยการประกาศสนับสนุนและให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์

ทั้งเชียร์ “ตู่” ให้กำลังใจ “ตู่” เชื่อมือ “ตู่”

IMG_9262

“ขอให้ตู่สบายใจ และมั่นใจว่าทหารแก่อย่างเราจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ตู่สามารถทำงานบรรลุภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของชาติ ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำต่อไปจนกว่าจะได้ หากมีอุปสรรคก็ต้องแก้ไข” คำพูดป๋าเปรม ที่ถูกตีความว่าหนุนให้อยู่ต่อ

นั่นจึงเป็นเสมือนการส่งสัญญาณไมตรีและมิตรภาพ ของขั้วบูรพาพยัคฆ์ และบ้านสี่เสาฯ ต่อกันนั่นเอง
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เคลียร์ทางให้ตนเองและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างขั้วบูรพาพยัคฆ์กับ ขั้วบ้านสี่เสาฯ ได้แล้ว

ถึงเวลาที่ต้องหันกลับมาแก้ปัญหาในขั้วอำนาจของตนเอง โดยเฉพาะกับ พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ ที่อาจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร มักจะเปรยบ่อยๆ ว่า “เหนื่อย แก่แล้ว อยากลาออก” และเคยมีข่าวจะลาออก ถึงขั้นที่นายกฯ เป็นคนพูดขึ้นมาเองว่า “ถ้าจะลาออก ก็จะใช้ ม.44 ตั้งกลับมาใหม่” ท่ามกลางข่าวเรื่องสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก

จน พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาสยบข่าวลือว่าจะไม่ลาออก เพราะจะอยู่ช่วยนายกฯ จนเสร็จภารกิจนี้แล้วก็จะพักผ่อน และไม่เล่นการเมืองแล้ว

แต่มาตอนนี้ พล.อ.ประวิตร ดูหงอยๆ ลงไปไม่น้อย บางครั้งก็แอบเปรยๆ กับตัวเอง “ทุกวันนี้ก็ไม่รู้จะพูดไปทำไมนะ พูดไปก็เข้าตัวเอง ไม่รู้ตัวเองได้อะไร”

ก่อนจะเปรยเชิงตัดพ้อถึงข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า ในส่วนของกลาโหม ตนเองไม่ได้เสนอปรับเปลี่ยนใดๆ เพราะ พล.อ.อุดมเดช รมช.กลาโหม นั้นทำงานดีกว่า รมว.กลาโหม เสียอีก พร้อมตบท้ายให้เป็นอำนาจของนายกฯ

เพราะในช่วงที่รัฐบาล คสช. จะครบ 2 ปี และช่วงทหารจะเกษียณราชการ จึงถูกจับตามองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะตั้งบิ๊กทหารคนใดหรือไม่ ทั้ง พล.อ.ธีรชัย น้องรักสายบูรพาพยัคฆ์ และบิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรักสายวงศ์เทวัญที่จะเกษียณ

“ตำแหน่งไม่มี ถึงมีเขาก็คงไม่อยากมาเป็น เขาคงอยากเกษียณมั้ง ผมจะให้เขา ผมถาม ผบ.ทบ. ว่าอยากจะเป็นอะไรมั้ย เขาบอกว่าไม่อยากเป็นอะไร แล้วเขาก็เป็น สนช. แล้ว ก็พอแล้ว จะเอาอะไรอีก เกษียณก็กลับบ้าน” บิ๊กตู่สยบข่าว

ที่น่าสังเกตคือ พล.อ.ประวิตร ไม่ค่อยอยากวิจารณ์อะไรที่เกี่ยวกับนายกฯ ทั้งการเป็นนายกฯ คนนอก ตาม “เปรมโมเดล” หรือตั้งพรรคทหาร

“นายกฯ เขาโตจนป่านนี้ เขารู้และตัดสินใจเองได้ว่าจะทำยังไง ผมไม่อาจไปสะกิด หรือเตือนท่านหรอก” บิ๊กป้อม กล่าว

แต่ที่เป็นที่สังเกตคือ วันที่นายกฯ นำ ครม. และ ผบ.เหล่าทัพ เข้าอวยพรวันเกิดป๋าเปรม นั้น นายกฯ พยายามจะควงแขน คล้องแขนบิ๊กป้อมตลอดเพื่อสยบข่าวขัดแย้งจากเรื่องโผทหาร

“พวกสื่อนี่แหละที่ชอบเสี้ยมให้ผมกับพี่ป้อมทะเลาะกัน ไม่มีวันทะเลาะ ชาติหน้าก็ไม่ทะเลาะ” พล.อ.ประยุทธ์ พูดต่อหน้าป๋าเปรมอีกด้วย

ต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีกลยุทธ์ในการจัดทัพ เพราะแม้จะให้ พล.อ.เฉลิมชัย รบพิเศษเป็น ผบ.ทบ. แต่ทว่ามือไม้ แม่ทัพนายกอง ผบ.พล. และ ผบ.หน่วยคุมกำลังต่างๆ ก็ยังคงเป็นบูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือราชินี รวมทั้งวงศ์เทวัญ สายบิ๊กป้อมและบิ๊กตู่ ตามเดิม

ที่จะเป็นการถอดสลักการปฏิวัติซ้ำ รัฐประหารซ้อนได้ โดยเฉพาะมี พล.ท.อภิรัชต์ น้องรักสายวงศ์เทวัญ เป็นสายตรงนายกฯ แม้จะไม่ใช่สายตรงบิ๊กป้อม ก็ตาม

เพราะในโยกย้ายปลายปีหน้า ไม่มีใครรู้ว่าบิ๊กตู่จะกล้าขยับบิ๊กเจี๊ยบ ไปเป็น ผบ.สส. ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณกันยายน 2561 หรือไม่ หรือว่ามีสัญญาสุภาพบุรุษ ให้เป็น ผบ.ทบ. แค่ปีเดียว หรือไม่ เพื่อเปิดทางให้บิ๊กเข้ พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่จะขึ้นห้าเสือ ทบ. ในโผนี้ และจ่อเป็น ผบ.ทบ. เพราะเกษียณปี 2561 พร้อมกัน

แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งใจจะให้ พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. 2 ปีจนเกษียณ พล.ท.เทพพงศ์ ที่เป็นน้องรัก ตท.18 ของทั้ง 3 ป. ก็คงต้องทำใจ แบบที่เขาเคยบอกว่า “ฟ้าได้ลิขิตไว้แล้วว่าใครจะเป็นอะไร”

จึงน่าจับตามองการวางทายาทอำนาจในกองทัพของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะการดึง พล.ท.อภิรัชต์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็หมายถึง โอกาสที่จะเป็น ผบ.ทบ. คนต่อจาก พล.อ.เฉลิมชัย ได้เลย เพราะ พล.ท.อภิรัชต์ เกษียณกันยายน 2563 ตัดหน้า พล.ต.กู้เกียรติ เพื่อนรัก ตท.20 ที่กำลังถูกมองว่าจะมองหน้ากันได้สนิทใจหรือไม่นับจากนี้

ไม่แค่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังดึงน้องรักสายบูรพาพยัคฆ์ ทั้งบิ๊กหนุ่ย พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผบ.พล.ร.9 และบิ๊กติ๋ง พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ ผบ.พล.ร.2 รอ. ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาค 1 คู่กัน เพื่อไม่ให้ได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อน ตท.22 ที่ก็แข่งกันมา

รวมทั้งการดัน เสธ.ต่อ พันเอกเจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. และอดีต ผบ.ร.21 รอ. ขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. และคาดว่า เสธ.อู๋ พ.อ.วุฒิชัย นาควานิช น้องชายบิ๊กหมู จะขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.9 คุมกำลังต่อ และบิ๊กบี้ พล.ต.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ ที่คาดว่ายังเป็น ผบ.พล.1 รอ. คุมขุมกำลังปฏิวัติต่อ

ดังนั้น พล.อ.เฉลิมชัย ก็จะเป็นแค่หัว เป็นหัวหมวกแดง แต่ลำตัวและมือไม้เขี้ยวเล็บก็จะเป็นของ 3 ป. เช่นเดิม

IMG_5725
พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ, พล.ต.ธรรมนูญ วิถี, พล.ต.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้

ไม่ใช่แค่เป็น ผบ.ทบ. เท่านั้น เพราะโดยตำแหน่งแล้ว พล.อ.เฉลิมชัย จะต้องเป็นเลขาธิการ คสช. และอาจรวมถึง ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยของ คสช. (ผบ.กกล.รส.) เช่น พล.อ.ธีรชัย อีกด้วย

ท่ามกลางการจับตามองว่า ทหารรบพิเศษจะเบ่งบานใน ทบ. ได้อย่างไร หรือไม่ แต่คาดกันว่า ทีม รปภ.ผบ.ทบ. ในหลายยุคที่ผ่านมา จะเป็นทหารเสือราชินี จาก ร.21 รอ. แต่จากนี้ไปก็จะเป็นทหารรบพิเศษจากกองพันจู่โจม หน่วยรบพิเศษชั้นยอดของ นสศ.

รวมถึงภาพรวมของ ทบ. ก็จะคงเข้มข้น คึกคักมากขึ้น เพราะ พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. สไตล์รบพิเศษ ที่เน้นเรื่องความฟิตของร่างกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกาย

ยิ่ง พล.อ.เฉลิมชัย เป็นนักฟุตบอลที่เล่นจริงวิ่งจริง ไม่ใช่สร้างภาพ เพราะช่วงเกือบ 1 ปีของการเป็น ผช.ผบ.ทบ. บิ๊กเจี๊ยบลงมาเตะบอลกับทีมต่างๆ ที่สนามหญ้าหน้า บก.ทบ. ทุกสัปดาห์ แบบเต็มเวลา จนได้ฉายา “เมสซี่เจี๊ยบ” เพราะการเป็นกองหน้าที่วิ่งยิงทำประตู ด้วย

“การเตะบอลแบบนี้ ไม่ต้องมีไลน์แมน เพราะเราไม่ได้เตะเอาแพ้เอาชนะอะไรกัน แต่จะทำให้เราดูคนได้ เพราะจะต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ถ้าลูกออก ก็ต้องยกมือ บอกว่าลูกออก แล้วก็ไม่ต้องเล่นแบบชงลูกให้ผมยิง แบบไม่ธรรมชาติ” บิ๊กเจี๊ยบเผยข้อคิด

ประวัติศาสตร์ ทบ. มี ผบ.ทบ. จากรบพิเศษมาแล้ว 3 คน ทั้ง พล.อ.วิมล วงศ์วานิช ที่เข้ามาหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

พล.อ.สุรยุทธ์ ตอนเป็น ผบ.ทบ. ก็มีข่าวจะก่อการรัฐประหารอยู่เนืองๆ

ส่วน พล.อ.สนธิ ก็เตะฟุตบอลไปวางแผนปฏิวัติไป

จึงสะกิดให้จับตามองกันว่า เมื่อมี ผบ.ทบ.รบพิเศษ ก็จะมีอะไรพิเศษๆ เกิดขึ้นได้เสมอ

ยิ่งเงียบ ยิ่งขรึม ยิ่งพูดน้อย ยิ่งน่าติดตาม…