พี่น้อง “ตระกูลไทย”/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

พี่น้อง “ตระกูลไทย”

 

ในที่สุด “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” กำหนดโปรแกรมอ่านคำวินิจฉัย ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ ในประเด็นที่ “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ส่งคำร้องให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 17 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่

หลังจากได้รับเอกสารสำเนาบันทึกการประชุมและรายงานการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 501 ซึ่งมีวาระการประชุมรับรองบันทึกการประชุมครั้งที่ 500 “ศาลรัฐธรรมนูญ” อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้ว เมื่อวันที่ 14 กันยายน เห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน

จึงกำหนดนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือ ลงมติและอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง ในวันที่ 30 กันยายน 2565 เวลา 15.00 น. เป็นอันว่า ทั้ง “กองเชียร์-กองแช่ง” ต้องชักตะพานแหงน ลุ้นระทึกกันต่ออีก 2 อาทิตย์เศษ

สัปดาห์นี้ เลยขอพักเบรก ปม “8 ปีบิ๊กตู่” เอาไว้แป๊บหนึ่ง “โรเตชั่น” เรื่องสนุกๆ ว่าด้วย “พรรคการเมืองใหม่” ที่ตอนนี้ “คนขายฝัน” จับกลุ่มแห่นาคออกมาประกาศตั้งพรรคจำนวนมาก คิดว่าง่าย ราบรื่นดุจสายน้ำไหลในลำธาร ยังไงยังงั้น

พรรคที่ก่อตั้งใหม่ นโยบายไม่ใช่ไฮไลต์หลัก ยึดชื่อพรรคเป็นสาระสำคัญ และตั้งกันออกมาเหมือนกับ “ตำราแพทย์” ยังกะแกะกล่อง เป็นญาติวงศ์พงศา คลานตามหลังกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

คงเอกลักษณ์คำว่า “ไทย” เป็นเชิญสัญลักษณ์ในทิศทางเดียวกัน “ไทยสร้างไทย-สร้างอนาคตไทย-เศรษฐกิจไทย” นกแก้ว-นกขุนทอง นำไปขูดลิ้นแล้ว ยังสับสนอลหม่านเรียกชื่อทั่นหัวหน้า กับพรรคต้นสังกัดสับสนระคนกัน

จริงๆ แล้ว “ต้นตระกูลไทย” ทั้งหลายเหล่านี้ ต่างหวังจะแจ้งเกิดบนถนนสายการเมือง จากการเลือกตั้งสมัยหน้าเอาไว้มากครือๆ กัน ตั้งตัวเลขไว้ 20 ที่นั่งขึ้นทั้งสิ้น แต่บังเอิญว่า “ลมหยุดพัด”

ผลมาจากการปรับเปลี่ยนกติกาเลือกตั้งใหม่ ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ส.ส.เขตเลือกตั้ง จากเดิม 350 ที่นั่ง เพิ่มเป็น 400 ขณะที่ “บัญชีรายชื่อ” หรือ “ปาร์ตี้ลิสต์” ลดจาก 150 เหลือ 100 ที่นั่ง

โมเมนต์การเลือกตั้ง ปรับออปชั่นใหม่ เขตเลือกตั้ง สบายหายห่วงมากกว่า ขณะนี้ “บัญชีรายชื่อ” ยากขึ้น เมื่อปรับมาเป็นสูตรหาร 100 ต้องมีเสียงสนับสนุน 350,000 คะแนนจึงได้ ส.ส. 1 ที่นั่ง ขณะเดียวกันสูตรหาร 500 ตัวเลขต่ำมาก แค่ 70,000 ต่อ ส.ส. 1 คน

ผลพวงจากกติกาใหม่ ทำให้ “พรรคใหม่” ทำท่าจะเกิดภาวะอุดตัน หาทางไปสวรรค์ไม่เจอ…การรู้จักผู้อื่นแปลว่า รู้จริง ฉลาด รู้จักตัวเอง แปลว่า รู้แจ้ง เลยหาหนทางเอาตัวรอดกันหลายรูปลักษณ์

คว่ำเรือ กระโดดค้ำถ่อตอนยังไม่ทันออกจากท่า ดีกว่าไปชนปังตอ หรือหินโสโครก ดับอนาถกลางทะเลลึก…จริงอยู่เวลาล่องเรือมีคลื่นถึงสนุก แต่นั่นมันเป็นเกมของนักโต้คลื่น แต่เป็นนิยามที่ “หยาบคาย” มากสำหรับคนการเมือง เป็นไปได้ยาก เหมือนกับเลี้ยงหมาให้โตเท่าควาย

 

ตัดฉากฉับ ตามไปดู “พรรคใหม่” พี่น้อง “ตระกูลไทย” กัน 2-3 พรรค เริ่มจาก

1. “ไทยสร้างไทย” หลังขนคณะลูกทีมที่ใกล้ชิด เดินออกจาก “เพื่อไทย” บ้านหลังเก่า “คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ยึดสโลแกน ช้าเป็นการนานเป็นคุณ ล่าสุด ประกาศปักธง เป็นหัวหน้าพรรค ดึงคนรุ่นเก่า ผสมรุ่นใหม่ เดินเครื่องเต็มสูบ ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งสู้ศึกในสมัยหน้า เชื่อมั่นว่า จะได้ที่นั่งทั้งเขตเลือกตั้ง-บัญชีรายชื่อ ตามเป้า

หัสเดิมมีข่าวแว้บๆ ว่า “ไทยสร้างไทย” เจอกติกาใหม่ สูตรหาร 100 ทำท่าจะหันรีหันขวาง ออกอาการลังเล จะไปยุบรวมกับบางพรรค ติดต่อประสาน สืบราคาดูใจกับแกนนำบ้างแล้ว แต่สุดท้าย “คุณหญิงหน่อย” ขอสู้ต่อ ด้วยการลุยเดียว ไม่มัดข้าวต้มรวมพรรคกับใคร แถมมาถูกที่ถูกเวลา ประกาศเดินหน้าสู้เอาในวันที่ “อีสานโพล” เผยผลสำรวจความนิยมของพี่น้องชาวที่ราบสูง ปรากฏว่า “เจ๊หน่อย” ยึดตำแหน่งจ่าฝูง

2. “พรรคสร้างอนาคตไทย” ออกตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน หลังปล่อยให้ “2 กุมาร” ระหว่าง “อุตตม สาวนายน” กับ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เป็นโต้โผดึง “คนการเมือง” ทั้งภาคเหนือ-อีสาน-ใต้-กทม. มาร่วมอุดมการณ์เดียวกันมายาวนาน ได้มือดีๆ มาทั้ง “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ-วิเชียร ชวลิต-สุรนันทน์ เวชชาชีวะ-สุพล ฟองงาม” มาร่วมทัพ ล่าสุดเมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ได้ประกาศเปิดตัว “สมคิด จาตุศรึพิทักษ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยืนเป็นเบอร์หนึ่งแคนดิเดตนายกฯ

“อุตตม-สนธิรัตน์” คงเก็บบทเรียนมาจากพลังประชารัฐ ที่ตัวเองสร้างมากับมือ เขียนนโยบายมาเอง เดินสายเสริมแกร่งมาตั้งแต่ช่วงต้นๆ แต่ย่ามใจไปหน่อย ไม่ยึดเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไว้ สุดท้ายโดนแซะทิ้งตกขบวนกลางทาง เมื่อสำรวจตรวจแถวแล้ว “สร้างอนาคตไทย” ก็น่าจะอาศัย ไม่ถึงกับจมปรักอยู่ในโซนท้ายๆ

3. “พรรครวมไทยสร้างชาติ” เดิมที “แรมโบ้อีสาน-เสกสกล อัตถาวงศ์” เป็นผู้จดทะเบียนพรรคก่อตั้งไว้ แต่ช่วงสุดท้าย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษา “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ที่เคยถูกส่งตัวไปกุมบังเหียนในพรรคพลังประชารัฐ อยู่ชั่วขณะหนึ่ง

แต่โดนเครือข่ายเด็กในคาถาบ้านป่ารอยต่อฯ เตะสกัดวันละหลายเวลา “พีระพันธุ์” อดีตผู้พิพากษาเก่า ซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงพอตัว เพราะเคยอยู่กับประชาธิปัตย์มายาวนาน แต่แล้วเส้นทางใน พปชร.ไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ เลยตัดสินใจไขก๊อก มาเป็นผู้นำทัพ “รวมไทยสร้างชาติ”

เป็นที่รู้กันว่า “รวมไทยสร้างชาติ” มีภารกิจหลักคือยึดตัวบุคคลที่ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นปัจจัยหลัก จึงมีอดีต ส.ส.เก่า ระดับรัฐมนตรีก็มี นักการเมืองที่มีชื่อเสียงหลายคน พร้อมจะแหกด่านมะขามเตี้ยมาร่วมวงไพบูลย์ กรณีนี้ที่ “บิ๊กตู่” ได้ไปต่อ ตั้งความหวังเอาไว้สูง จะเป็นพรรคเบอร์ต้นๆ วางเป้าจะชนะ “พปชร.” ซะด้วยซ้ำ

“3 พรรค” ที่กล่าวมาข้างต้น ใครจะเป็น “พระเอก” หรือ “ตัวประกอบ” เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์