1 ครอบครัว 1 ‘อ้อ’ POWER/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

1 ครอบครัว

1 ‘อ้อ’ POWER

การย่างเท้าเข้าสู่ปริมณฑลการเมืองของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นั้น

ดูเหมือนจะเกี่ยวพันกับคำว่า “ครอบครัว” มากเป็นพิเศษ

คือนอกเหนือจากดำรงตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย แล้ว

ยังมีฐานะเป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย”

อันถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการรวบรวมกลุ่มคนต่างๆ ที่แม้ไม่ใช่สมาชิกพรรค แต่มีสัมพันธ์อันดีทั้งในนามคนเสื้อแดง คนที่ชื่นชอบในตระกูลชินวัตร มาร่วมสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ในการก้าวไปสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ สำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง

และเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2565 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจัดงาน ‘สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ’

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็ยังขับเน้นเรื่องครอบครัว

โดยบอกว่า จ.เชียงใหม่ คือบ้านเกิดของบิดา ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นอาของตน การพัฒนาภาคเหนือจึงเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำมาตลอดและจะไม่ลืมภาคเหนือแน่นอน

พร้อมทั้งได้ประกาศจะทำนโยบายหลายนโยบาย

หนึ่งในนั้นคือ “1 ครอบครัว 1 Soft Power”

เป็นนโยบายที่จะสร้างเงินจากฝีมือของ 1 คนในครอบครัว เพราะมองเห็นโอกาสว่าค่าแรงของ Soft Power มีค่าแรงสูงกว่าค่าแรงอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงแนวคิดในการจัดตั้ง The Thai Creative Content Agency : THACCA หน่วยงานพัฒนาศักยภาพ Solf power โดยใช้งบประมาณของรัฐบาลในการดูแล และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบหน่วยงานนี้

พร้อมกับทิ้งท้าย ที่เชื่อมโยงไปถึงครอบครัวอีกเช่นกัน

โดยระบุว่า “เราเคยทำสำเร็จมาแล้วและจะทำอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ คุณแม่มาให้กำลังใจ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ทุกคนมีให้ วันนี้เพื่อไทยจะลั่นกลองสะบัดชัยให้ดังไปทั่วทั้งแผ่นดิน”

ซึ่งดูเหมือนประโยคที่ว่า “คุณแม่มาให้กำลังใจ” ดูจะเป็นไฮไลต์ที่สร้างความสนใจให้กับสังคมมากที่สุด

 

ไฮไลต์เนื่องเพราะกิจกรรม “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” ที่จัดขึ้น ถือเป็นครั้งแรกที่มีบุคคลในครอบครัว “ชินวัตร” มาร่วมกิจกรรมและให้กำลังใจอุ๊งอิ๊งอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

น่าสนใจที่สุดคือ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา ที่มักจะหลีกเลี่ยงไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองใดๆ เสมอ

ตามมาด้วย นายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชาย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ พี่เขย นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของอุ๊งอิ๊ง

พร้อมกันนี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

ถือว่ายก “ครอบครัว” และ “ตระกูลชินวัตร” มาร่วมงานเลยทีเดียว

น.ส.แพทองธารบอกว่า ที่คุณหญิงพจมานและครอบครัวเดินทางมาร่วมงานในวันนี้ถือเป็นกรณีพิเศษ

“ทุกคนทราบกันดีว่าปกติคุณแม่จะไม่ออกงาน คุณแม่เห็นว่าดิฉันไปลงพื้นมี่หลายงานจึงแสดงความเป็นห่วง ก็จะถามว่าเหนื่อยไหม เครียดไหม พูดแล้วก็รู้สึกซึ้ง และรู้สึกดีใจมาก ระหว่างที่อยู่บนเวทีแอบอมยิ้มที่เห็นคุณแม่และครอบครัวมา ไม่ได้ไปบังคับคุณแม่ หากคุณแม่ว่างก็มาได้ เพราะดิฉันก็อยากให้คุณแม่มา ซึ่งไม่ได้ไปกดดัน คุณแม่ก็บอกว่า เดี๋ยวไปนะ พูดแค่นี้ก็เป็นกำลังใจให้ทุกอย่างแล้ว ตอนแรกก็ไม่อยากตั้งความหวังว่าคุณแม่จะมา แม้จะอยากให้มา แต่คุณแม่ไม่มาการเมืองแน่นอน”

“คุณแม่จะเป็นกำลังใจที่บ้าน และเป็นกำลังใจที่สำคัญ และเป็นความมั่นคงทางจิตใจของดิฉัน”

 

สิ่งที่ปรากฏต่อสาธารณะ ที่เชียงใหม่ จะมองว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ล้อกับนโยบาย “1 ครอบครัว 1 Soft Power” ก็ได้

คือเป็นปรากฏ “1 ครอบครัว (ชินวัตร)” กับ “1 อ้อ Power”

ซึ่งไม่ใช่เพียงการให้กำลังใจลูกสาวเท่านั้น

หากแต่ถูกตีความว่า ไปมากกว่านั้น

นั่นก็คือการปรากฏตัวของคุณหญิงพจมาน เป็นสัญลักษณ์และสัญญาณทางการเมือง ที่ชี้ว่า จะให้การสนับสนุนอุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลุยการเมืองอย่างเต็มตัว และเต็มที่

จากที่ก่อนหน้านี้ ไม่มีท่าทีแจ่มชัดว่า คุณหญิงพจมาณจะสนับสนุนให้ลูกสาวเข้าสู่สนามการเมืองหรือไม่

ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังเล่นการเมือง ถือว่าร้ายแรงมากพอแล้ว

จึงอาจไม่เห็นด้วยหาก น.ส.แพทองธารจะเลือกเดินเส้นทางการเมืองนี้อีก

และตั้งแต่ น.ส.แพทองธารเข้าสู่การเมืองเต็มตัว ตั้งแต่ 28 ตุลาคม 2564 โดยเปิดตัวครั้งแรกที่ จ.ขอนแก่น และทำกิจกรรมในนามครอบครัวเพื่อไทยเรื่อยมา แต่ยังไม่เคยมีเวทีไหนที่คุณหญิงพจมานเดินทางไปให้กำลังใจเลย

จนกระทั่งมาถึงครั้งนี้ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยอย่างน่าสังเกต

ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

ด้วยมีการตระเตรียมล่วงหน้า โดยส่งสัญญาณผ่านสื่อ ให้สมาชิกและคนในครอบครัวเพื่อไทย และคนทั่วไป เพื่อให้ติดตามกิจกรรมครอบครัว “ชินวัตร” ว่าทุกองคาพยพ โดยเฉพาะ “คุญหญิงอ้อ” ได้เป็น “Power” สนับสนุน น.ส.แพทองธาร ในการลุยสนามการเมืองอย่างเต็มที่แล้ว

 

การปรากฏกายของคุณหญิงพจมาน จึงเป็นเสมือนการตอกหมุดย้ำชัดเจน

ว่าพรรคเพื่อไทยกำลังจะรุกไปข้างหน้า ไม่มีถอย

การส่ง น.ส.แพทองธารลงสนามการเมืองที่อาจเป็นการรบครั้งสุดท้าย ถือเป็นการทิ้งไพ่สำคัญ ที่มุ่งสู่ชนะเลือกตั้ง เพื่อตั้งรัฐบาลแล้วทวงอำนาจรัฐ-ทวงความยิ่งใหญ่เพื่อไทยกลับคืนมา

ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้ ครอบครัวชินวัตรย่อมต้องเอาจริงแบบ 100 เปอร์เซ็นต์

ทั้ง “ทุน” และเสบียงกรังที่ต้องเทออกมาสู้

สู้เพื่อเป็นไปตามเป้าหมายอย่างที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศ นั่นคือครอบครัวใหญ่ นำโดยแพทองธาร ชินวัตร พร้อมรบเพื่อแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน 250 เสียง

“ต้องชนะเลือกตั้ง ถล่มทลายมากกว่า 250 เสียง เราถึงจะเอาหัวใจที่รักที่สุด ที่หวงแหนกลับคืนมา และเอาระบอบประยุทธ์ออกไป เราจะเอา 250 ส.ว.ออกไปแล้วเลือกนายกฯ ด้วยตัวพวกเรา ถ้าเราไม่แลนด์สไลด์ สิ่งที่พูดไว้จะไม่ได้คืนมา” น.พ.ชลน่านระบุ

และบอกว่า พรรคการเมืองทุกพรรคเป็นคู่แข่งกับเรา และมีพรรคการเมือง 2 ประเภทเป็นศัตรู คือพรรคที่ชอบไปหาเสียงแล้วแอบอ้างว่าเป็นพรรคเดียวกัน เป็นพรรคพี่ เป็นพรรคน้อง พรรคนี้เราประกาศเป็นศัตรูทางการเมือง พรรคที่สองคือพรรคที่สนับสนุนเผด็จการ ระบอบประยุทธ์ เราจะไม่จับมือกับพรรคที่จับมือสนับสนุนพรรคการเมืองที่เป็นเผด็จการกับระบอบประยุทธ์

 

คําประกาศของ นพ.ชลน่าน ที่ว่า “จะเอาหัวใจที่รักที่สุด ที่หวงแหนกลับคืนมา”

ทำให้หลายคนหวนนึกถึงคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร ที่กล่าวในห้วงวันเกิดครบรอบ 73 ปี 26 กรกฎาคม 2565 หลังถูกถามว่าเมื่อมองกระจกแล้วเห็นอะไร

ซึ่งนายทักษิณบอกว่า

“เห็นคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา ผมสงสารคุณหญิงพจมาน… เพราะว่าคุณหญิงรับภาระแทนผมมาเยอะ สงสาร”

“ถ้าผมได้กลับไปอยู่ครอบครัวแล้ว มันก็จบทุกอย่าง”

อันสะท้อนว่า ความฝันอันสำคัญหนึ่งของนายทักษิณ และครอบครัวชินวัตร นั่นก็คือการได้กลับประเทศ

ซึ่งจะเป็นไปได้ ก้าวแรกก้าวสำคัญ นั่นก็คือ ต้องประสบชัยชนะการเลือกตั้งก่อน

แน่นอนย่อมต้องเผชิญอุปสรรคขัดขวาง และมีแรงเสียดทานอย่างหนักแน่นอน โดยเฉพาะกับคุณหญิงพจมาน ที่ถูกมองว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงของพรรคเพื่อไทย

นี่กระมัง ทำให้เมื่อวันที่ 13 กันยายน เฟซบุ๊ก CARE ที่ได้ไลฟ์สดพูดคุยกับโทนี่ วู้ดซัม

นายทักษิณได้ชิง “ป้อง” คุณหญิงพจมาณไม่ให้เป็นเป้าจนเกินไป

โดยบอกว่า กิจกรรม “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต กรณีคุณหญิงพจมานเดินทางให้ไปให้กำลังใจลูกสาว จนถูกวิเคราะห์ไปต่างๆ นานา เช่น จะเป็นบันได 3 ขั้นพาตนกลับบ้าน มีดีลลับ รวมถึงคุณหญิงพจมานจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตัวจริงนั้น

“ไม่มีใครรู้จักคุณหญิงพจมานดีเท่าผม ยืนยันว่าคุณหญิงไม่ชอบการเมือง ตอนผมจะลงเล่นการเมืองใหม่ๆ คุณหญิงรู้สึกอึดอัดและไม่สนับสนุน แต่เมื่อลูกสาวเข้ามาทำหน้าที่ จึงไปให้กำลังใจลูกสาว โดยไม่มีนัยยะอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องวิเคราะห์ เพราะเป็นธรรมชาติของแม่ที่ไปให้กำลังใจลูก และเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและให้กำลังใจกันแบบนี้มาตลอด” นายทักษิณกล่าว

และว่า

“สำหรับผมเอง หากจะกลับบ้านไม่มีหมากอะไรหลายชั้น ไม่ต้องคิดว่าผมจะให้รัฐบาลเพื่อไทยเสนอนิรโทษกรรม ไม่มีแน่นอน มีหมากชั้นเดียวตื้นๆ คือกลับ หรือไม่กลับ ดังนั้น นักวิเคราะห์ทั้งหลายอย่าคิดเยอะ”

 

แม้นายทักษิณจะช่วยออกตัวโดยกันคุณหญิงพจมานเป็นเพียงกองหนุน

แต่เมื่อคุณหญิงพจมานซึ่งเล่นบทบาทคนอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด ปรากฏตัวต่อสาธารณะด้วยการออกมาแสดง “POWER” ให้กำลังใจลูกสาวอย่างเปิดเผยเช่นนี้

ย่อมปฏิเสธเป็นอื่นได้ยาก นอกจากยืนยันว่า ศึกการเมืองครั้งนี้ คุณหญิงอ้อสู้อย่างเต็มที่

ส่วนจะบรรลุผลแค่ไหน ย่อมเป็นความระทึกใจอย่างยิ่ง

เพราะการโชว์ “พลังหนุน” ครั้งนี้ ไม่ได้สร้างขวัญกำลังใจ หรือดึงดูดความมั่นใจจากฝ่ายสนับสนุนเท่านั้น

หากแต่ดึงดูดฝ่ายต้าน ที่พร้อมจะออกมารวมพลังเพื่อขัดขวางเป้าหมายของครอบครัวเพื่อไทย ครอบครัวชินวัตร อย่างเต็มที่เช่นกัน