ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 กันยายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ
อะไรจริง อะไรไม่จริง
สิ่งที่ ‘หม่อมน้อย’ ตั้งใจสะท้อน
กับผลงานสุดท้าย
SIX CHARACTERS มายาพิศวง
วงการบันเทิงไทยสูญเสียบุคคลสำคัญไปอีกหนึ่ง
นั่นคือ หม่อมน้อย หรือ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้กำกับละครโทรทัศน์ชื่อดังวัย 68 ปี ที่เสียชีวิตลงอย่างสงบแล้ว เมื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 15 กันยายน 2565 ด้วยโรคมะเร็งปอด หลังจากเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน
หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือที่รู้จักกันในนามว่าหม่อมน้อย เกิดเมื่อปี พ.ศ.2496 เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้กำกับละครโทรทัศน์ และละครเวทีที่มีผลงานโดดเด่นแปลกใหม่และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคนหนึ่งของประเทศไทย ทั้งยังเป็นผู้เขียนบทและอาจารย์สอนวิชากำกับการแสดงและการแสดงอีกด้วย
เป็นบุตรของหม่อมราชวงศ์ชนาญวัต เทวกุล (โอรสในหม่อมเจ้าสุทธาสิโนทัย เทวกุล) กับนางภักดี เทวกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม สมรรคะบุตร)
โดยหม่อมน้อยเป็นพระปนัดดา (เหลน) ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ และหม่อมใหญ่ เทวกุล ณ อยุธยา ทางหม่อมเจ้าสุธาสิโนทัย เทวกุล (พระอนุชาในหม่อมเจ้าอัปษรสมาน กิติยากร พระอัยกีในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง) ผู้เป็นท่านปู่
หม่อมน้อยมีผลงานเรื่องแรกคือ เพลิงพิศวาส ของสหมงคลฟิล์ม ที่ได้สร้างชื่อให้แก่สินจัย เปล่งพานิช และในอีก 26 ปีต่อมา หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพได้กลับมาร่วมงานกับสหมงคลฟิล์มอีกครั้งในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย
ผลงานกำกับภาพยนตร์ของ ม.ล.พันธุ์เทวนพ ได้รับรางวัลหลายเรื่อง เช่น เพลิงพิศวาส, ช่างมันฉันไม่แคร์, ฉันผู้ชายนะยะ, นางนวล, เผื่อใจไว้ให้กันสักหน่อย, ความรักไม่มีชื่อ, มหัศจรรย์แห่งรัก และ อันดากับฟ้าใส
ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดและถือเป็นผลงานสุดท้ายที่หม่อมน้อยได้ฝากฝีมือไว้ คือ SIX CHARACTERS มายาพิศวง โดยเพิ่งจะเข้าโรงภาพยนตร์เมื่อ 15 กันยายน 2565 ที่ผ่านมานี้เอง
ผลงานล่าสุดนี้ ถือเป็นการหวนสู่วงการ หลังจากที่ห่างหายจากการทำหนังไป 7 ปี
‘Six Characters’ ดัดแปลงมาจากบทละครเวที เรื่อง ‘Six Characters in Search of an Auther’ ของนักประพันธ์ชาวอิตาเลียนเจ้าของรางวัลโนเบล ลุยจิ ปิรันเดลโล
ได้ดาราดังอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ, แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ, ศักราช ฤกษ์ธำรงค์, บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์, ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต, รัดเกล้า อามระดิษ, จิรวิชญ์ พงษ์ไพจิตร, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ฯลฯ มารวมตัวถ่ายทอด
หม่อมน้อยบอกว่าผลงงานนี้เกิดจากการได้ทราบว่า วิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปรารถนาจะสร้างสถาบันการศึกษาภาพยนตร์ ซึ่งตรงกับใจเขาเป็นที่สุด ขณะเดียวกันเมื่อวิชาทราบว่าเขามี ‘สเปเชียล เวิร์คชอป ฟอร์ ฟิล์ม’ จึงถือโอกาสสร้างงานโปรเจ็กต์ใหญ่นี้
เพื่อเป็นการเปิดประตูสู่การสร้างสถาบันการศึกษาภาพยนตร์
เหตุที่เลือกเรื่องราวของ ‘ตัวละครทั้ง 6’ ซึ่งถือกำเนิดและมีชีวิตโลดแล่นอยู่ในจินตนาการของนักประพันธ์ ผู้ไม่ยอมเขียนบทสรุปให้ตัวละครเหล่านั้น จนทั้ง 6 จึงตัดสินใจตามหานักประพันธ์คนใหม่ รวมถึงไปเกลี้ยกล่อมให้ผู้กำกับฯ ชื่อดัง นำเรื่องราวของพวกเขาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ หม่อมน้อยบอกว่าเป็นเพราะชอบในสาระ
“วรรณกรรมทุกเรื่องของปิรันเดลโล คือการสะท้อนความคิด สัจธรรมในจิตใจมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องนี้ที่ค่อนข้างชัดเจนมาก พูดถึงความแตกต่างระหว่างความจริงกับมายาภาพ ว่าอะไรคือจริงและอะไรไม่จริง”
หม่อมน้อยซึ่งรับหน้าที่ทั้งกำกับการแสดงและเขียนบทภาพยนตร์บอกด้วยว่า บทประพันธ์เรื่องนี้ถือเป็นงานที่คนเรียนศิลปการละคร การแสดง และภาพยนตร์ทั่วโลกน่าจะรู้จัก อีกทั้งยังเคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง แต่ที่ผ่านๆ มาจะคล้ายกับเป็นภาพยนตร์บันทึกภาพการแสดงละครเวทีมากกว่า อย่างไรก็ดี ครั้งนี้เขาตั้งใจทำให้แตกต่าง
“พยายามมองว่า มีวิธีไหนที่จะนำเสนอให้เป็นศิลปะภาพยนตร์และศิลปการละครไปพร้อมๆ กัน มันเลยจะเป็นการชนกันระหว่างสองสุดยอดศิลปะ ที่ผู้ชมไม่เคยเห็นจากหนังไทยเรื่องไหนมาก่อน”
ในความเห็นของหม่อมน้อย บทละครเรื่องนี้ เป็นงานชิ้นสำคัญที่ท้าทายความยิ่งใหญ่ของกลุ่มคนที่เชื่อว่าตน ‘เป็นผู้ควบคุมได้’
“ถ้าใครดูแล้วเข้าใจ ก็จะได้พุทธิปัญญาเกิดขึ้น คุณจะเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนรอบข้าง จะมีชีวิตที่ความสุขขึ้น จะไม่เหมือนตัวละครทั้ง 6 ที่มีแต่ความทุกข์ทรมาน เพราะยึดติดอยู่กับภาพลักษณ์ตัวเอง”
“จะว่าไป มันก็ไปในเชิงพุทธศาสนาด้วยนะ มันไม่ใช่ความบันเทิงเริงรมย์ แต่เป็นความบันเทิงเชิงปรัชญา แล้วก็ความมหัศจรรย์ของปิรันเดลโลด้วย”
อย่างไรก็ดี หม่อมน้อยการันตีถึงผลงานชิ้นสุดท้ายของตนเองว่า
“ไม่ใช่แค่คนที่มีปัญญาเท่านั้นที่จะดูสนุก เพราะทุกๆ คนสามารถดูสนุกได้เช่นเดียวกัน”
ความเห็นนักแสดง
แอฟ ทักษอร-มาริโอ้
แอฟ ทักษอร เล่าว่า เธอรับบทเป็นราชินีความงามประจำจังหวัด ที่ชะตากรรมนำพาให้ต้องแต่งงานกับมหาเศรษฐีวัยคราวพ่อ และเมื่อคลอดลูกชายได้ไม่นาน เธอก็ถูกตราหน้าว่ามีชู้ และตัดสินใจทอดทิ้งลูกไป
“ความรู้สึกแรกตอนอ่านบท คือโอ้โฮ…”
“เพราะมันเขียนได้แยบยล ซับซ้อน คือไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรเลยค่ะ เพราะทุกคนในเรื่องสำคัญหมด ทุกคนมีเรื่องของตัวเอง มีคอนฟลิกของตัวเอง และมีจุดเชื่อมโยงเหมือนกันกัน”
“แล้วตอนที่เวิร์กช็อปกี่ครั้งๆ เราก็จะเอาใจช่วยตัวละครไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง จนพอได้เวิร์กช็อปเยอะๆ เราจะเข้าใจมุมมของตัวละครทุกตัวเลย มันมีเสน่ห์ตรงนี้ มันไม่มีอะไรถูกผิดอย่างชัดเจนเลย ไม่มีตัวละครตัวไหนที่เป็นคนเลว หรือเป็นคนดีอย่างชัดเจน เพราะทุกคนมีความจริงในตัวเอง ความจริงในชีวิตที่ซับซ้อนมากๆ ซึ่งแอฟเชื่อว่าคนดูจะเอาใจช่วยตัวละครแต่ละตัวที่แตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับมุมมองในชีวิต ประสบการณ์ชีวิต หรือว่าความเชื่อของแต่ละคนค่ะ”
ขณะมาริโอ้ ที่สวมบทผู้กำกับฯ ซึ่งต้องมาพบสถานการณ์ที่ไม่เคยมีผู้กำกับฯ คนใดเคยเผชิญมาก่อนเล่าว่า ก่อนจะถ่ายทำ “เราซ้อมกันมาเกือบ 1 ปี เพื่อพยายามเข้าถึงแคแร็กเตอร์”
“เจตจำนงสำคัญที่ผมได้เห็นจากเรื่องนี้ คือเมื่อตัวละครถือกำเนิดขึ้นมา มันจะเป็นอิสระ แม้กระทั่งจากนักประพันธ์ทันที จนใครๆ ก็อาจนึกภาพให้มันอยู่ในสถานการณ์อื่น ที่ตัวนักประพันธ์เองไม่ได้คิดจะให้อยู่ และบางครั้งก็ยังมีความหมายที่นักประพันธ์ไม่เคยคิดฝันที่จะให้มีด้วย”
“และผมหวังว่าอะไรเหล่านี้จะทำให้คนดูได้ครุ่นคิดถึงตัวหนัง ทั้งในส่วนที่ตลก น่ากลัว เศร้า และทำให้คนดูมานั่งล้อมวงพูดคุย แชร์เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับหนัง หลังจากได้ชม”
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022