อะไรจริง อะไรไม่จริง สิ่งที่ ‘หม่อมน้อย’ ตั้งใจสะท้อน กับผลงานสุดท้าย SIX CHARACTERS มายาพิศวง/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

อะไรจริง อะไรไม่จริง

สิ่งที่ ‘หม่อมน้อย’ ตั้งใจสะท้อน

กับผลงานสุดท้าย

SIX CHARACTERS มายาพิศวง

 

วงการบันเทิงไทยสูญเสียบุคคลสำคัญไปอีกหนึ่ง

นั่นคือ หม่อมน้อย หรือ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้กำกับละครโทรทัศน์ชื่อดังวัย 68 ปี ที่เสียชีวิตลงอย่างสงบแล้ว เมื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 15 กันยายน 2565 ด้วยโรคมะเร็งปอด หลังจากเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน

หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือที่รู้จักกันในนามว่าหม่อมน้อย เกิดเมื่อปี พ.ศ.2496 เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้กำกับละครโทรทัศน์ และละครเวทีที่มีผลงานโดดเด่นแปลกใหม่และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคนหนึ่งของประเทศไทย ทั้งยังเป็นผู้เขียนบทและอาจารย์สอนวิชากำกับการแสดงและการแสดงอีกด้วย

เป็นบุตรของหม่อมราชวงศ์ชนาญวัต เทวกุล (โอรสในหม่อมเจ้าสุทธาสิโนทัย เทวกุล) กับนางภักดี เทวกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม สมรรคะบุตร)

โดยหม่อมน้อยเป็นพระปนัดดา (เหลน) ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ และหม่อมใหญ่ เทวกุล ณ อยุธยา ทางหม่อมเจ้าสุธาสิโนทัย เทวกุล (พระอนุชาในหม่อมเจ้าอัปษรสมาน กิติยากร พระอัยกีในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง) ผู้เป็นท่านปู่

หม่อมน้อยมีผลงานเรื่องแรกคือ เพลิงพิศวาส ของสหมงคลฟิล์ม ที่ได้สร้างชื่อให้แก่สินจัย เปล่งพานิช และในอีก 26 ปีต่อมา หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพได้กลับมาร่วมงานกับสหมงคลฟิล์มอีกครั้งในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย

ผลงานกำกับภาพยนตร์ของ ม.ล.พันธุ์เทวนพ ได้รับรางวัลหลายเรื่อง เช่น เพลิงพิศวาส, ช่างมันฉันไม่แคร์, ฉันผู้ชายนะยะ, นางนวล, เผื่อใจไว้ให้กันสักหน่อย, ความรักไม่มีชื่อ, มหัศจรรย์แห่งรัก และ อันดากับฟ้าใส

ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดและถือเป็นผลงานสุดท้ายที่หม่อมน้อยได้ฝากฝีมือไว้ คือ SIX CHARACTERS มายาพิศวง โดยเพิ่งจะเข้าโรงภาพยนตร์เมื่อ 15 กันยายน 2565 ที่ผ่านมานี้เอง

ผลงานล่าสุดนี้ ถือเป็นการหวนสู่วงการ หลังจากที่ห่างหายจากการทำหนังไป 7 ปี

‘Six Characters’ ดัดแปลงมาจากบทละครเวที เรื่อง ‘Six Characters in Search of an Auther’ ของนักประพันธ์ชาวอิตาเลียนเจ้าของรางวัลโนเบล ลุยจิ ปิรันเดลโล

ได้ดาราดังอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ, แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ, ศักราช ฤกษ์ธำรงค์, บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์, ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต, รัดเกล้า อามระดิษ, จิรวิชญ์ พงษ์ไพจิตร, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ฯลฯ มารวมตัวถ่ายทอด

หม่อมน้อยบอกว่าผลงงานนี้เกิดจากการได้ทราบว่า วิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปรารถนาจะสร้างสถาบันการศึกษาภาพยนตร์ ซึ่งตรงกับใจเขาเป็นที่สุด ขณะเดียวกันเมื่อวิชาทราบว่าเขามี ‘สเปเชียล เวิร์คชอป ฟอร์ ฟิล์ม’ จึงถือโอกาสสร้างงานโปรเจ็กต์ใหญ่นี้

เพื่อเป็นการเปิดประตูสู่การสร้างสถาบันการศึกษาภาพยนตร์

เหตุที่เลือกเรื่องราวของ ‘ตัวละครทั้ง 6’ ซึ่งถือกำเนิดและมีชีวิตโลดแล่นอยู่ในจินตนาการของนักประพันธ์ ผู้ไม่ยอมเขียนบทสรุปให้ตัวละครเหล่านั้น จนทั้ง 6 จึงตัดสินใจตามหานักประพันธ์คนใหม่ รวมถึงไปเกลี้ยกล่อมให้ผู้กำกับฯ ชื่อดัง นำเรื่องราวของพวกเขาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ หม่อมน้อยบอกว่าเป็นเพราะชอบในสาระ

“วรรณกรรมทุกเรื่องของปิรันเดลโล คือการสะท้อนความคิด สัจธรรมในจิตใจมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องนี้ที่ค่อนข้างชัดเจนมาก พูดถึงความแตกต่างระหว่างความจริงกับมายาภาพ ว่าอะไรคือจริงและอะไรไม่จริง”

หม่อมน้อยซึ่งรับหน้าที่ทั้งกำกับการแสดงและเขียนบทภาพยนตร์บอกด้วยว่า บทประพันธ์เรื่องนี้ถือเป็นงานที่คนเรียนศิลปการละคร การแสดง และภาพยนตร์ทั่วโลกน่าจะรู้จัก อีกทั้งยังเคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง แต่ที่ผ่านๆ มาจะคล้ายกับเป็นภาพยนตร์บันทึกภาพการแสดงละครเวทีมากกว่า อย่างไรก็ดี ครั้งนี้เขาตั้งใจทำให้แตกต่าง

“พยายามมองว่า มีวิธีไหนที่จะนำเสนอให้เป็นศิลปะภาพยนตร์และศิลปการละครไปพร้อมๆ กัน มันเลยจะเป็นการชนกันระหว่างสองสุดยอดศิลปะ ที่ผู้ชมไม่เคยเห็นจากหนังไทยเรื่องไหนมาก่อน”

 

ในความเห็นของหม่อมน้อย บทละครเรื่องนี้ เป็นงานชิ้นสำคัญที่ท้าทายความยิ่งใหญ่ของกลุ่มคนที่เชื่อว่าตน ‘เป็นผู้ควบคุมได้’

“ถ้าใครดูแล้วเข้าใจ ก็จะได้พุทธิปัญญาเกิดขึ้น คุณจะเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนรอบข้าง จะมีชีวิตที่ความสุขขึ้น จะไม่เหมือนตัวละครทั้ง 6 ที่มีแต่ความทุกข์ทรมาน เพราะยึดติดอยู่กับภาพลักษณ์ตัวเอง”

“จะว่าไป มันก็ไปในเชิงพุทธศาสนาด้วยนะ มันไม่ใช่ความบันเทิงเริงรมย์ แต่เป็นความบันเทิงเชิงปรัชญา แล้วก็ความมหัศจรรย์ของปิรันเดลโลด้วย”

อย่างไรก็ดี หม่อมน้อยการันตีถึงผลงานชิ้นสุดท้ายของตนเองว่า

“ไม่ใช่แค่คนที่มีปัญญาเท่านั้นที่จะดูสนุก เพราะทุกๆ คนสามารถดูสนุกได้เช่นเดียวกัน”

ความเห็นนักแสดง

แอฟ ทักษอร-มาริโอ้

แอฟ ทักษอร เล่าว่า เธอรับบทเป็นราชินีความงามประจำจังหวัด ที่ชะตากรรมนำพาให้ต้องแต่งงานกับมหาเศรษฐีวัยคราวพ่อ และเมื่อคลอดลูกชายได้ไม่นาน เธอก็ถูกตราหน้าว่ามีชู้ และตัดสินใจทอดทิ้งลูกไป

“ความรู้สึกแรกตอนอ่านบท คือโอ้โฮ…”

“เพราะมันเขียนได้แยบยล ซับซ้อน คือไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรเลยค่ะ เพราะทุกคนในเรื่องสำคัญหมด ทุกคนมีเรื่องของตัวเอง มีคอนฟลิกของตัวเอง และมีจุดเชื่อมโยงเหมือนกันกัน”

“แล้วตอนที่เวิร์กช็อปกี่ครั้งๆ เราก็จะเอาใจช่วยตัวละครไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง จนพอได้เวิร์กช็อปเยอะๆ เราจะเข้าใจมุมมของตัวละครทุกตัวเลย มันมีเสน่ห์ตรงนี้ มันไม่มีอะไรถูกผิดอย่างชัดเจนเลย ไม่มีตัวละครตัวไหนที่เป็นคนเลว หรือเป็นคนดีอย่างชัดเจน เพราะทุกคนมีความจริงในตัวเอง ความจริงในชีวิตที่ซับซ้อนมากๆ ซึ่งแอฟเชื่อว่าคนดูจะเอาใจช่วยตัวละครแต่ละตัวที่แตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับมุมมองในชีวิต ประสบการณ์ชีวิต หรือว่าความเชื่อของแต่ละคนค่ะ”

 

ขณะมาริโอ้ ที่สวมบทผู้กำกับฯ ซึ่งต้องมาพบสถานการณ์ที่ไม่เคยมีผู้กำกับฯ คนใดเคยเผชิญมาก่อนเล่าว่า ก่อนจะถ่ายทำ “เราซ้อมกันมาเกือบ 1 ปี เพื่อพยายามเข้าถึงแคแร็กเตอร์”

“เจตจำนงสำคัญที่ผมได้เห็นจากเรื่องนี้ คือเมื่อตัวละครถือกำเนิดขึ้นมา มันจะเป็นอิสระ แม้กระทั่งจากนักประพันธ์ทันที จนใครๆ ก็อาจนึกภาพให้มันอยู่ในสถานการณ์อื่น ที่ตัวนักประพันธ์เองไม่ได้คิดจะให้อยู่ และบางครั้งก็ยังมีความหมายที่นักประพันธ์ไม่เคยคิดฝันที่จะให้มีด้วย”

“และผมหวังว่าอะไรเหล่านี้จะทำให้คนดูได้ครุ่นคิดถึงตัวหนัง ทั้งในส่วนที่ตลก น่ากลัว เศร้า และทำให้คนดูมานั่งล้อมวงพูดคุย แชร์เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับหนัง หลังจากได้ชม”