ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 กันยายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์
นพมาส แววหงส์
I CAME BY
‘แวะมาเยี่ยม’
กำกับการแสดง
Balak Anvari
นำแสดง
Hugh Bonneville
Kelly Macdonald
George Mackay
Percelle Ascot
หนังใหม่ของเน็ตฟลิกซ์สัปดาห์นี้เป็นหนังเขย่าขวัญที่มีเนื้อหาสาระพอควร ไม่ว่างเปล่าเบาหวิว เอาแต่หลอกให้คนดูหวาดเสียวนั่งไม่ติดแบบทริลเลอร์ที่ดูแล้วนึกเสียดายเวลาที่เสียไปเสียทีเดียว
ปัญหาของหนังคือผู้กำกับฯ ฝีมือดีคนนี้พยายามเฉลี่ยน้ำหนักระหว่างการวิพากษ์สังคมและความเครียดขมึงชวนระทึกใจตามแบบฉบับของหนังประเภททริลเลอร์ และยังทำได้ไม่แนบเนียนลงตัวไปจนสุดสายปลายทางนัก
แต่ก็เป็นหนังที่อยากแนะนำอยู่ดีนะคะ
นักแสดงนำคือฮิว บอนเนอวิลล์ ผู้ผันตัวเองจากบทบาทแคแร็กเตอร์ขุนนางหนุ่มใหญ่ผู้สง่างามและแสนดีที่แฟนๆ ล้วนรักใคร่ติดใจในหนังชุด Downton Abbey อันประสบความสำเร็จอย่างล้นเหลือ และหนัง Paddington ซึ่งผู้คนล้วนชื่นชอบเหมือนกัน คราวนี้เขาพลิกโฉมมาสวมบทตัวร้ายใจเหี้ยมเกินมนุษย์มนา
และอีกคนคือ เคลลี แม็กโดนัลด์ (No Country for Old Men, Gosford Park) นักแสดงที่พูดอังกฤษสำเนียงแปร่งหูแบบสกอตต์จนเป็นลักษณะประจำตัวของเธอ
หนังเริ่มด้วยตัวละครที่ดูเหมือนจะเป็นตัวเอก คือ โทบี้ (จอร์จ แม็กเคย์) หนุ่มน้อยวัย 23 ที่อาศัยอยู่กับแม่ (เคลลี แม็กโดนัลด์) ผู้เลี้ยงดูเขาโดยลำพัง และทำงานสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือให้การบำบัดและช่วยเหลือแก่คนยากไร้และด้อยโอกาสในสังคม
แม้จะมีแม่เป็นนักจิตเวช แต่โทบี้ซึ่งโตขึ้นมาโดยไม่มีพ่อ ก็เป็นเด็กมีปัญหา เรียนอะไรก็ครึ่งๆ กลางๆ ไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่มีการงานอาชีพเลี้ยงตัวได้ และไม่ยอมช่วยงานการใดๆ ในบ้านเลย จนทะเลาะกับแม่อยู่เนืองๆ
ตั้งแต่ต้นๆ เรื่อง เราเห็นโทบี้กำลังรอรถไฟใต้ดิน ซึ่งมีหญิงจรจัดนั่งขอทานอยู่ ขณะที่เสียงประกาศจากระบบการขนส่งดังก้องห้ามการให้เงินแก่ขอทานที่เห็นอยู่ทั่วไป
โทบี้จับตาดูนักธุรกิจในชุดสูทที่ยืนรอรถไฟอยู่เหมือนกัน ก่อนจะส่งสัญญาณให้หญิงขอทานที่นั่งอยู่ด้านหลังเงียบๆ ไว้ ขณะที่เขาเดินไปค่อยๆ กรีดมือหยิบมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงของหนุ่มนักธุรกิจอย่างเบามือและแนบเนียน แล้วหย่อนลงกับพื้น ก่อนที่จะเดินกลับมาเก็บขึ้นและถามว่า “นี่ของคุณใช่ไหม”
เงินสมนาคุณจากการเก็บมือถือไปคืนที่นักธุรกิจผู้นั้นจำต้องหยิบยื่นให้ โทบี้เอาไปหย่อนใส่กะลาของหญิงขอทานผู้มองตามอย่างตะลึงตะไลอ้าปากค้าง
ฉากเล็กๆ เพียงฉากเดียวนี้ แนะนำให้เรารู้จักตัวตนของโทบี้ผู้วางตัวเป็นกบฏต่อชนชั้นและการแบ่งแยกอันไม่ยุติธรรมในสังคม
จากนั้นเราได้รู้ว่าโทบี้มีเพื่อนสนิทชื่อ เจย์ (เพอร์แซลล์ อัสคอต) ผู้ร่วมกระทำการต่อต้านสังคมและประกาศให้ผู้มีอันจะกินหรือร่ำรวยเกินหน้า รู้ว่าพวกเขาสามารถกระทำการอันอุกอาจล่วงล้ำเข้าไปในเคหสถาน หยิบฉวยข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่มีค่ามากไป และทิ้งร่องรอยการบุกรุกไว้ด้วยตัวอักษรที่พ่นสีเป็นกราฟิตี้ที่ออกแบบสวยงามไว้บนผนังว่า
I Came By
หรือ “ฉันแวะมาเยี่ยมนะ” ตามชื่อหนัง
สร้างความงงงันให้แก่เจ้าของบ้านผู้มีอันจะกิน และตกเป็นกระแสครึกโครมอยู่ในอินเตอร์เน็ตถึงขั้นที่มีวอล์กเกอร์ติดตามทำข่าวเรื่องศิลปินกราฟิตี้ ที่ลักลอบเข้าไปพ่นสีตัวอักษรบนผนังในบ้านเรือนของผู้มีอันจะกิน โดยดูเหมือนไม่ได้ขโมยอะไรไปมาก
แม้ตำรวจจะยังติดตามจับอาชญากรไม่ได้ และสังคมจะยังงงงันว่าคดีกราฟิตี้เหล่านี้มีอะไรเป็นแรงจูงใจ แต่คนดูก็ได้รู้จักตัวการสองคนที่วางแผนร่วมมือกันอย่างรอบคอบก่อนลงมือ
เป้าหมายต่อไปคือคฤหาสน์ของอดีตผู้พิพากษา เซอร์เฮคเตอร์ เบลค (ฮิว บอนเนวิลล์) ผู้เป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ที่เป็นที่นับหน้าถือตาอย่างยิ่ง
การกระทำอย่างอุกอาจนี้น่าจะมุ่งหวังให้เป็นการหยามน้ำหน้าของอภิสิทธิ์ชนให้รู้ๆ กันไปว่า ไม่มีใครที่อยู่บนหิ้งบูชาโดยไม่มีใครแตะต้องได้
แต่ก่อนที่จะลงมือ เจย์ก็ขอถอนตัวกลางคัน เนื่องจากแฟนสาวเกิดตั้งท้องขึ้น และเขาต้องกลับตัวกลับใจ เลิกยุ่งเกี่ยวกับอาชญากรรมทุกรูปแบบ
เจย์เป็นหนุ่มผิวดำ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าโทบี้หนุ่มผิวขาวในการรับโทษ
โทบี้ซึ่งกระทำการ “แวะมาเยี่ยม” ครั้งนี้ตามลำพังโดยไม่มีเพื่อนคอยสอดส่องดูต้นทางให้ เข้าไปพบเรื่องเลวร้ายน่าสยดสยองที่หมกซ่อนไว้ในชั้นใต้ดินของคฤหาสน์
ครั้นเมื่อเขาโทร.แจ้งตำรวจอย่างใจไม่เป็นส่ำ และตำรวจนำทีมเข้าขอค้นบ้านอดีตผู้พิพากษาตามเบาะแสที่ได้รับแจ้ง เซอร์เฮคเตอร์กลับเอาตัวรอดจากสถานการณ์ได้ด้วยเครือข่าย “เส้นก๋วยจั๊บ” ของอภิสิทธิ์ชนผู้เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมผู้อยู่เหนือหรือสุดเอื้อมของกฎหมาย
จากนั้นพล็อตก็เริ่มเปลี่ยนทิศทางจากโทบี้ผู้ดูเหมือนเป็นตัวเอกของเรื่องไปสู่แม่ของโทบี้ซึ่งเฝ้าติดตามเรื่องต่อจากนั้น
ความสยองขวัญยังคงตามมาครั้งแล้วครั้งเล่า…ซึ่งขออุบไว้ไม่ให้เป็นสปอยเลอร์ละค่ะ
และตัวเดินเรื่องก็ยังเปลี่ยนทิศทางไปอีกในช่วงหลัง
ผู้เขียนออกจะรู้สึกว่าตอนจบรวบรัดไปนิดและไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไรนัก แต่หนังก็จบลงอย่างที่เรื่องราวควรจะลงเอย
และทิ้งค้างประเด็นความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น เชื้อชาติและสถานะทางสังคมไว้ให้คิดต่อไปเองว่าเรื่องราวแบบนี้คงจะต้องเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกไปเรื่อยๆ…โดยเฉพาะในสังคมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติเพิ่มมากขึ้นทุกที…
ซึ่งชนผิวขาวผู้เคยเป็นอภิสิทธิ์ชน กำลังรู้สึกจนมุมและหาทางตอบโต้เพื่อรักษาสถานภาพและอำนาจที่เคยครองอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ขณะที่คนอพยพผิวสีที่เป็นชนชั้นล่างผู้ไร้โอกาสก็เริ่มขยายจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และหาทางโต้กลับเหมือนกัน •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022