คดีหนึ่งของฮุน เซน และกลวิธีสะสาง/อัญเจียแขฺมร์ อภิญญา ตะวันออก

อภิญญา ตะวันออก

อัญเจียแขฺมร์

อภิญญา ตะวันออก

 

คดีหนึ่งของฮุน เซน

และกลวิธีสะสาง

 

โลกเนียะ ความตายของ พล.อ.ฮก ลอง ดี (Hok Lun Dy) เมื่อ 9 พฤศจิกายน ซึ่งตรงกับวันเขมรได้เอกราชจากฝรั่งเศส จากกรณีเฮลิคอปเตอร์ตก (2551) ช่างกระไรนัยทีแม้หลายปีต่อมา คนก็ยังเอาเรื่องนี้มาพูดจาทำนองเล่าลือว่า ฮก ลอง ดี หอบเงินล้าน (เหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ไปบ่อนที่สวายเรียงใกล้พรมแดนเวียดนามที่ตนมีหุ้นส่วน

แต่อนิจจา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเวลานั้นต้องถึงแก่ความตายอย่างไม่รู้ตัวว่ามีระเบิดซุกอยู่ใต้ที่นั่งจนทำให้ ฮ.มีสภาพแหลกละเอียดจนหาซากสิ้นส่วนไม่ได้ทั้งคนทั้งเครื่อง

ที่น่าแปลกมาก คือไม่มีการค้นหาสืบสวนของที่มาอุบัติเหตุรวมทั้งบันทึกกล่องดำ ไม่แปลกเลยที่ไม่มีใครให้ความสนใจหากเป็นประชาชนทั่วไปที่มีความเกลียดชังต่อฮก ลอง ดี ฝังใจ แต่ไม่น่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลที่ทำให้การตายไปของฮก ลอง ดี เป็นเรื่องไม่พึงสังเกต

แต่นั่นแหละ สัม รังสี โพสต์กลับไม่คิดอย่างนั้น

คนที่ควรจะยินดีกับการตายของฮก ลอง ดี ผู้ที่ได้ชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการเสียสหายผู้ร่วมอุดมการณ์อย่างเจีย วิเจีย (2547) นั้น นัยที สัม รังสี เคยกล่าวหาฮก ลอง ดี ว่าอยู่เบื้องหลังการตายของเจีย วิเจีย แต่เมื่อนายตำรวจลูกน้องถูกปิดปากติดคุกแทน และฮก ลอง ดี ก็ตายไปนานปีแล้ว กระนั้น ฤดูร้อน 2562 จู่ๆ ไม่วาย สัม รังสี ก็โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงการตายของเพื่อนและฮก ลอง ดี ว่ามีฮุน เซน เป็นผู้บงการ!

และนั่นคือสิ่งที่ทำให้สมเด็จฮุน เซน ไม่อาจจะทนได้จึงฟ้องสัม รังสี ด้วยคดีหมิ่นประมาทที่กรุงปารีสตามที่สัม รังสี เป็นพลเมืองที่นั่น

แล้วทำไมว่า ผู้นำกัมพูชาจึงลงไปเล่นงานข้ามทวีปกับอดีตหัวหน้าสงเคราะห์ชาติแบบนั้น?

เพราะนี่เป็นการปกป้องเกียรติยศของตระกูลฮุนเซน อย่างที่ทราบกันว่า ฮุน เซน กับฮก ลอง ดี มีความ “ดอง” กันถึง 2 ชั้น “ตะดอง” เลยทีเดียว

กล่าวคือ ฮุน มานิต บุตรชายฮุน เซน คนที่ 2 แต่งดองกับลูกสาวฮก ลอง ดี ส่วนฮุน มานา ลูกสาวฮุน เซน หลังหย่าขาดกับสามีเก่ามึง กุมเพียะ ก็มาแต่งกับดี วิเจีย-ลูกชายคนดียวของฮก ลอง ดี

และดี วิเจีย นี่เองที่เป็นโจทย์ร่วมกับพ่อตาฮุน เซน ในคดีสัม รังสี

ช่างเป็น “โกนปรอสาร์” ที่ประเสริฐ ซึ่งโกนปรอสาร์ในที่นี้ก็แปลได้ว่า “ลูกเขย” อีกตะหาก

หาใช่ “โกนผซา-เขยสะใภ้” ในแบบ “นอมินี” ที่ฉันเคยเล่นคำแปลความไว้ ในภาษาเขมรมีคำมากมายที่ “วกไปวนมา” แปลความได้หลายชั้น

เฉกเช่น ตระกูล “ฮก” และ “ฮุน” ที่ “ตะดอง” กันทั้งการเมืองและการมุ้ง กระทั่งเกิดเรื่องยุ่งๆ ในคดีหมิ่นประมาทจนสมเด็จฮุน เซน ไม่อาจจะยอมรับได้

นัยว่ามันคือความกระทบกระเทือนจิตใจต่อเขย-สะใภ้ และหลานๆ ลูกๆ 7 คนของมานิตและมานาที่จะเติบโตในอนาคต

ความจริง สัม รังสี เองก็ไม่ชอบหยิบยกประเด็นแบบนี้มาโจมตีฝ่ายตรงข้าม เขาเคยขอร้องเพื่อนร่วมชาติให้ยุติล้อเลียนฮุน มาเนต ว่าเป็น “ลูกญวน” ซึ่งเป็นคำบูลลี่ที่ไม่เหมาะสมต่อคนคนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเมืองแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะไม่เอาความใดๆ ดังที่การฟ้องเอาผิดสัม รังสี ครั้งนี้ จึงไม่แน่ใจว่า เพื่อแก้ต่างตนเองและเอาใจลูกๆ ฮก ลอง ดี โดยเฉพาะ ดี วิเจีย ที่ต้องแบกรับความรู้สึกลึกๆ ที่ผ่านมา 14 ปี วันนั้น วันที่นกเหล็กเกิดระเบิดกลางอากาศ และบิดาของเขาถูกสังหาร

ขณะที่วันนี้ ดี วิเจีย มีตำแหน่งใหญ่โตในกรมนครบาลไม่ต่างจากบิดาในอดีต และแม้จะมีฐานะและอำนาจ แต่กระนั้น ดี วิเจีย ก็ไม่สามารถจะสืบสวนความจริงในการตายของพ่อตนเอง เว้นเสียแต่ที่ปารีส?

มันจึงไม่ใช่แค่คดีหมิ่นประมาทที่ฮุน เซน ยื่นฟ้องคู่อริที่ฝรั่งเศส แต่เป็นเรื่องที่สัม รังสี เองก็อยากจะใช้โอกาสนี้เช่นกัน ดังที่เขาเคยทดลองยื่นฟ้องบุน รานี ฮุนเซน กรณีการตายของพิสิต พิลิกา คดีอาญาที่ถูกปัดตกไปตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน

ส่วนฮุน เซน นั้น ก็เคยให้ฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศตลอดกาลของตนยื่นฟ้องสัม รังสี ดูบ้างและสำเร็จผลในข้อหาหมิ่นประมาท เมื่อสัม รังสี เปิดโปงเรื่องนี้ในหนังสือของตนตอนหนึ่งว่า ฮอร์ นัมฮง มีส่วนในคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ในสมัยที่ตนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะกัมพูชาประชาธิปไตย/เขมรแดงที่แคมป์บึงตรอแบก/พนมเปญ

ฮอร์ นัมฮง ไม่ชนะคดีสัม รังสี กล่าวหา แต่ศาลอาญาระหว่างประเทศที่กรุงพนมเปญ (ECCC) ก็ถึงคราวปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ฮอร์ นัมฮง ลอยลำอยู่เหนือประวัติศาสตร์อันโหดร้ายเขมรแดง โดยมีเขียว สัมพัน เป็นนักโทษคนสุดท้ายที่อยู่ในเรือนจำ

ส่วนฮุน เซน นั้น ก็ใช่ว่าจะลอยนอลแต่ฝ่ายเดียวซะเมื่อไหร่ เขาถูกยื่นฟ้องหลายสำนวนอาญา ทว่า ทั้งหมดอยู่ที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) และว่า การยื่นฟ้องฮุน เซน ทางตรงในฝรั่งเศสจึงไม่สามารถทำได้

ดังนี้ เหมือนพระเจ้าดลใจให้ฮุน เซน ใช้เรื่องของฮก ลอง ดี เป็นทางผ่านในการสังหารสัม รังสี ด้วยวิธีทางกฎหมาย ดูเถอะ แม้แต่ความตายของสหาย “ตะดอง” ก็ยังถูกนำมาใช้เพื่อการนี้ โดยฮุน เซน ที่แต่งตั้งนักกฎหมายหัวแถวฝรั่งเศส 4 นายกับ 1 ชาวเขมรเป็น “สหทนาย” ในการว่าความฝ่ายโจทย์

1 กันยายน สำนักงานปารีส 17 ณ ห้องไต่สวนวิกเตอร์ ฮูโก พลัน การชำระกได/คดี จึงเริ่มต้นอย่างคึกคัก โดยเฉพาะสัม รังสี ที่บินจากสหรัฐมาสมทบทีมทนายหนุ่มสาวซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสทั้งหมด ดูเหมือนเขาจะสมประโยชน์มากกับการนี้ ถึงกับให้สัมภาษณ์วิทยุเอเชียเสรีว่า “ผมรอโอกาสนี้มานาน อย่างที่ทราบผมถูกฟ้องร้องคดีเยอะมากในเขมร แต่ไม่มีโอกาสแก้ต่างเพราะผมไม่เชื่อศาลสถิตยุติธรรมที่นั่น แต่ที่นี่ (ฝรั่งเศส) เราจะได้พิสูจน์กัน”

ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้น ตลอดการพิจารณาไต่สวน 5 ชั่วโมงเต็ม สัม รังสี เอาแต่ฟุ้งเรื่องการเมืองกัมพูชา ซึ่งแทบจะกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาทเลย

โดยทนายฝ่ายโจทย์ใช้ข้อโจมตีสัม รังสี “เขาไม่ใช่นักนิยมประชาธิปไตยตามที่อวดอ้าง แต่เป็นพวกนิยมความเกลียดชังอันสุดโต่งเช่นที่มักต่อต้านชาวเวียดนาม” ตอนหนึ่งของทนายความโจทย์ที่อ้างจากงานเขียนของราอูล เจนนา นักประวัติศาสตร์และอดีตที่ปรึกษากษัตริย์นโรดม สีหนุ

ทันทีนั้น ทนายความจำเลยก็แย้งทันทีว่า ราอูล เจนนา นั้นหาใช่ใครอื่นไม่ แต่เป็นที่ปรึกษาพิเศษของฮุน เซน ซึ่งเป็นฝ่ายโจทย์นั่นเอง

“ข้าแต่ศาลที่เคารพ ทำไมลูกความของข้าพเจ้าจะกล่าวพาดพิงการเมืองบ้างไม่ได้?” เจสสิกา ฟิเนล ทนายสัม รังสี คนแรกที่โน้มน้าวให้ผู้พิพากษาให้เห็นพ้องต่อคำให้การของลูกความ

อย่างที่ทราบ มันจะเป็นเรื่องอื่นไปได้อย่างไร สำหรับประเทศที่มีแต่ผู้คนล้มตายเพราะถูกลอบสังหาร และลูกความของเธอที่เคยผ่านการเฉียดฉิวต่อความตายอย่างโหดร้ายมาหลายครั้ง และนั่นก็พิสูจน์ว่า กรณีเจีย วิเจีย และฮก ลอง ดี มีแรงจูงใจในการกระทำมาจากปมเหตุทางการเมืองทั้งสิ้น

“จะเห็นว่า มีชาวเขมรมากมายที่ตกเป็นจำเลยในคดีการเมือง เช่นกัน นี่คือเงื่อนงำจากการกระทำที่เรียกว่าฆาตกรรมการเมืองใช่หรือไม่? ในฐานะผู้ถูกกระทำอย่างเจ็บปวดยาวนานมา 30 ปี” และตอนนี้ ลูกความของเธอก็ไม่เหลืออะไรที่สู้กับโจทย์อีกต่อไปได้อีกแล้ว “เมื่อองค์การสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองคนอื่นๆ ก็ถูกกระทำเช่นเดียวกัน”

“นายสัม รังสี จึงเป็นแค่เหยื่อ ที่ ‘โจทย์’ จงใจจะใช้คดีนี้ปิดปากลูกความของเรา” มาเชียส ชิโบเต็ก ทนายเบอร์ 2 ชงสำนวน ก่อนที่ริชาร์ด โรเจอร์ ทนายความคนสุดท้ายของสัม รังสี จะทำหน้าที่สรุปกะได

“ไม่ว่าอะไรก็ตาม เราควรมอบสิทธิในการแสดง ‘สาธารณมติ’ แก่จำเลยต่อไป”

ดูเหมือนแฟนคลับและคณะกรมลูกขุนนอกศาลจะพากันวิตกล่วงหน้าชะตากรรมสัม รังสี ที่หากแพ้คดีครั้งนี้ อาจส่งผลต่อความนิยมและอนาคตการเมืองของเขาไม่น้อย

กระนั้น สัม รังสี กลับมองเห็นตรงข้ามต่อ “คดีความ” นอกประเทศกัมพูชากับฮุน เซน ยกแรก นอกเหนือจากการชดใช้ค่าเสียหายต่อฝ่ายโจทย์เป็นเงินจำนวน 1 เหรียญยูโรนั่น ไม่ใช่ประเด็นสาระสำหรับการต่อสู้ฟ้องคดีความใดๆ ต่อชาวตระกูลฮุนที่อาจตามมาในอนาคต?

แล้วฮุน เซน เล่าการลุกขึ้นมาฟ้องร้องหนนี้มีค่ายิ่งนัก สำหรับการชำระสะสางทางใจของตนกับลูกชายคนเดียวของฮก ลอง ดี?

ลงทุนล้างมลทินฟอกขาวขนาดนี้ เขยดี วิเจีย ว่าไง?