เปิดศึกเฟ้น ‘บิ๊กเขตพื้นที่’ เดินเกมฟ้องศาล รื้อสรรหาใหม่ / การศึกษา

การศึกษา

 

เปิดศึกเฟ้น ‘บิ๊กเขตพื้นที่’

เดินเกมฟ้องศาล รื้อสรรหาใหม่

 

ส่อเค้าวุ่น! อีกแล้ว หลังกลุ่มเสียสิทธิทำหนังสือถึงนายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา นายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) คณะกรรมาธิการการศึกษา (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร ขออุทธรณ์ โต้แย้งประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านและได้รับการประกาศชื่อขึ้นบัญชี ทั้ง 498 ราย จากผู้ที่สอบผ่านภาค ก จำนวน 500 ราย

รวมถึงขอความเป็นธรรมจากศาลปกครองให้มีการคุ้มครองชั่วคราว และยกเลิกการสรรหา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ฯ ครั้งนี้!

โดยหนังสืออุทธรณ์ มีใจความโดยสรุปดังนี้

“ข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้เข้ารับการคัดเลือกในการสอบคัดเลือกครั้งนี้พิจารณาแล้วเห็นว่า ผลการจัดลำดับผู้ได้รับการสรรหา มีความน่าเคลือบแคลงสงสัยหลายประการ ผู้ได้รับการสรรหาบางรายมีความรู้ความสามารถที่ไม่น่าจะถูกจัดไว้ในลำดับสูง เพราะไม่ว่าจะพิจารณาจากการประเมิน ทั้งภาค ก ภาค ข และภาค ค ผู้เข้าสอบคัดเลือกสามารถประเมินได้ว่าบุคคลใดสมควรได้รับการประเมินในระดับใด โดยเฉพาะการประเมินในภาค ข และภาค ค แต่ตามประกาศผลดังกล่าวขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริงของแต่ละบุคคล ซึ่งหากเป็นดังกรณีที่กล่าวมา ย่อมมีผลเท่ากับมีการจัดลำดับที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามความเหมาะสม และการจัดลำดับทั้งหมดทุกลำดับก็ย่อมเกิดความเคลือบแคลงสงสัย ส่งผลให้การคัดเลือกไม่เป็นที่ยอมรับของผู้ที่ได้ในลำดับที่ไม่ถูกต้อง

รวมถึงผลการคัดเลือกของข้าพเจ้าด้วย หากการคัดเลือกเป็นไปโดยสุจริต ถูกต้อง และเป็นธรรม ย่อมสามารถแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ได้ว่าผู้ได้รับคัดเลือกในแต่ละลำดับที่ มีผลคะแนนเป็นอย่างไร และเพื่อให้การประกาศผลฯ เป็นไปอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม อันจะเป็นที่ยอมรับของผู้เข้ารับการสรรหาทุกรายเป็นไปอย่างถูกต้อง ข้าพเจ้าจึงขออุทธรณ์โต้แย้งผลการคัดเลือกตามประกาศฯ ดังกล่าวของข้าพเจ้า ว่าไม่ถูกต้อง ชอบธรรม จึงขอให้ชี้แจงแสดงข้อเท็จจริงถึงกระบวนการสรรหา หลักเกณฑ์การพิจารณา และผลคะแนนทั้งหมดของผู้เข้ารับการสรรหาทุกราย ตลอดจนผลการให้คะแนนของกรรมการแต่ละคนที่ให้คะแนนแก่ผู้เข้ารับการสรรหาเป็นรายคนทั้งหมดของผู้เข้ารับการสรรหา”

ที่กล่าวมาข้างต้น และเป็นขั้นตอนการดำเนินการก่อนการฟ้องคดีต่อศาล ตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ในกรณีที่เห็นว่า คำชี้แจงหรือผลการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ถูกต้องอย่างไร จะดำเนินการจนถึงที่สุด

 

ร้อนถึง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องออกมาชี้แจง ยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใส พร้อมเดินหน้าบรรจุแต่งตั้งผู้ได้รับการขึ้นบัญชี 77 ลำดับแรก แทนตำแหน่งว่างทันที เพราะต้องเร่งงานนโยบายหลายๆ เรื่อง งานบางอย่างรอไม่ได้

นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตอบเสียงเข้มว่า การดำเนินการสรรหาฯ เป็นไปตามกระบวนการ โปร่งใส ไม่มีการทุจริต และไม่มีการซื้อขายตำแหน่งอย่างแน่นอน หากใครมีข้อสงสัย สามารถยื่นเรื่องสอบถามคะแนนมาได้ที่สำนักงาน ก.ค.ศ. ตามระบบ ส่วนจะกระทบกับการบรรจุแต่งตั้งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับต้นสังกัดอย่างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะพิจารณา

“ผมไม่กังวล เพราะทำอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรมมากที่สุด ไม่แน่ใจว่ากลุ่มที่ออกมาคัดค้านเป็นกลุ่มที่เสียผลประโยชน์หรือไม่ เพราะก่อนหน้าที่จะมีการสอบ มีกระแสข่าวมาตลอดว่ามีกลุ่มที่ไปล่อขาย และมีคนเสียเงินไปแล้ว ยืนยันว่าผมทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการทุจริตแน่นอน ใครที่สงสัยสามารถขอดูคะแนนได้ที่ ก.ค.ศ. สำหรับผู้สอบผ่านจำนวน 498 ราย จากผู้สอบผ่านภาค ก และ ข ทั้งหมด 500 รายนั้น ถือเป็นตัวเลขปกติ หากผู้เข้าสอบมีความสามารถตามคะแนนขั้นต่ำที่กำหนดไว้ ร้อยละ 60 ก็ต้องมีชื่อในการประกาศขึ้นบัญชี ทุกอย่างเป็นไปตามกติกา เมื่อสอบครบทั้ง 3 ภาค คือ ภาค ก ภาค ข และภาค ค มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ก็จะเป็นผู้รวมคะแนนเพื่อประกาศรายชื่อตามขั้นตอน”

นายสุภัทรกล่าว

 

แว่วว่า ทางด้านหน่วยงานต้นสังกัด อย่าง สพฐ. กำหนดปฏิทินเรียกผู้ที่ได้รับการขึ้นบัญชีทั้ง 77 ลำดับแรก มารายงานตัวภายในวันที่ 21 กันยายน ซึ่งหากเทียบเวลาหลังประกาศรายชื่อขึ้นบัญชีแล้ว ถือว่าค่อนข้างช้า อาจส่งผลให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ ใหม่ ทั้ง 77 ราย ไม่สามารถเข้าทำงานได้ทันวันที่ 1 ตุลาคม ตามที่ประกาศไว้…

หรืออย่างร้ายแรงที่สุด หากศาลปกครองรับคำร้องและมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เป็นเหตุให้ต้องชะลอการบรรจุแต่งตั้งออกไป เกรงว่าจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มขึ้นบัญชี 77 ลำดับแรก ที่ถือว่าที่ ‘บิ๊กเขตฯ’ ป้ายแดง ก็อาจใช้สิทธิจะฟ้องกลับ

กลายเป็นหนังยาว กระทบกับการคัดเลือกผู้อำนวยการโรงเรียน และรองผู้อำนวยการโรงเรียนที่จะมีคิวเปิดสนามในลำดับต่อไป…

ยังมองไม่เห็นทางออก เพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหน ทั้งการประมวลคะแนนใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ที่ได้คะแนนในลำดับต้น คะแนนตกลงไป หรือโละ และจัดสอบใหม่ทั้งหมด ก็ย่อมมีผู้เสียสิทธิทุกทาง…

งานนี้ถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือ ‘ครูเหน่ง ตรีนุช’ ว่าจะเคลียร์ปัญหาได้ลงตัวเร็วแค่ไหน! •