รศ.สุขุม เฉลยทรัพย์ อ่านเกมการเมือง 8 ปี ‘ตู่’ – 3 ป.ร้าวลึกเพราะคนรอบข้าง เตือนรัฐประหารยังมีเชื้อ/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์

 

รศ.สุขุม เฉลยทรัพย์

อ่านเกมการเมือง

8 ปี ‘ตู่’ – 3 ป.ร้าวลึกเพราะคนรอบข้าง

เตือนรัฐประหารยังมีเชื้อ

 

รศ.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานที่ปรึกษาอธิการบดี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองห้วงนี้ว่าประเด็นสำคัญที่สุดเราต้องพูดถึง คือการเมืองไทยตอนนี้มีหลังอิง หรือเป็นรัฐบาลที่มีทหารหนุนหลังอยู่ อย่าไปมองแค่ว่า 3 ป.เกษียณออกมานานแล้ว เพราะในความเป็นจริงปรากฏชัดว่าแม้ทหารจะเกษียณไป แต่เรื่องอำนาจบารมีรุ่นพี่รุ่นน้องยังมีอยู่

ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดคือทำไมทหารเกษียณหลายคนยังคงมีทหารรับใช้อยู่ ยังมีเรื่องของการเกื้อกูลโดยคนที่ยังอยู่ในราชการที่ยังไม่เกษียณอยู่

เพราะฉะนั้นถ้าเรามองการเมืองตรงนี้ ถ้าเราจะมองในมิติการเมืองอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะว่าถ้าการเมืองแท้ๆ จะมองเรื่องจัดสรรผลประโยชน์/อำนาจเป็นตัวตั้ง และการชิงไหวพริบ แต่ในขณะนี้ ที่มีทหารหนุนอยู่จะมีมิติของเรื่องรุ่นพี่รุ่นน้อง เรื่องของความกตัญญู ระบบต่างๆ และการพูดถึงความจงรักภักดีที่ถูกปลูกฝังมาตลอดที่เขารับราชการทหารมา

จุดนี้มันเป็นจุดที่คอยคุ้มพวกเขาอยู่ การชิงดีชิงเด่นเราจะไม่ค่อยเห็น เพราะตรงนั้นเป็นมิติของนักการเมืองอาชีพ ดังนั้น เรื่องของอำนาจต่างๆ จะเป็นลักษณะค่อยๆ เป็นค่อยไป

จริงๆ แล้ว 3 ป.ผมยังมองว่าเหนียวแน่นอยู่ แต่ตัวที่จะมาสั่นคลอนความสัมพันธ์นี้ได้คือ “คนของใคร”

ในส่วนของคนของใครในที่นี้เราก็คงต้องบอกว่าถ้าสมมุติลูกน้องสนับสนุน ป.ใด ป.หนึ่ง จนเกินเลยอาจจะทำให้ทั้ง 3ป.พลาดพลั้งได้

แต่ถ้าจะเอาเข้าจริงๆ แล้ว บางคนมองว่าพวกเขาอยู่มาด้วยกันถวายสัตย์มาด้วยกันดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยามาด้วยกัน มาจนถึงขนาดนี้จะเป็นตัวย้ำเตือนว่าไม่ทำอะไรข้ามหน้ากัน

ดังนั้น การที่จะบอกว่า 3 ป.แตกกันเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าเรามาดูตอนนี้จะเห็นได้ว่ามีอยู่ 1 ป.ถูกพักงาน มองจากมุมของฝ่ายการเมืองถือว่าได้ล้มไปแล้ว 1 ป. แม้จะล้มแบบชนิดที่ว่ายังไม่ราบคาบ แค่พักไว้ชั่วคราว แต่เขาก็ถือว่าเป็นชัยชนะอยู่ขั้นหนึ่ง

แต่อย่าลืมว่าเรื่องของการที่ล้มไป 1 อาจจะมองเกมว่าจะทำอย่างไรถึงจะตอกลิ่มให้ถูกจุด ให้ขาดกันไปเลย ผมจึงบอกเลยว่าขึ้นอยู่กับสมัครพรรคพวกลูกน้องของแต่ละคนว่าจะเล่นเกมกันแค่ไหนอย่างไร

โดยแรงยุที่สำคัญที่สุดก็ต้องมาจากนักการเมือง ที่เขาพอจะอ่านเกมออกเป็นการชิงไหวชิงพริบ ทำให้การเมืองตอนนี้ร้อนแรงเป็นพิเศษเพราะว่าสัญญาณของการเลือกตั้งใหม่ชัดนักการเมืองก็จะมองข้ามช็อตกันไปแล้วว่าครั้งหน้าจะทำอย่างไรให้ชนะ

ขณะที่ 3 ป.อาจจะมองว่าทำอย่างไรให้วิกฤตตอนนี้ผ่านพ้นไปได้

สําหรับท่าทีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ฟิตเป็นพิเศษในช่วงนี้ รศ.สุขุมมองว่าส่วนหนึ่งมาจากกระแสของคนที่อยากเปลี่ยนก็ยุส่งและถือว่าอำนาจตอนนี้อยู่ในมือของบิ๊กป้อมแล้วการที่ท่านจะทำอะไรต่างๆ ก็จะมีคนบอกว่าอันนี้มีอำนาจเต็ม อันนั้นทำได้ อันนี้ก็ทำได้ เป็นกระแสที่แรงออกมาจากในฝ่ายที่อยากให้เปลี่ยน พยายามจะโหมพลังต่างๆ เผื่อว่าบิ๊กป้อมจะหลงตามกระแสนี้

ต้องไม่ลืมว่าลูกน้องของบิ๊กป้อมที่ยังไม่ได้ตำแหน่งมีอีกมาก ขณะเดียวกันตำแหน่งพวกนี้ว่างอยู่ การเรียกร้องการปรับ ครม.จึงเกิดกระแสเลยเถิดไปถึงขั้นว่าให้มีการขอให้ริบเอาโควต้าของพรรคร่วมมาด้วยจะได้มีเยอะขึ้น คือเป็นความพยายามของคนอยากจะมีโอกาสตรงนั้นยุไปเลย

เราจะเห็นได้ว่าการบิ๊กป้อมจะไม่พูดอะไรมากแล้วก็ยังเกรงใจแม้กระทั่งการประชุม ครม. จริงๆ ตัวเองจะนั่งหัวโต๊ะก็ได้ แม้ว่าตัวเองจะเป็นรุ่นพี่ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมให้ที่นั่งตรงนั้นว่างลง

ผมมองว่า นัยยะต่างๆ เหล่านี้คือการปฏิบัติการของนักการเมืองที่มาจากข้าราชการ คือมาจากทหารการทำอะไรข้ามกันไม่ค่อยมี

 

มองไปที่การเมืองหลังคำวินิจฉัย 8 ปี รศ.สุขุมมองว่าไม่ว่าจะออกมาทางไหน จะต้องมีผลแน่ คนที่มองการเมืองก็จะมองว่าผลที่ออกมา 5 : 4 ในตอนแรกทำให้ความร้อนแรงเบาลงก็อาจจะไม่ได้คาดหวังใน Step ต่อๆ ไป ทำให้ดูเหมือน Win Win แต่มันจะเป็นแรงกดดันพอสมควรสำหรับคำตัดสินที่จะออกมาในท้ายที่สุดว่าจะออกมาในรูปแบบไหน

จุดนี้เราจะเห็นว่าความไม่มั่นใจก็มีทั้งสองฝ่าย

ถ้าสมมุติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องออกจริงๆ จะทำอย่างไร เรามองไปที่ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล เจอนักข่าวถามว่าพร้อมไหมที่จะเป็นนายกฯ ก็แสดงตนถึงความพร้อม แต่พอนักข่าวไปถาม พล.อ.ประวิตรตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งในคำถามเดียวกันเขาไม่หลุดออกมาเลย

ผมจะเปรียบเทียบให้เห็นว่าจุดนี้แหละคือคนเคยเป็นข้าราชการกับคนที่เป็นนักการเมืองแสดงออกต่างกันอย่างไร

ดังนั้น ประเด็น 8 ปี จะจบลงอย่างไรให้สวย คนก็จะมองว่าเป็นการหาทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ลง

ส่วน พล.อ.ประวิตรแม้เป็นแค่รักษาการยังมีอำนาจขนาดนี้ อาจจะมองว่าแค่นี้ยังทำได้แบบนี้ ถ้ามีอำนาจเต็มจะขนาดไหน คนจึงมองเห็นว่าทำไมช่วงนี้กระฉับกระเฉงขึ้นไม่ต้องพยุงแสดงว่ายังไหวอยู่สังขารไปได้ใจไปได้

แต่ถ้ากรณีที่ พลอ.ประยุทธ์ยืนยันว่าจะไปต่อมีความวุ่นวายแน่นอน อย่าลืมว่าตอนนี้มีการขับเคลื่อนเพื่อรับการเลือกตั้งแล้ว เช่น การวางตัวคน การประกาศยึดในแต่ละจังหวัดเริ่มออกมาพูดหาเสียงกันแล้ว การคุมพรรคร่วมรัฐบาลจะยากขึ้นแต่ละคนก็จะหาเสียงเดินหน้าพูดแรง ท่าทีต่างๆ เหล่านี้จะเห็นได้ชัดขึ้น

ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์หากจะบอกว่าเหนื่อยแล้วพอแล้วให้เหมือนกับยุคของ พล.อ.เปรมก็พูดได้ยาก เพราะตัวเองแสดงท่าทีพร้อมที่จะขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา จนตกหลุมของตัวเอง พรรคร่วมรัฐบาลอาจจะหลอกพูดให้กำลังใจ แต่ในขณะเดียวกันก็เตะตัดขาตลอด สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา เพื่อหวังผลต่อการเลือกตั้งปี 2566

ประการต่อมา ช่วงนี้มีแต่คนสงสัยว่าอาจารย์แหม่ม (นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) ไปไหน คุณธรรมนัส พรหมเผ่า ไปไหน ผมว่าทุกคนรู้เกมต่างๆ ที่เดินออกมาแต่ละช็อตมันมีอยู่ตลอด

ซึ่งถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ขัดแย้งกับธรรมนัสเกมอาจจะไม่แรงถึงขนาดนี้ หรือการที่จะเปิดหน้าสู้ คุณธรรมนัสก็อ่าน พล.อ.ประยุทธ์ออกจะทำอย่างไรไม่ให้ พล.อ.ประวิตรเสียหน้า การเดินเกมต่างๆ ต้องล้ำลึกพอสมควร และหลายๆ ตัวละครที่เรามองข้ามไม่ได้อย่างท่านพัชรวาท วงษ์สุวรรณ คนอาจจะมองว่าเป็นคนที่พูดง่ายพูดเข้าใจกับคนแดนไกล

ดังนั้น กระแสที่บอกว่าเพื่อไทยอาจจะมาจับมือกับพลังประชารัฐก็ไม่ใช่เรื่องที่อาจจะบอกว่าไม่มีเหตุผล แต่ก็อย่าตกหลุมพรางที่ทางอีกฝ่ายหนึ่งพยายามจะขุดว่าท่านพัชรวาทจะมาแทน ป.ในกระทรวงมหาดไทย ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่เรียกว่าโยนหินถามทาง ในลักษณะที่คนโยนไม่ได้เป็นคนที่จะปฏิบัติ อาจจะเป็นคนที่สร้างความขัดแย้งขึ้นมาให้เกิดความหวาดระแวง ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความหนักแน่นหรือการเปิดเกมของแต่ละฝ่าย อย่าหลงกลกัน

ผมก็เชื่อว่าเกมของคุณธรรมนัส อาจารย์แหม่ม หรือกุนซือหลายๆ คน ต้องเดินอย่างระมัดระวัง

 

ส่วนสถานการณ์ท้องถนน รศ.สุขุมมองว่าคงจะรอฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ เพราะถ้าทำอะไรเกินเลยทำให้เกิดการอ้างเพื่อนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารได้ จะไปสร้างความชอบธรรมให้ตรงนั้นมาก และต้องไม่มองข้ามเรื่องของกลุ่มต่างๆ ที่จะรอสร้างสถานการณ์ จนเดินไปสู่การเกิดความวุ่นวายทำให้เขาอ้าง หาความชอบธรรมว่าจะต้องมีความสงบ

เพราะฉะนั้นผมมองว่ามีโอกาสเกิดรัฐประหารขึ้นและมีคนคิดอยู่

แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือความเป็นหนึ่งเดียวในกองทัพมีหรือไม่ ตอนนี้มีกี่ฝ่ายในกองทัพ? ส่วนเหตุผลที่จะทำ ผมถือว่าเป็นรอง เพราะถ้าคนจะทำก็อ้างเหตุผลต่างๆ ได้ เราจะเห็นได้ว่าการปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านมาก็พยายามจะลากเหตุผลต่างๆ มา ความไม่สงบอะไรต่างๆ ที่ฟังไม่ขึ้น เช่น ประกาศของคณะรัฐประหารเราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไปดึงเหตุผลอะไรเข้ามาได้อย่างไร

ผมก็ยืนยันว่าอย่ามองข้ามเรื่องการรัฐประหาร แต่ขึ้นอยู่กับว่าการยั่วยุหรือปัจจัยต่างๆไปเข้าทางหรือไม่

ชมคลิป