รอยร้าว/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

รอยร้าว

 

“คุณสมบัติ 8 ปี” บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ลุ้นระทึก ตื่นเต้นเร้าใจ วันที่ 8 กันยายน 2565 “สารเอ็นโดรฟิน” หลั่งกันอีกรอบ เมื่อ “นายวรวิทย์ กังศศิเทียม” ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กดปุ่มเปิดประชุมนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาประเด็นร้อน

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย การดำรงตำแหน่งจะครบ 8 ปีบริบูรณ์วันไหน เริ่มต้นนับหนึ่งเมื่อใด หลังมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ “ผู้ถูกร้อง” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม

โดยเสียงข้างมาก 5 รายที่เห็นชอบให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ประกอบด้วย 1. “นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์” 2. “นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ” 3. “นายจิรนิติ หะวานนท์” 4. “นายวิรุฬห์ แสงเทียน” 5. “นายนพดล เทพพิทักษ์”

ขณะที่เสียงข้างน้อย 4 เสียง เห็นว่าไม่ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ประกอบด้วย 1. “นายวรวิทย์ กังศศิเทียม” 2. “นายปัญญา อุดชาชน” 3. “นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม” 4. “นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์”

หลังเสียงข้างมากมีมติให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” ยังมีหมวกสวมอีกใบ เลยตีกรรเชียง ตุหรัดตุเหร่ไปปรากฏกายที่กระทรวงกลาโหม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการ สืบแทน

จากคำบอกกล่าวและเล่าสืบ สาเหตุที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญปรับโปรแกรม คุณสมบัติ 8 ปี “พล.อ.ประยุทธ์” มาวินิจฉัยไวกว่าคาด เนื่องเพราะได้รับคำชี้แจงของพยาน 3 ปากเรียบร้อยบริบูรณ์

หนึ่งคือ “บิ๊กตู่” ในฐานะผู้ถูกร้อง 2. “นายมีชัย ฤชุพันธุ์” อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ 3. “นายปกรณ์ นิลประพันธุ์” อดีตเลขานุการ กรธ. จึงนัดประชุมพิเศษในวันดังกล่าวขึ้น เพื่ออภิปราย ถกแถลง หาข้อสรุปว่าพอจะวินิจฉัยได้แล้วหรือไม่ หากยังไม่สิ้นข้อสงสัย ต้องแสวงหาหลักฐานและพยานต่างๆ เพิ่มเติมหรือไม่

โดยสรุป วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะวินิจฉัยคุณสมบัติ 8 ปีของ “พล.อ.ประยุทธ์” ได้เลย หรืออาจนัดฟังคำตัดสินคดี อีกกี่วัน กี่สัปดาห์ หรือเป็นเดือนก็ได้ แล้วแต่มติที่ประชุม

สำหรับ “ธง” แห่งการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะออกได้ 3 ระยะ ขึ้นอยู่กับว่า “เสียงข้างมาก” จะปักหมุดระยะเท่าไหร่ จะออกเป็นอย่างอื่นไม่ได้

1. ครบ 8 ปี เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 หากเริ่มนับหนึ่งจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ที่มีการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกฯ คนที่ 29 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2557

คลอดตามช่องทางรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 จากความเห็นชอบเสียงเป็นเอกฉันท์ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

2. ไปชนเพดาน 8 ปีเต็ม ในวันที่ 5 เมษายน 2568 หากนับวันรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เริ่มต้นจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ในวันที่ 6 เมษายน 2560

ตามเงื่อนไขนี้ “พล.อ.ประยุทธ์” ยังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก 1 สมัย กรณีที่ได้รับชัยชนะ คุมเสียงข้างมากได้ จะอยู่ในฐานะผู้นำได้ครึ่งเทอม แค่ 2 ปี

3. บุญลงหงส์กลายเป็นกาไก่ ในวันที่ 8 มิถุนายน 2570 พระเจ้าช่วยกล้วยทอด “บิ๊กตู่” สามารถไปต่อได้อีกยาวไกลถึง 5 ปีโดยประมาณ หากหวย 8 ปีออกตาม “ธงที่สาม”

เริ่มนับหนึ่งจากวันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 คือหลังรัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้แล้ว และ “บิ๊กตู่” ลงสมัครพรรคชนะเลือกตั้ง แล้วได้รับการแต่งตั้งให้นำธงในฐานะนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

 

ไม่ว่า “ธง 8 ปี” จะปักหมุด ออกเลขคี่-คู่ “57-60-62” อนาคตขึ้นอยู่กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน แต่ที่แน่ๆ ดังที่บอกแล้วว่า “รอยร้าว” ระหว่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ที่เกิดมาดุจพี่น้องกันตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ขนยังไม่ขึ้น

หลัง “น้องตู่” โดนใบส้มพักงาน และ “พี่ป้อม” เข้ามาเสียบนั่งรักษาการ ความสัมพันธ์ทำท่าจะไม่ “คงเดิม” เกิดรอยร้าว รูเบ้อเร่อเลย

ลำพัง “2 ลุง” รักและผูกพันกันมายาวนานไม่เท่าไหร่ แต่ที่ทำให้โกบิ๊กไปกันใหญ่ ก็บรรดา “ลูกหาบ-สมุน” ดังที่เคยแจ้งให้ทราบ เหมือนเด็ก “ช่างกลปทุมวัน VS อุเทนถวาย” ยังไงยังงั้น ประจัญบาน เกทับบลั๊ฟฟ์แหลก กันได้ทุกเรื่อง

หลัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำสั่งให้ “พล.อ.ประยุทธ์” หยุดปฏิบัติหน้าที่ มีมือดีรูดปรี๊ด แอบส่งไลน์ กระจายข่าวด่วนเย้ยว่า “นายกฯ รักษาการ” เปิดรับสมัครตำแหน่งพิเศษ 5 อัตรา 1. หิ้วปีก 2 ตำแหน่ง 2. ดัดหลังขณะเดิน 1 ตำแหน่ง 3. เดินหน้ากันล้มหัวคะมำ 1 ตำแหน่ง 4. ดึงตัวขึ้นตอนล้ม 1 ตำแหน่ง โดยไม่จำกัดวุฒิการศึกษา

มือเพลิงที่เขียนสคริปต์ ส่งข้อความสบประมาท ส่อเสียดเบียดตะลุง หยาม “ลุงป้อม” ผู้อ่อนน้อมถ่อมตน แม้จะซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ไม่เปิดเผยตัวตน แต่คาดเดาไม่ลำบาก “ฟันธง” ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าไม่น่าจะใช่ฝีมือพรรคฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น

เต่าตาบอด ร้อยปีก็เดาออก บอกถูกว่าต้องเป็นเด็กในคาถาของคนกันเอง ฝีมือ “เด็กลุงอีกบ้าน”

“เครือข่ายบ้านป่าฯ”…กลืนน้ำลายเปล่า หายใจในถุงกระดาษ อุดหู นวดเพเดานปาก แก้อาการ “สะอึก”

พอวิญญาณกลับร่าง ลงมือตอบโต้ทันที โปรยข้อความสดุดีว่า

“ลุงป้อมแม้บุคลิกภายนอกดูแทบหมดสภาพ เดินไม่ค่อยไหวแล้ว แต่ในทางการเมือง ปราชญ์เรียกเฮียก็แล้วกัน โดยบรรยายสรรพคุณว่า

1. บิ๊กป้อมมีความเป็นนักการเมืองมากกว่าตู่ทั้งชั้นเชิง ประสบการณ์ 2. ป้อมมีบารมี กระสุนดินดำมากกว่าตู่สำหรับการเลือกตั้ง 3. ในบรรดา ผบ.ทบ.ที่มีบารมีสูงสุด หลังป๋าเปรมก็น่าจะเป็นบิ๊กป้อม

4. ป้อมเป็นคนประนีประน้อม ชงหวานดีกว่าตู่ ที่มีแต่ความแข็งกร้าว 5. ป้อมมีมิตรสหายเป็นนักการเมืองอยู่ทุกพรรค 6. ป้อมมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำในช่วงใกล้เลือกตั้ง พร้อมที่จะจับมือกับพรรคการเมืองอื่นในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ทุกพรรค ดีกว่าตู่

นอกจากลูกน้องช่วยแก้ต่าง ยกตนข่มท่านแล้ว เหมือน “แม่มด หมอผี” ยังเข้าข้าง “บิ๊กป้อม” อีกต่างหาก สุขภาพที่เคยชำรุด เดินสะดุดๆ ไม่ค่อยสะดวก กระปรี้กระเปร่าฟิตเปรี๊ยะขึ้นมาราวปฏิหาริย์ ทันตาเห็น

อย่าว่าแต่เตะปี๊บเลย ให้ปีนภูเขาสูงชัน “พล.อ.ประวิตร” ก็พร้อม

สรุป ตอนนี้เมฆหมอกดำมืดปกคลุมสายสัมพันธ์ 2 ลุง ใกล้ประดาบกันเองมากเข้าทุกขณะแล้ว