โลกหมุนเร็ว/ธรรมชาติกำลังทดสอบคนไทย…เรื่องน้ำท่วม

โลกหมุนเร็ว/เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง
[email protected]

ธรรมชาติกำลังทดสอบคนไทย…เรื่องน้ำท่วม

เมื่อเนเธอร์แลนด์มีแผ่นดินทั้งประเทศที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล คนเนเธอร์แลนด์รู้ตัวว่านี่เป็นประเด็นสำคัญของชาติ พวกเขาค้นคว้าและสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมสำเร็จ ถ้าได้ไปเยี่ยมหมู่บ้านฮอลันดาที่อยุธยา เราจะได้ชมวิดีทัศน์เชิดชูความสำเร็จนี้ เป็นสิ่งภาคภูมิใจระดับชาติ
เมื่อญี่ปุ่นต้องเผชิญภัยพิบัติ พวกเขาอบรมคนในชาติให้มีระเบียบวินัย รับมือกับภัยพิบัติด้วยความสงบนิ่ง เป็นระเบียบ ชั่วพริบตาก็สร้างเมืองใหม่ขึ้นมาได้ดังเดิม
เมื่อประเทศไทยประสบภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 เนเธอร์แลนด์ส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำ แต่พวกเขาก็กลับบ้านไปแบบเสียเวลาเปล่า รัฐบาล (ยิ่งลักษณ์) ไม่ได้ดำเนินการใดๆ

อันที่จริงภูมิปัญญาของเราก็พอมีอยู่บ้าง เพียงแต่ขาดพลัง ความจริงใจ และความสุจริตใจ รวมทั้งความร่วมมือกันที่จะแก้ปัญหานี้
จากภาคประชาชน คือเรื่องพื้นๆ อย่างการจัดการขยะ เรื่องขยะนี้นอกจากจิตสำนึกของประชาชนแล้ว ยังเกี่ยวกับการบริหารจัดการของ กทม. และเทศบาลที่จะรณรงค์ให้เลิกทิ้งขยะกันแบบสะเปะสะปะตามที่สาธารณะ ไม่ใช่แค่ตามเก็บอย่างเดียว ในส่วนการตามเก็บ พูดให้ยุติธรรม กทม. และเทศบาลก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว แต่การสร้างจิตสำนึกก็เป็นหน้าที่ของ กทม. ด้วย มิฉะนั้นแล้วการตามเก็บอย่างเดียวมันก็ “เอาไม่อยู่”
นี่เหมือนกับการสร้างวัฒนธรรมใหม่ของคนในชาติเลยทีเดียวค่ะถ้าสำเร็จ และไทยก็จะรุ่งเรืองไปอีกนานชั่วลูกหลาน
อีกมุมหนึ่งของภาคประชาชน คือปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมาก คือการที่กลุ่มประชาชนตั้งกลุ่มเฝ้าระวังและรายงานสถานการณ์น้ำให้ประชาชนด้วยกันทราบ
กลุ่มที่เข้มแข็งนี้ยังมีข้อมูลวิชาการมาสนับสนุน เป็นความรู้ให้ประชาชนได้เปรียบเทียบว่าการทำงานของกรุงเทพมหานครดีพอหรือยัง
เช่นกลุ่มนี้ได้ให้ความเห็นว่าการตัดสินใจในเรื่องการวางท่อระบายน้ำขนาดใหญ่อาจเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่านัก และวิธีการระบายน้ำน่าจะทำได้ดีกว่านี้
ประสิทธิภาพของกลุ่มเห็นได้จากการที่ผู้เขียนเขียนเข้าไปถามว่าเส้นทางไประยองมีบริเวณไหนน้ำท่วมบ้าง ก็ได้รับคำตอบภายใน 1 ชั่วโมงว่าไม่น่ามีน้ำท่วม

มีความเคลื่อนไหวอีกกระแสจากภาคประชาชนคือบุคคลที่สนใจเรื่องอุตุนิยมวิทยา ศึกษาหาความรู้เรื่องสภาพภูมิอากาศเอง แล้วรายงานเผยแพร่ให้ประชาชนรับรู้ เป็นการทำงานแบบคู่ขนานกับกรมอุตุวิทยา ให้ประชาชนได้มีข้อมูลมากขึ้น อย่างเช่น นักอุตุนิยมสมัครเล่นคนหนึ่งได้ส่งไลน์ให้เพื่อน และผู้เขียนได้รับต่อมาเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ว่า
“เมื่อคืนตอนตีสามครึ่ง มันเข้ามาจากทะเลจีนตอนใต้ มาก้อนนึง มาเจอกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดจากมหาสมุทรอินเดีย เลยตกหนัก ตอนนี้พัดไปแล้ว อยู่แถวพม่าตอนกลาง ที่น่ากลัวกว่า คือ Severe tropical ‘Khanoon’ หรือ Odette ทีไอ้ปินส์เรียกออกจากฟิลิปปินส์เย็นนี้ลงทะลจีนใต้แล้ว ตรงเข้าเวียดนามเหนือวันที่ 16 เช้าขึ้นฝั่ง ดูในจอแล้วมวลมันใหญ่ ไทยเรา อีสาน เหนือ กลางตอนบนโดนหนักแน่ ประกอบกับน้ำทะเลสูงด้วย และเขื่อนคงต้องระบาย ระวังกันหน่อย เตรียมไดรโว่คอยดูดบ้านไว้ ถ้าอยู่ที่ลุ่ม รถต่ำๆ อย่าเพิ่งใช้”
วันที่เขียนนี้เป็นวันที่ 16 ผู้เขียนก็เอารถสูงออกมาใช้และยกเครื่องใช้ไฟฟ้าบางตัวขึ้นที่สูงแล้ว การเตือนแบบนี้มีประโยชน์มากๆ แต่เป็นสิ่งที่กรมอุตุนิยมวิทยาไม่ทำ คงจะกลัวคนตื่นตระหนก
แต่กรมอุตุฯ น่าจะเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่ เพราะความเสียหายมากมายเหลือเกินในเช้าวันที่ 14 ที่น้ำท่วมกรุง

จากภาคประชาชนก็มาถึงภาครัฐบ้างละ มิบังอาจวิพากษ์วิจารณ์นะคะ แต่มีคำถามอยู่ในใจว่าการรับมือกับธรรมชาติทำเต็มที่ด้วยความตระหนักในความเสียหายที่เกิดขึ้นหรือยัง
ถ้าหากว่าแม้แต่บ้านท่านก็ยังเดือดร้อน แต่ท่านไม่ได้เชื่อมโยงว่าภาระหน้าที่ที่ท่านทำท่านทำดีที่สุดหรือยัง บุคคลที่น่าสงสารแต่ไม่น่าเห็นใจก็คือตัวท่าน
การทำงานเรื่องน้ำเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ ความรู้และความเป็น authority ของการให้ข้อมูลอย่างเดียวไม่น่าจะพอ แต่การละอคติ และการรับฟังความเห็นของคนอื่นที่มีความตั้งใจดีน่าจะเป็นสิ่งที่ดี อยากให้มองว่าเป็นการให้ข้อมูลคู่ขนาน ช่วยกันคนละไม้คนละมือมากกว่าเป็นการให้ข้อมูลขัดแย้งกัน คนมีความรู้ความสามารถที่ไม่ได้ทำงานอยู่ในภาครัฐหรือภาคบริหารประเทศมีอยู่มากมายนะคะ
ถ้ามองเป็น ก็เป็นประโยชน์ค่ะ

ถ้าคิดว่าเรื่องจำนำข้าวคือความผิดพลาด สร้างความเสียหายมากมาย เรื่องน้ำก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ถ้าดูตัวเลขความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้ว น่าตกใจไม่แพ้กัน
ในระดับภาคประชาชนคนเล็กๆ จำได้ว่าเมื่อปี 2554 ที่บ้านก็ลงทุนไปหมื่นกว่าบาทซื้อกระสอบทรายมาเตรียมไว้ แต่โชคดีไม่ได้อยู่ในโซนน้ำท่วม แต่ไม่ได้เสียใจเลยที่ใช้เงินไป
ในฐานะที่เป็นประชาชนผู้เสียภาษีอากร อยากให้กรมอุตุนิยมวิทยาก็ดี กทม. ก็ดี ทบทวนการทำงานสักหน่อยนะคะ โปรดอย่าคิดว่ารถยนต์มากมายที่จมอยู่บนถนน เพียงเพราะกรมอุตุนิยมวิทยาไม่รีบออกข่าวในเช้าวันที่ 14 และเตือนประชาชนได้ทัน เป็นเรื่องธรรมดาเลยนะคะ
นักการเมืองทำไม่ดี ถูกดำเนินคดี แต่คนของรัฐที่บกพร่อง ก็ไม่รู้หนาวรู้ร้อนต่อไป