หมัดต่อหมัด ‘เอทีฟ-ซิตี้-อัลเมรา’ ดวล ‘3 อีโคคาร์’-ที่สุดของรถเล็ก / ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

[email protected]

 

หมัดต่อหมัด ‘เอทีฟ-ซิตี้-อัลเมรา’

ดวล ‘3 อีโคคาร์’-ที่สุดของรถเล็ก

 

แม้จะดูใจร้ายนิดๆ แต่ผมทำอะไรได้ไม่มาก เมื่อมีแฟนานุแฟนส่งข้อความมาให้ช่วยเปรียบเทียบรถเซ็กเมนต์อีโคคาร์ในบ้านเรายามนี้

ที่ว่าใจร้ายเพราะรุ่นหนึ่งเพิ่งอวดโฉมได้ไม่นาน ขณะที่คู่แข่งเปิดตัวมาพักใหญ่แล้ว

แต่กระนั้น ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ เพราะไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ออปชั่นต่างๆ พอฟัดพอเหวี่ยงกัน

ใช่แล้วครับ ผมกำลังเอ่ยถึง 3 ยอดรถอีโคคาร์บ้านเรา

“โตโยต้า ยาริส เอทีฟ” (Yaris Ativ)

“นิสสัน อัลเมรา” (Almera)

“ฮอนด้า ซิตี้” (City)

อย่างที่รู้กันว่า 2 รุ่นหลังเปิดตัวมานานข้ามปีแล้ว ส่วนยาริส เอทีฟ เพิ่งสร้างความฮือฮาได้ไม่นานนัก แต่ถือว่าแรงเอาเรื่องเพราะแค่ไม่กี่วันฟาดยอดจองทะลุหมื่นคัน

ส่วนอีโคคาร์ค่ายอื่น อย่าเพิ่งน้อยใจเพราะผมคิดว่าเปิดตัวมานานกว่ามาก อีกทั้งขุมพลังต่างๆ เป็นรองพอสมควร จึงขอไม่นำมาเปรียบเทียบด้วย

นิสสัน อัลเมรา นำรุ่นพิเศษ “SPORTECH” มาเป็นตัวชน เพราะถือว่าท็อปสุดและราคาใกล้กับรุ่นท็อปของอีก 2 ค่าย โดยออกมาพร้อมกับการไมเนอร์เชนจ์ โมเดล 2022

จริงๆ มีอีกรุ่นคือ “SPORTECH-X” แต่ผลิตจำนวนจำกัด จึงไม่นำมาเอ่ยถึง

กระจังหน้าแบบโครเมียมดำเงา เช่นเดียวกับกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ที่เป็นสีดำเช่นกัน มีออปชั่นพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ

กันชนหน้า-หลังสีเดียวกับตัวรถพร้อมตกแต่งด้วยสีเงิน

ต่ำลงมาเป็นสเกิร์ตชุดแต่ง SPORTECH เพิ่มความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น

ไฟหน้าแบบ LED พร้อม LED Signature Light เปิด-ปิดอัตโนมัติ

ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED

ไฟท้ายแบบ Signature Light พร้อมไฟเบรกแบบ LED

สปอยเลอร์หลังดำเงา

ล้ออัลลอย 15 นิ้วเงารมดำใหม่ รัดด้วยยาง 195/65

ภายในทูโทนเทาดำ ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน พวงมาลัยทรงสปอร์ตแบบท้ายตัดปรับได้ 4 ทิศทาง วัสดุหุ้มหนังตกแต่งด้วยวัสดุสีเทาเข้ม เดินด้ายสีขาวพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น

มาตรวัดเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital หน้าจอสี TFT 7 นิ้วอยู่ด้านซ้าย ปรับเปลี่ยนได้หลากรูปแบบ

แผงแดชบอร์ดด้านหน้าบุด้วยหนังนุ่ม ส่วนคอนโซลพลาสติกขึ้นรูป

ระบบแอร์แบบอัตโนมัติ

คันเกียร์หุ้มหนังแซมด้วยสีเงิน มีปุ่มสตาร์ต-สต๊อปอยู่บริเวณคอนโซลเกียร์

ความบันเทิง NissanConnect หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX IN สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง

มีระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ตโฟน Apple CarPlay ทั้งรองรับเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบ Bluetooth พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง

 

ส่วนฮอนด้า ซิตี้ ขอนำรุ่น “RS” เข้าประกวด

หน้าตาเน้นความสปอร์ต กระจังหน้าโครเมียม ละม้าย “ซีวิค” ไฟหน้าแบบ LED เรียงตัวกันเหมือนเปลือกหอย พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวันแบบ LED

ด้านล่างเป็นไฟตัดหมอกแบบ LED เช่นกัน

กระจกมองข้างสีดำ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ขยับตำแหน่งจากหูช้างมาอยู่ที่ประตูข้าง ช่วยให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น

ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ สปอยเลอร์หลังแบบ Glass Black พร้อมสัญลักษณ์ RS

ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว

เสาอากาศแบบครีบฉลาม

ภายในออกแบบได้เรียบหรู คอนโซลกลางเล็กลง พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์

มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI

เชื่อมต่อระบบ “ฮอนด้า คอนเน็กต์” สามารถสั่งการผ่านสมาร์ตโฟน สั่งสตาร์ตรถ เปิด-ล็อกประะตู ตรวจสภาพต่างๆ ได้

ส่งภาพจากกล้องมองด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ

เบาะนั่งหนังผสมผ้าตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ให้ความสปอร์ตมากขึ้น

ขณะที่โตโยต้า “ยาริส เอทีฟ” รุ่นท็อป ออกแบบตัวถัง “Fastback style” เป็นที่นิยมในรถยุโรปหลายรุ่น หรูหรามากขึ้น และช่วยเรื่องอากาศพลศาสตร์

กระจังหน้าขนาดใหญ่สีดำเงา ไฟหน้าเรียวเล็กแบบ LED มีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างตอนกลางวันแบบ LED Light Guiding

ไฟเลี้ยวสีเดียวกับตัวรถ ส่วนรุ่นท็อปใช้สีดำ

ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding พร้อมไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential

ล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว

ภายในใช้สีแดงดูสปอร์ตมากขึ้น พวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนังนุ่มพิเศษพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มเลือกโหมดการขับขี่

มาตรวัดแบบ Digital พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว

คอนโซลหน้าหุ้มหนังสังเคราะห์แบบ Premium Soft Touch พร้อมตกแต่งด้วยแถบสีเงินเมทัลลิก

มีไฟ Ambient Light ภายในห้องโดยสาร

ตรงกลางเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ลำโพง Pioneer Premium Speaker 6 ตำแหน่ง

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ เจาะช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังมาให้ด้วย

คันเกียร์ขนาดเหมาะมือ มีระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB และระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ABH

ด้านขุมพลัง “อัลเมรา” เป็นแบบ DOHC 3 สูบ เทอร์โบ 999 ซีซี กำลังสูงสุด 100 แรงม้า แรงบิด 152 นิวตัน-เมตร

เกียร์ XTRONIC CVT

“ซิตี้” ใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว Turbo Charger กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที

เกียร์แบบอัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) 7 สปีด

“เอทีฟ” เครื่องยนต์ Dual VVT-iE ขนาด 1.2 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 94 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที

เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Sequential Shift

เรื่องความแรงทั้งซิตี้-อัลเมรา หายห่วงเพราะเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ ความเร็วระดับ 170-180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไปถึงสบาย

ข้อมูลนี้การันตีเพราะลองมาแล้วทั้ง 2 รุ่น

ส่วนเอทีฟ ผมยังไม่ได้ลองขับจริงจัง แต่เท่าที่สดับเพื่อนๆ น้องๆ ที่เคยไปทดสอบแบบกลุ่มมาก่อนหน้านี้ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแรงขึ้นกว่าเดิมพอสมควร

เอาเป็นว่าขอติดไว้ก่อน หากมีโอกาสจะขอยืมมาทดสอบให้เห็นกันจะจะ

ด้านออปชั่น แน่นอนว่าเอทีฟที่มาใหญ่จัดใหญ่ใส่สารพัดจริงๆ แต่อีก 2 รุ่นก็ใช่ว่าแย่ เพียงพอต่อการใช้งานสบายๆ

สนนราคา “ฮอนด้า ซิตี้ RS” 739,000 บาท

“นิสสัน อัลเมรา VL SPORTECH” 675,000 บาท

และ “โตโยต้า ยาริส เอทีฟ” 689,000 บาท •