รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว(๘๙๓) คุยกันโดย “ศ. ดุสิต” อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น! / ดวงจันทรยาตร์

รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว(๘๙๓)/โดย “ศ. ดุสิต”

อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น!

เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด ‘คลังโหร’

ดวงจันทรยาตร์

เนื่องจากชีวิตของมนุษย์เรานี้พระท่านบอกว่าตกอยู่ใน “วัฏสงสาร” คือตกอยู่ในความหมุนเวียน และจะต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในโลกนี้ไปอีกอย่างหาที่สิ้นสุดยาก
ยกเว้นว่าจะสามารถกระทำการปลดกิเลสจนสิ้นจากจิตใจ จนจิตอยู่ในสภาพว่างแล้วนั่นแหละ จึงจะยุติการหมุนวนนี้ได้
ดังนั้นชีวิตของมนุษย์จึงวนเวียนอยู่กับสภาวะที่แวดล้อมกายอยู่ และจะต้องพบกับความซ้ำซากที่เป็นประจำ และมันซ้ำซากเสียจนกลายเป็นความเคยชินของเราไปแล้วโดยไม่รู้สึกตัว
การหมุนวนและซ้ำซากของชีวิตนี่แหละ ที่เป็นตัวทำให้เกจิอาจารย์แต่โบราณท่านคิดได้ และจัดขึ้นเป็นสูตรของแนวทางชีวิต
และดูเหมือนสิ่งนี้เองที่เป็นที่มาของการผูกดวงแบบ “จันทรยาตร์” นี้ขึ้น


เพราะดวงจันทรยาตร์นี้ก็อาศัยการหมุนวนของชีวิตเรานี่เองเป็นตัวสำคัญ
มันดูเหมือนกับเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ แต่ความจริงแล้วมันก็คือสิ่งธรรมดาที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาตินี่เองแหละ ที่มองเห็นเหมือนกับมันเป็นสิ่งอัศจรรย์นี้ ก็เพราะด้วยวิธีที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ นี่เอง แต่มันกลับยังประโยชน์ให้ในการพยากรณ์อย่างลึกล้น เพียงแค่เรารู้จักดวง “จันทรยาตร์” นี้เท่านั้นเอง
ที่จริงผมเคยเสนอ “ดวงจันทรยาตร์” นี้มาก่อนแล้ว แต่คงจะนานมาก และตอนนั้นก็ไม่ได้เขียนละเอียดอะไรมาก เขียนพอให้รู้ว่าจะสร้างดวงจันทรยาตร์นี้ได้อย่างไรเท่านั้น
ผมเห็นว่าสูตรนี้เป็นสูตรที่ดีมากสูตรหนึ่งของวิชานี้จึงได้นำ “ขยาย” ให้ละเอียดยิ่งขึ้น เพื่อจะได้นำไปใช้ได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
การผูกหรือสร้างดวงจันทรยาตร์นี้ไม่ใช่ของยากอะไร แต่วิธีทำก็น่าทึ่งอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะวิธีทำนั้นคล้ายกับดวงสุริยยาตร์ ซึ่งเราใช้อาทิตย์เป็นเจ้าการในการผูกดวง แต่ดวงจันทรยาตร์นี้เราใช้ดวงจันทร์เป็นเจ้าการในการผูกดวง และใช้วิถีโคจรของพระจันทร์เป็นช่วงเวลาที่กำหนดขึ้นในการที่จะเป็นดวงประจำปี
เอาละครับ, อธิบายถึงที่มาที่ไปของดวงนี้มาพอสมควรแล้ว มาเข้าประเด็นถึงวิธีการที่จะผูกดวงจันทรยาตร์นี้กันเถอะ วิธีทำมีดังนี้ครับ
๑. ตรวจดูว่าเจ้าชาตามีอายุย่างกี่ปี
๒. นำจำนวนปีของอายุย่างนั้นมากำหนดขึ้นเป็นเดือน เช่น มีอายุย่าง 35 ปี ก็ให้ถือว่ามีกำหนด 35 เดือน แล้วให้นับตั้งแต่ดิถีและเดือนเกิดของเจ้าชาตามาตามจำนวนนั้น ตกที่เดือนไหนของปีไหน ก็ตรวจดูที่ปฏิทินโหรว่าดาวในวันนั้นมีการโคจรอยู่อย่างไรบ้าง
๓. จัดการผูกดวงที่ได้จากปฏิทินนั้นขึ้นมาเป็นดวงจร ลัคนาเดิมของเจ้าชาตาอยู่ที่ใด ก็ให้ลงลัคนาจรไว้ ณ ราศีเดียวกันนั้น ก็เป็นอันได้ดวงจันทรยาตร์มาใช้ในการพยากรณ์แล้ว
๔. ใช้ดวงจันทรยาตร์นี้พยากรณ์เหตุการณ์ของเจ้าชาตาได้ในปีนั้นเท่านั้น ไม่มีการพยากรณ์ล่วงหน้าต่อไปเป็นห้าปีสิบปีอย่างเด็ดขาด

เป็นไงครับ ไม่ยากเลยใช่ไหม
มือใหม่อาจจะเกิดความสับสนไม่แน่ใจขึ้นบ้าง แต่มือเก๋าแล้วเชื่อว่าได้ฟังเพียงแค่นี้ก็ทำได้แล้ว แต่มีข้อที่ควรระวังอยู่อย่างหนึ่งก็คือ การกำหนดเป็นเดือนที่ว่านี้ จะต้องใช้เดือนทางจันทรคติ เท่านั้น
อย่าเอาเดือนทางสุริยคติมาใช้อย่างเด็ดขาดเพราะจะผิด เช่น คนเกิดวันขึ้น 9 ค่ำเดือน 12 ก็จะต้องนับตั้งแต่ ขึ้น 9 ค่ำเดือน 12 ไปถึงขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้ายเป็นหนึ่งเดือน เดือนต่อไปก็ใช้วิธีนับอย่างนี้เรื่อยไปจนครบจำนวนปีที่อายุย่างถึงเป็นต้น
อายุย่างกี่ปี ก็เอาจำนวนปีนั้นมากำหนดเป็นเดือน แล้วไล่เดือนมาอย่างที่ว่านี่จนครบตรงดิถีไหนเดือนไหน ก็ตรวจปฏิทินโหรหาตำแหน่งของดวงดาวในวันนั้นเดือนนั้น ใส่ลัคนาเดิมลงไปก็เป็นอันเสร็จแล้ว
เช่น :-
คนเกิดวันที่ 18 ตุลาคม 2502 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ปีกุน เวลา 17.52 น. มีรูปดวงชาตาดังนี้

นับถึงเดือนที่ผมเคยคำนวณดวงนี้ไว้ คือเดือนพฤศจิกายน 2548 ก็จะมีอายุย่างเข้า 46 ปี 4 เดือนเศษ นับเป็นย่าง 47 ปี การจะขับเข้าดวงจันทรยาตร์ก็จะใช้กำหนดเดือน 47 เดือน คือเราต้องไล่จากเดือนเกิดของเจ้าชาตาไปอีก 47 เดือน แต่วิธีนั้นจะต้องใช้เวลามากในการนับ เราก็ใช้วิธีลัดนับดังนี้
47 เดือนนั้น เอา 12 หาร (จำนวนเดือนใน 1 ปี) ก็จะได้ลัพธ์ 3 เศษ 11 นั่นก็คือ 3 ปี 11 เดือน
เราก็จะได้ร่นเวลาลงดังนี้
จาก แรม 1 ค่ำเดือน 11 ปีกุน นับมาอีก 3 ปี คือในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ก็จะเป็นเวลาที่ครบ 3 ปีหรือ 36 เดือนพอดี แต่ยังไม่ครบเวลาที่ประสงค์ เพราะเวลาประสงค์นั้นคือ 47 เดือน เราก็นับต่อไปอีก พอแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ก็จะขึ้นเดือนที่ 37 พอแรม 1 ค่ำเดือน 12 ก็ขึ้นเดือนที่ 38 แรม 1 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ก็ขึ้นเดือน 39 ไล่อย่างนี้เรื่อยไปจนถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะก็จะขึ้นเดือนที่ 47 อันเป็นเดือนที่เราประสงค์นั่นเอง
เมื่อได้เวลาที่ประสงค์แล้ว ทีนี้เราก็เปิดปฏิทินดาวดูว่า วันแรม 1 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะนั้นตรงกับวันที่เท่าไหร่ของปีอะไร แล้วก็เอาตำแหน่งของดวงดาวในปีนั้นวันนั้นมาผูกดวงขึ้น ใส่ลัคนาเดิมของเจ้าชาตา ซึ่งในดวงตัวอย่างนี้ลัคนาสถิตราศีมีน เราก็วางลัคนาลงที่ราศีมีนในดวงนั้น ก็เป็นอันเสร็จดวงจันทรยาตร์ประจำปีอายุที่ 47 ของเจ้าชาตานี้
ดวงจันทรยาตร์ประจำอายุ 47 ปีของเจ้าชาตานี้เป็นดังนี้

เราจะเห็นอย่างชัดเจนว่า ดวงทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันอย่างมาก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการหมุนเวียนของวัฏจักรชีวิตที่เรามองไม่เห็นนั่นเอง แต่ดวงจันทรยาตร์ได้ทำให้เราเห็นความแตกต่างนี้ได้ และทำให้เรารู้ถึงวิถีชีวิตในช่วงเวลาที่เราสนใจได้เป็นอย่างดี
จุดประสงค์ของดวงจันทรยาตร์นี้ นอกจากจะทำให้เราเห็นถึงวิถีจรของชีวิตมนุษย์ในปัจจุบันอย่างที่ว่าแล้ว ยังสามารถนำไปสร้างกับดวงประวัติศาสตร์ที่มีอายุนานๆ มาแล้วก็ได้
เช่น ดวงเมือง เป็นต้น ซึ่งก็ใช้วิธีเดียวกันนี้แหละ แต่ผลที่ได้รับจะไม่เหมือนกับการที่เรานำเอาดวงเดิมนั้นมาดูอยู่ทั้งตาปีตาชาติ ทั้งๆ ที่อายุของเมืองได้เปลี่ยนไปนับร้อยๆ ปีแล้ว
ซึ่งวิชาจันทรยาตร์นี้ไม่ใช่วิชาที่เปิดเผย แต่เป็นวิชาที่ได้ปกปิดกันมาแต่โบราณแล้ว
โหรเก่งๆ หรือโหรทั่วไปจะรู้จักแต่ดวงสุริยยาตร์ มีน้อยคนเหลือเกินที่จะได้รู้ถึงคุณค่าของดวงจันทรยาตร์นี้
จึงขอให้คุณๆ ที่โชคดีได้เรียนรู้วิชานี้ไว้โปรดช่วยกันรักษาเพื่อให้วิชานี้ดำรงอยู่ต่อไปในโหราพิภพนี้ด้วยเถิด
ก็ขอยุติการบรรยายเรื่องนี้ไว้เพียงนี้นะครับ