ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 กันยายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ |
ผู้เขียน | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ |
เผยแพร่ |
อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ
ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์
ศิลปินผู้ใช้ภาพถ่าย
สร้างความตระหนักรู้
ของผู้คนต่อโลกรอบตัว
Wolfgang Tillmans
ในตอนนี้ขอพักจากการนำเสนอนิทรรศการศิลปะมาเล่าเรื่องราวของศิลปินร่วมสมัยกันอีกที คราวนี้เป็นคิวของศิลปินในสาขาภาพถ่าย
ศิลปินผู้นี้มีชื่อว่า วูล์ฟแกง ทิลมันส์ (Wolfgang Tillmans) ศิลปินภาพถ่ายชาวเยอรมัน
ผลงานอันหลากหลายของเขาสร้างความโดดเด่นเป็นที่รู้จักจากการสังเกตและถ่ายทอดสภาพแวดล้อมรอบตัว และสำรวจรากฐานของสื่อภาพถ่ายอย่างต่อเนื่องยาวนาน
เขาเคยกล่าวเอาไว้ว่า “ผมถ่ายภาพเพื่อที่จะมองโลกใบนี้ ในทางกลับกันผมก็ใช้สื่อภาพถ่ายในการสร้างความตระหนักรู้ของผู้คนต่อโลกรอบตัวเราด้วย”
ทิลมันส์สร้างชื่อเสียงจากการถ่ายภาพให้สื่อสิ่งพิมพ์ที่ทรงอิทธิพลทางแฟชั่นและวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างนิตยสาร i-D
ผลงานภาพถ่ายของเขาในเล่มแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาว LGBT+ และชีวิตกลางคืนของหนุ่มสาวชาวอังกฤษ
ภาพถ่ายของเขาเปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วๆ ไปเข้าถึงและเข้าใจวิถีชีวิตของเกย์มากขึ้น
เขายังทำงานเชิงทดลองกับสื่อภาพถ่ายเพื่อสร้างความเป็นไปได้ทางความคิดเกี่ยวกับการมองเห็นในมุมมองใหม่ๆ และผลักให้ผู้ชมก้าวออกไปจากกรอบคิดอันจำเจเดิมๆ ไปจนถึงการเสนอประเด็นทางสังคมการเมืองผ่านภาพถ่าย
เขายังเป็นที่รู้จักจากผลงานที่สร้างความช็อกแก่ผู้ชม ด้วยการหยิบเอาชีวิตของคนชายขอบมาตีแผ่ให้เห็นผ่านกิจกรรมธรรมดาสามัญ แต่ในขณะเดียวกันก็เปิดเผยจะแจ้งจนอื้อฉาว
เขามักหลีกเลี่ยงที่จะอธิบายความหมายหรือเรื่องราวเบื้องหลังผลงานแต่ละภาพของเขา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ชมตีความได้อย่างไม่รู้จบ
ผลงานภาพถ่ายของทิลมันส์ครอบคลุมรูปแบบและแนวทางการทำงานอันหลากหลาย ทั้งภาพถ่ายบุคคล, ภาพถ่ายท้องฟ้า, ภาพถ่ายดวงดาวและห้วงอวกาศ, ภาพถ่ายทางอากาศ, ภาพถ่ายเชิงทดลอง และผลงานศิลปะจัดวางอันซับซ้อน ที่ขับเคลื่อนจากทั้งสุนทรียะความงามและความสนใจทางการเมืองของเขา ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับประเด็นของความหลากหลายทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ
แม้ผลงานภาพถ่ายของเขาจะครอบคลุมแนวทางการทำงานภาพถ่ายอย่างหลากหลาย แต่ก็มักถูกนำเสนอผ่านเนื้อหาอันธรรมดาสามัญ ที่มุ่งเน้นในการสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัว หรือสิ่งที่เขาสนใจ
“ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องทำงานตามสมัยนิยม หากแต่ต้องการสร้างภาษาและจังหวะชีพจรของตัวเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าชีวิตของผมเป็นอย่างไร”
ถึงแม้ทิลมันส์จะเป็นช่างภาพที่เปิดรับการทดลองเทคโนโลยีการถ่ายภาพใหม่ๆ อย่างภาพถ่ายดิจิทัล และการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
แต่เขาก็ยังคงไม่ทิ้งทักษะการทำงานในสตูดิโอภาพถ่ายแบบดั้งเดิม ทั้งการใช้ห้องมืด การล้างอัดภาพ การเล่นกับแสง
ไปจนถึงการทดลองทางเคมีของภาพถ่าย และผลิตผลงานแปลกใหม่ที่สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนที่ติดตามอยู่เสมอ
วูล์ฟแกง ทิลมันส์ เกิดในเขตอุตสาหกรรมเล็กๆ ของเมืองเร็มไชต์ ประเทศเยอรมนีตะวันตก ในช่วงวัยเยาว์ เขาเป็นเด็กเงียบขรึมผู้หลงใหลศิลปะ
เขามักเข้าไปเยี่ยมเยือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะอยู่เนืองๆ และเพริศแพร้วไปกับผลงานของศิลปินระดับตำนานอย่าง แกร์ฮาร์ด ริตช์เตอร์ (Gerhard Richter) , ซิกม่า โพลเคอ (Sigmar Polke) และโรเบิร์ต เราเชนเบิร์ก (Robert Rauschenberg)
ในปี 1983 หลังจากกลับจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อังกฤษ ทำให้เขาลุ่มหลงในวัฒนธรรมวัยรุ่นอังกฤษ
บรรยากาศทางวัฒนธรรมเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้เขากล้าที่จะเปิดตัวต่อครอบครัวและคนรอบข้างว่าตนเองเป็นเกย์ ในปีถัดมา
ในปี 1988 ทิลมันส์เลือกทำงานบริการชุมชนในเมืองฮัมบูร์ก แทนการเข้ารับราชการทหารในกองทัพ
ที่นั่น เขาเริ่มทำงานศิลปะด้วยการใช้เครื่องถ่ายเอกสารในสำนักงานที่เขาทำงานอยู่ โดยสร้างเป็นผลงานที่เล่นกับคุณลักษณะของภาพที่ถูกขยายจนเม็ดสีแตก บดบังรายละเอียดของภาพ และจัดแสดงนิทรรศการศิลปะของเขาขึ้นมาเป็นครั้งแรก
ผลงานของเขาเตะตาภัณฑารักษ์ เดนิส บรูดนา (Denis Brudna) จนชักชวนให้ไปแสดงงานด้วยกัน
นอกจากแสดงนิทรรศการแล้ว ทิลมันส์ยังหลงใหลแสงสีและชีวิตกลางคืนในปาร์ตี้
เขาซื้อแฟลชกล้องและออกถ่ายวัยรุ่นหนุ่มสาวนักตระเวนราตรี
จนในที่สุดภาพของเขาก็ได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสาร i-D และอีกหลายๆ หัว
ในปี 1992 หลังจากจบจากการทำงานบริการชุมชน ทิลมันส์โยกย้ายไปยังประเทศอังกฤษและเข้าเรียนที่สถาบัน Bournemouth and Poole College of Art and Design
ที่นั่นเขาพบกับ มัวรีน เพลลีย์ (Maureen Paley) เจ้าของหอศิลป์ร่วมสมัยที่ชักชวนให้เขาแสดงงานภาพถ่ายในเทศกาลศิลปะที่เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี
ก่อนจะไปแสดงนิทรรศการในปาร์ตี้ของนิตยสาร i-D ด้วยผลงานภาพถ่ายที่จัดแสดงด้วยวิธีการแขวนด้วยคลิปหนีบกระดาษบนผนัง โดยไม่ใส่กรอบ และการดึงภาพถ่ายของเขาจากหน้านิตยสารมาแปะบนผนัง ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกแหวกแนวอย่างมากในยุคนั้น
วิธีการนี้ของเขาถือเป็นการทำลายกรอบทางชนชั้นของการแสดงนิทรรศการภาพถ่ายในโลกศิลปะลงอย่างสิ้นเชิง
ทำให้นิทรรศการของเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก
และยังทำให้เขาได้รู้จักกับเบเนดิกต์ ทาสเชน (Benedikt Taschen) เจ้าของสำนักพิมพ์ Taschen ยักษ์ใหญ่แห่งวงการหนังสือศิลปะของโลก ที่จะตีพิมพ์หนังสือรวมผลงานของทิลมันส์หลายต่อหลายเล่มในภายหลัง
การร่วมงานของเขากับ Taschen นี่เอง ที่เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของหนังสือ (ศิลปะ) ในฐานะสื่อกลางในการถ่ายทอดประวัติศาสตร์ของการถ่ายภาพเป็นอย่างมาก
ในปี 1994 ทิลมันส์ย้ายไปยังนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และพบรักกับจิตรกรชาวเยอรมัน โยเคน คไลน์ (Jochen Klein) ทั้งคู่อยู่กินด้วยกันจนกระทั่งคไลน์เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ในปี 1997 ทิลมันส์ในวัย 26 ปี เองก็ติดเชื้อเอชไอวีไปด้วย
การพบเจอกับชะตากรรมเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตนั้นช่างเปราะบาง แต่เขาก็รู้สึกว่าไม่ควรหาประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เป็นเหตุให้เขาไม่ค่อยหยิบประสบการณ์นี้มาแสดงออกผ่านผลงานเท่าไหร่นัก
มีเพียงไม่กี่ผลงาน อย่างเช่น ภาพถ่าย 17 Years’ Supply (2014) ที่แสดงให้เห็นกล่องบรรจุยาต้านไวรัสเอชไอวีจำนวนมากที่มีชื่อของเขาพิมพ์อยู่เท่านั้น
หลังจากการเสียชีวิตของคไลน์ ทิลมันส์หันเหมาทำงานในเชิงทดลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานในห้องมืดมากขึ้น
ในช่วงเวลานี้เองที่อาชีพการทำงานและชื่อเสียงของเขาขึ้นสู่จุดสูงสุด ทั้งงานถ่ายภาพแฟชั่น และงานศิลปะ
ในปี 2000 ทิลมันส์ในวัย 32 ปี ก็ได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการศิลปะอังกฤษอย่าง Turner Prize โดยเป็นชาวต่างชาติคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ และยังเป็นผู้รับรางวัลที่มีอายุน้อยที่สุดอีกด้วย
ในปี 2003 การปะทุของสงครามอิรักทำให้ทิลมันส์หันมาทำงานภาพถ่ายเกี่ยวกับการเมืองมากขึ้น
เขาทำผลงานศิลปะจัดวางที่ทำขึ้นจากภาพถ่าย, สิ่งพิมพ์, บทความ และข้อสังเกตการณ์เกี่ยวกับการแพร่กระจายของเฟกนิวส์ หรือข่าวลวง ที่สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณชนกับการรับรู้ข้อเท็จจริงที่ถูกขัดขวางโดยการควบคุมเบ็ดเสร็จของสื่อมวลชน
ผลงานของเขาในช่วงนี้เต็มไปด้วยความเสียดเย้ยทางการเมือง เพื่อกระตุ้นเตือนให้ผู้คนตระหนักรู้ถึงสิทธิและบทบาททางการเมืองของตนเอง
ในปี 2016 เขายังทำแคมเปญต่อต้าน Brexit หรือการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร ในรูปของโปสเตอร์ทางการเมืองที่มีรูปถ่ายของเขาปรากฏอยู่ทั่วอังกฤษ เพื่อกระตุ้นให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้อังกฤษยังคงอยู่ร่วมในสหภาพยุโรปต่อไป
นอกจากการทำงานภาพถ่าย ทิลมันส์ยังทำงานในสื่อดนตรี ภาพเคลื่อนไหว และวิดีโอ ซึ่งมักเป็นการร่วมงานกับเพื่อนๆ หลากวงการอีกด้วย
ในฐานะช่างภาพชื่อดังระดับตำนาน ทิลมันส์ใช้สถานภาพและผลงานของเขาในโลกศิลปะสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนเกี่ยวกับวิถีชีวิตของเกย์และชุมชน LGBT+ ว่าพวกเขาก็มีชีวิตปกติธรรมดาไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆ ในสังคม
เขายังก่อตั้งองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ช่วยสนันสนุนศิลปินผู้ทำงานในประเด็นเกี่ยวกับ LGBT+ และวิกฤตผู้ลี้ภัยในยุโรป
แนวคิดทางการเมืองของเขายังถูกนำเสนอผ่านการทำงานดนตรี ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับแร็พเปอร์อเมริกันชื่อดังอย่าง แฟรงก์ โอเชียน (Frank Ocean) ซึ่งส่งผ่านปรัชญาส่วนตัวของเขาที่แสดงถึงความเปิดกว้าง ไร้อคติ และการใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญในโลกรอบตัวของทิลมันส์ไปยังคนรุ่นใหม่ในโลกโซเชียลในยุคปัจจุบัน
ล่าสุด วูล์ฟแกง ทิลมันส์ กำลังจะจัดแสดงนิทรรศการแสดงผลงานย้อนหลังครั้งยิ่งใหญ่ของเขาในชื่อว่า “Wolfgang Tillmans: To Look Without Fear” ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (MoMA) นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2022-1 มกราคม 2023
มิตรรักแฟนศิลปะท่านใดมีโอกาสเดินทางไปนิวยอร์กในช่วงเวลานี้ ก็ตามไปชมผลงานของเขากันได้ตามอัธยาศัย •
ข้อมูล https://tillmans.co.uk/, https://bit.ly/3B0hgOh, https://bit.ly/2J6hFo8, https://mo.ma/3wLaGsx
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022