‘โตโต้ ปิยรัฐ’ มองข้าม ‘ประวิตร-ประยุทธ์’ เตรียมลงเลือกตั้งในนาม ‘ก้าวไกล’/เปลี่ยนผ่าน ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

เปลี่ยนผ่าน

ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

 

‘โตโต้ ปิยรัฐ’

มองข้าม ‘ประวิตร-ประยุทธ์’

เตรียมลงเลือกตั้งในนาม ‘ก้าวไกล’

 

“โตโต้-ปิยรัฐ จงเทพ” เป็นคนหนุ่มที่มีบทบาทการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อต่อต้านเผด็จการมาอย่างต่อเนื่อง

บทบาทสำคัญที่หลายคนจดจำเขาได้ ก็คือการเป็น ผอ.กลุ่มงานมวลชนอาสา หรือ We Volunteer (WeVo) ซึ่งทำหน้าที่เป็นการ์ดดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมคนรุ่นใหม่ ท่ามกลางกระแสม็อบสามนิ้วอันเคยร้อนแรง

ล่าสุด รายการ “The Politics ข่าวบ้านการเมือง” ทางช่องยูทูบมติชนทีวี ได้สนทนากับ “โตโต้ ปิยรัฐ” หลังศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งมีมติให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว

ในประเด็นว่าด้วยอนาคตการเมืองไทย และอนาคตการทำงานการเมืองของตัวโตโต้เอง

โตโต้ยอมรับว่า โดยส่วนตัวรู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ เขาเชื่อเหมือนที่อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ “จรัญ ภักดีธนากุล” วิเคราะห์เอาไว้ว่า คำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว นั้นคือการบ่งชี้ว่ามีโอกาสสูงที่คดี “วาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี” จะมีมูล

ที่สำคัญ สังคมก็เชื่อกันไปอย่างนั้นแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์น่าจะหลุดจากตำแหน่ง ซึ่งเมื่อสถานการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ ผู้มีอำนาจตัดสินใจคงยากที่จะต้านฝืนกระแสสังคม

ส่วนเรื่องที่แกนนำ WeVo ไม่แปลกใจ ก็คือการที่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ขึ้นมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีแทน พล.อ.ประยุทธ์

โดยเขามองว่า หากพยายามมองโลกในแง่ดี พล.อ.ประวิตรก็มีท่าทีพร้อมพูดคุย พร้อมเจรจา มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมืองหลายขั้ว และมีลักษณะเป็นมือประสาน มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์

แต่ในแง่ความรู้สึกของประชาชน ทั้งกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐเอง ประชาชนทั่วไป และนักกิจกรรม-นักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตย ภาพลักษณ์ของ “บิ๊กป้อม” กลับดูจะ “ติดลบ” เสียยิ่งกว่า “บิ๊กตู่”

อันเนื่องมาจาก “ข้อครหา” หลายประเด็น ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาเรื่องพฤติกรรมทุจริตหรือการใช้อำนาจในทางมิชอบ ที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐชี้แจงหรือตอบคำถามสังคมไม่ได้ ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา

แม้เมื่อมองผ่านสายตาประชาชน การเปลี่ยนจาก “ประยุทธ์” เป็น “ประวิตร” จะไม่ได้ทำให้สถานการณ์การเมืองดีขึ้นทันตาเห็น ทว่า ความหวังบางประการกลับค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ดังที่โตโต้อธิบายว่า

“เพียงแต่ว่าทุกคนเก็บสะสมความกดดันและแรงพลังการต่อสู้นี้ไว้ในใจ และจะนำออกมาในวันที่รอการเลือกตั้ง เพราะนี่คือสัญญาณชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลหรือเรือแป๊ะของ พล.อ.ประยุทธ์มีรอยรั่วเยอะเกินไปแล้ว และพร้อมจะสละเรือให้มีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ได้ในเวลานี้

“ฉะนั้น ทุกคนจึงไม่ได้มีกระแสออกมา (ชุมนุม) ไม่ได้แปลว่าศาลทำแบบนี้เพื่อลดกระแสต่อต้าน แล้วก็เห็นอกเห็นใจคุณประยุทธ์ ไม่ใช่นะครับ แต่กลับเป็นการที่ทุกคนมองว่านี่คือเกมการเมือง ที่มองว่า พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ดีไปกว่า พล.อ.ประยุทธ์ แต่ พล.อ.ประวิตรมาเพื่อรอการเลือกตั้ง ทุกคนรอเข้าสนามการเลือกตั้ง”

ดังนั้น นี่จึงเป็นห้วงเวลาเก็บเกี่ยวเสบียงอาหารเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ทั้งสำหรับฝ่ายมวลชนและพรรคการเมืองต่างๆ

เมื่อชวนนักเคลื่อนไหวอย่างโตโต้ให้วิเคราะห์ว่า ทำไมกระแสม็อบการเมืองจึงจุดไม่ค่อยติดในระยะหลังๆ

เขาให้คำตอบตรงไปตรงมาว่า หลายคนไม่ออกมาชุมนุมเพราะรู้สึกไม่คุ้ม เนื่องจากต้องเสียทั้งทุนทรัพย์และต้องเสี่ยงถูกดำเนินคดีความต่างๆ นานา แถมยังไม่รู้ว่า การออกมาทำม็อบในช่วงนี้ จะกลายเป็นการเตะหมูเข้าปากหมา จนก่อให้เกิดเงื่อนไขอื่นๆ ที่นำไปสู่ปิดประตูไม่ให้มีการเลือกตั้งหรือไม่

ด้วยเหตุนี้ แนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยจำนวนมากจึงอยากเฝ้ามองสถานการณ์การเมืองจนกว่าจะปรากฏผลลัพธ์แน่ชัด และรอดูจังหวะเคลื่อนตัวของพี่น้อง 2 ป. อย่างละเอียด แล้วนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งใหญ่

“มีอย่างเดียวคือให้พวกเขาได้หักกันให้ขาด แล้วก็เกิดฝุ่นตลบ และสุดท้ายแล้ว เขาไม่มีเวลาในการตั้งตัว ในขณะเดียวกัน คู่แข่งฝ่ายค้านต่างๆ ตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องออกมาเดินถนน ไม่จำเป็นต้องออกมาช่วยม็อบ มาปลุกม็อบแล้วครับ เพราะสุดท้ายแล้ว เอาเวลาไปทำพื้นที่ จัดสรรปันส่วนผู้สมัครให้ลงพื้นที่ แล้วเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง

“ผมเชื่อว่าเดือนกันยาฯ เป็นต้นไป จะเห็นปี่กลองขลุ่ยต่างๆ ดังขึ้นประโคมการเลือกตั้งเป็นหลักแล้วครับ ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ตามแต่ ไม่มีใครให้ความสนใจแล้ว”

ตามทรรศนะของนักกิจกรรมหนุ่ม มีเงื่อนไขอยู่สองประการเท่านั้นที่จะทำให้เกิดม็อบใหญ่บนท้องถนน

หนึ่ง กฎหมายลูกเลือกตั้งถูกทำแท้ง และสอง คำวินิจฉัยกรณีวาระการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เป็นที่พอใจของคนส่วนใหญ่ในสังคม

ในเงื่อนไขข้อหลัง โตโต้มองว่าความเป็นไปได้ระดับแย่สุดที่เขาสามารถยอมรับได้ ก็คือการหาทางออกแบบ “บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น” ด้วยการระบุให้นายกรัฐมนตรีสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ถึงปี 2568

เพราะในทางปฏิบัติแล้ว นั่นหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์จะหมดโอกาสเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าโดยอัตโนมัติ เนื่องจากไม่มีพรรคการเมืองไหนที่อยากชูตัวเลือกซึ่งจะทำหน้าที่บริหารประเทศได้แบบไม่ครบวาระ

 

ครั้นถามถึงแนวทางการเคลื่อนไหวในอนาคตของกลุ่ม WeVo โตโต้เล่าว่า เมื่อวันที่ 13-14 สิงหาคม ทางกลุ่มเพิ่งจัดงานครบรอบ 2 ปี ที่คณะทำงานได้เดินทางร่วมกับมวลชนฝ่ายประชาธิปไตย

ในงานดังกล่าว ตนเองได้ประกาศชัดเจนว่า ต้องมีการปรับตัวเข้าสู่การต่อสู้รูปแบบใหม่ เพราะมวลชนกำลังเหนื่อยล้า ไม่พร้อมออกมาเดินถนนในจำนวนมหาศาล อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นยังไม่ได้ทอดทิ้งอุดมการณ์และการต่อสู้

“ทุกคนกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง และมองว่าจะนำปากกาไปฆ่าเผด็จการ พูดง่ายๆ ว่าจะสั่งสอนเผด็จการโดยการเข้าคูหาเลือกตั้ง และเลือกให้ถล่มทลายในพรรคฝ่ายประชาธิปไตย”

สำหรับอนาคตทางการเมืองของตัวเอง “โตโต้ ปิยรัฐ” เปิดเผยโดยไม่ปิดบังว่า เขาเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล และเคยเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ (ก่อนถูกยุบ) ทั้งยังเคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 ในนามผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ เมื่อปี 2562 มาแล้ว

(ผลปรากฏว่า “บุญรื่น ศรีธเรศ” นักการเมืองหญิงอาวุโสและอดีตรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งไปด้วยคะแนนเสียง 37,532 คะแนน อันดับสอง คือ “วิรัช พิมพะนิตย์” จากพรรคภูมิใจไทย ได้ 32,275 คะแนน ส่วนโตโต้มีคะแนนมาเป็นอันดับสาม 17,750 คะแนน)

ครั้นพอมาทำงานเคลื่อนไหวเต็มตัว โตโต้ก็ยังไม่ได้ลาออกจากพรรคก้าวไกล และยังคงช่วยงานพรรคเท่าที่สมาชิกคนหนึ่งพอจะช่วยเหลือได้

“ปัจจุบันนี้ ก็มีแนวความคิดว่า หากพรรคมีการพิจารณาคัดเลือกให้ลงสมัคร ส.ส.อีกครั้งหนึ่ง ก็ยินดีและพร้อมที่จะเดินเส้นทางนี้อีกครั้ง เพื่อไปช่วยเหลือพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยพรรคนี้”

โตโต้เปิดใจ และเผยต่อว่า “ก่อนหน้านี้ คิดว่าจะไม่กลับไปแล้ว จะกลับไปทำมาหากิน แล้วเป็นมวลชนอิสระ มวลชนกลุ่มกิจกรรม ที่ทำหน้าที่สนับสนุนในภาคพื้นถนน แต่สถานการณ์มันเปลี่ยน เปลี่ยนที่ว่าพรรคการเมืองก็ต้องการบุคลากรที่ไว้วางใจ ไม่เอางูเห่า

“เวลาเราไม่ไป ตอนที่เขาขอให้เราไปช่วย เช่น ไปช่วยลงสมัครให้หน่อย มาช่วยดูแลพรรค วันหนึ่งพรรคมีงูเห่าขึ้นมา เราด่าพรรคไม่ได้เต็มปากครับ เขาก็จะบอกว่า วันที่ผมชวนคุณมา แล้วคุณไม่มา วันที่ผมขอให้คุณมา แล้วคุณไม่มา พอผมได้งูเห่ามา แล้วคุณก็มาโจมตี

“เรื่องนี้คือเรื่องที่พรรคค่อนข้างจะซีเรียสมากว่า เขาจะไม่ยอมให้มีงูเห่าเกิดขึ้นอีกในสมัยหน้า และต้อง (ชนะเลือกตั้ง) เป็นรัฐบาลเท่านั้นด้วย

“เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ผมว่าเพื่อไทยและก้าวไกลเอาจริง แล้วก็แข่งขันกันโดยกติกายุติธรรมเท่านั้น เราจะเป็นผู้ชนะรอบหน้าครับ เชื่อมั่นอย่างนั้น”