นายกฯ รักษาการที่อาจเป็นตัวจริง/ชกคาดเชือก วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก

วงค์ ตาวัน

 

นายกฯ รักษาการที่อาจเป็นตัวจริง

 

ช่วงเวลาอีกราว 1 เดือน นับจาก 24 สิงหาคม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติรับคำร้องของ ส.ส.ฝ่ายค้านที่ให้ตีความการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยในกรณีครบ 8 ปีหรือไม่

ประมาณกันว่า ศาลจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนเพื่อวินิจฉัยเรื่องนี้ ดังนั้น จึงเป็น 1 เดือนที่ระทึกยิ่งสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์

ลงเอยเมื่อถึงวันที่มีคำวินิจฉัยออกมา จะแค่พักปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แค่ 1 เดือน หรือต้องพักไปตลอดกาล!?

แต่ในสายตาประชาชนคนดูแล้ว การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 ให้พักการปฏิบัติหน้าที่ แม้ยังไม่ใช่คำตัดสินว่า นั่งเก้าอี้มาครบ 8 ปีแล้ว ต้องพ้นเก้าอี้แน่นอนแล้ว

แต่แค่หัวข้อคำร้องแรก ก็โดนเสียแล้ว

ช่วยไม่ได้ที่ตามสายตาผู้ชม จะรู้สึกว่า อาการไม่ดีแบบนี้ สงสัยจะกลับมาได้ยากเต็มที

ทั้งนี้ ในคำร้องของ ส.ส.ฝ่ายค้าน ได้ร้องใน 2 ประเด็น 1.พล.อ.ประยุทธ์ ครบ 8 ปีไปแล้ว โดยนับตั้งแต่การเป็นนายกฯ หนแรกเมื่อ 24 สิงหาคม 2557 เท่ากับครบแล้วในเที่ยงคืนวันที่ 23 สิงหาคม และ 2.ระหว่างที่รอคำชี้ขาดจากศาล ขอให้มีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์พักการปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง

ใน 2 ข้อที่ยื่นมาในคำร้อง ศาลได้มีมติไปแล้ว 1 นั่นคือ ให้พักปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

โดยระบุว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า มีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2565 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยŽ

พูดง่ายๆ ว่า ปรากฏผลแล้ว 1 เช่นนี้ในแง่คนดู จึงมองว่า เสียทรงมวยแล้ว ครึ่งแรกก็ยับเยินแล้ว จะกลับมาไหวเหรอ อะไรทำนองนั้น

ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่มาจากอำนาจปืนอำนาจรถถัง มีเครือข่ายอนุรักษนิยมการเมืองหนุนหลังเต็มกำลัง ไม่เคยมีใครทำอะไรนายกฯ คนนี้ได้

ดังนั้น เมื่อต้องมาพักการปฏิบัติงานนายกฯ เช่นนี้ บรรดาข้าราชการใหญ่น้อยที่เคยต้องรับใช้เป็นมือเป็นไม้ ย่อมต้องรู้สึกในทันทีว่า ขาลงแล้วจริงๆ บารมีหดหายไปแล้วจริงๆ

ความเสื่อมถอยจะยิ่งเกิดมากขึ้นไปเรื่อยๆ

 

จากนี้ไป ระหว่างที่รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า พล.อ.ประยุทธ์ครบ 8 ปีแล้วหรือไม่ ก็จะเป็นช่วงที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีแทนไปก่อน แต่จะรักษาการต่อไปเรื่อยๆ คงไม่ได้

เมื่อถึงจุดหนึ่ง จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีก

เช่น ถ้าหากถึงวันที่ศาลมีคำตัดสินกรณีเก้าอี้นายกฯ แล้วถ้า พล.อ.ประยุทธ์รอด ก็กลับมาเป็นนายกฯ ดังเดิม แต่ถ้าหากศาลชี้ว่าจบแล้ว ครบ 8 ปีแล้ว ตามที่ ส.ส.ฝ่ายค้านยื่นมา ก็เป็นอันปิดฉากสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์

ถ้ามาถึงจุดนี้ สภาจะต้องหาตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่

โดยเอาจากบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่พรรคการเมืองต่างๆ ระบุเอาไว้ ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 แล้วนำมาโหวตในรัฐสภา

หรือหากไม่เอาจากบัญชีแคนดิเดต ต้องการคนนอกบัญชีก็สามารถทำได้!

โดย ส.ส.และ ส.ว.รวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ทั้งหมดของสองสภาหรือเท่ากับ 363 คน เสนอประธานรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภามีมติยกเว้นไม่เสนอชื่อนายกฯ จากบัญชีพรรคการเมือง จากนั้นให้ประธานรัฐสภาจัดประชุม และใช้เสียง ส.ส.และ ส.ว.ไม่น้อยกว่าสองในสามหรือ 484 เสียง เพื่อจะยกเว้นไม่เสนอชื่อนายกฯ จากบัญชีพรรคการเมือง

จากนั้นเสนอรายชื่อผู้ที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ เพื่อให้รัฐสภาโหวตเลือก โดยใช้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.และ ส.ว.ที่มีอยู่

เท่ากับว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ต้องพ้นจากเก้าอี้นายกฯ เมื่อถึงวันที่ศาลชี้ ขั้นตอนการสรรหานายกฯ คนใหม่ทำได้ทั้งจากที่มีชื่ออยู่แล้ว หรือจะเอาคนนอกบัญชีพรรคการเมืองมาก็ได้

พูดถึงที่สุด วันนี้คนนอกบัญชีที่สามารถกุมเสียง ส.ส.และ ส.ว.ได้เต็มไม้เต็มมือ ก็คือ พล.อ.ประวิตรนั่นเอง

กล่าวได้ว่า บิ๊กป้อมอาจจะทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ราว 1 เดือน ในช่วงศาลใช้เวลาพิจารณาประเด็นวันครบ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์

สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์อาจจะกลับมา หรืออาจจะจบสนิทไปเลย ก็จะเข้าสู่ช่วงที่ต้องหาตัวนายกฯ คนใหม่ ซึ่งโอกาสของ พล.อ.ประวิตรมีอยู่สูงมาก

จากรักษาการนายกฯ ราว 1 เดือน อาจจะผงาดขึ้นเป็นนายกฯ ตัวจริงคนต่อไปก็เป็นได้

เพราะเครือข่ายขุนศึกขุนนาง พร้อมจะสนับสนุนให้มาแทน พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าหากต้องพ้นจากนายกฯ อย่างถาวร!

 

สถานการณ์ข้างหน้ายังมีโอกาสพลิกผันได้อีกหลายทาง โดยทางหนึ่ง หากกลุ่มอำนาจ 3ป.Ž หรือเครือข่ายขุนศึกขุนนางเห็นว่าถูกมรสุมรุมเร้าจนยากลำบากเต็มที การตัดสินใจยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ อาจงัดออกมาใช้ โดย พล.อ.ประวิตร ในฐานะนายกฯ รักษาการ สามารถยุบสภาได้

แนวทางยุบสภานับว่าได้รับการสนับสนุนจากประชาชนและหลายพรรคการเมือง

โดยเสียงเรียกร้องนี้ดังกระหึ่มขึ้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์พักปฏิบัติหน้าที่ แล้ว พล.อ.ประวิตรขึ้นมารักษาการนายกฯ

จึงมองกันว่าประยุทธ์ไป แล้วประวิตรมาแทน ก็เครือข่ายเดียวกัน กลุ่มอำนาจเดิมๆ ไม่มีอะไรดีขึ้น

นำมาสู่เสียงเรียกร้องให้ยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจใหม่ดีกว่า

อีกทั้งเชื่อว่ากระแสของ พล.อ.ประยุทธ์และพรรครัฐบาลเป็นช่วงขาลง เป็นที่เบื่อหน่ายของประชาชน การเลือกตั้งใหม่เป็นการเปิดโอกาสให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตย หรือพรรคฝ่ายค้านได้รับเลือกเข้ามา แถมน่าจะถล่มทลาย โดยน่าจะได้ ส.ส.มากขึ้นกว่าเดิม

ดังที่ปรากฏกระแสแนวโน้มแลนด์สไลด์ของพรรคฝ่ายค้าน

ทางออกของสถานการณ์การเมืองข้างหน้าอีกทางหนึ่งก็คือ การรุกไล่ของกลุ่มมวลชน ที่ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ยอมลาออก ตั้งแต่ก่อนจะถึงวันที่ 24 สิงหาคม ที่มองกันว่าเป็นวันครบ 8 ปีแล้ว

ครั้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ประยุทธ์พักปฏิบัติหน้าที่ ก็มิได้ทำให้กลุ่มมวลชนเหล่านี้หยุดเคลื่อนไหว ไม่พึงพอใจที่ต้องหยุดหน้าที่นายกฯ ชั่วคราว

แต่ต้องการให้หยุดตลอดไป โดยให้ลาออกไปเลย

เท่ากับว่า 24 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันที่การเมืองไทยเกิดแรงสั่นสะเทือน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์พักการทำหน้าที่นายกฯ

ต่อจากนั้น ตลอด 1 เดือนนี้ ก็ยังร้อนระอุต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่ศาลมีคำตัดสิน!!