‘เต้น-ไอติม’ มองยังไง? ถ้า ‘ตู่’ อยากอยู่ในอำนาจต่อ/เปลี่ยนผ่าน ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

เปลี่ยนผ่าน

ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี

 

‘เต้น-ไอติม’ มองยังไง?

ถ้า ‘ตู่’ อยากอยู่ในอำนาจต่อ

 

รายการ “The Politics ข่าวบ้านการเมือง” ทางช่องยูทูบมติชนทีวี เพิ่งสัมภาษณ์ “เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย และ “ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ” ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล

ในประเด็นว่าด้วยปัญหาเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

พร้อมคำถามสำคัญ ทั้งคู่คิดอย่างไร? หากบิ๊กตู่ยังอยากอยู่ในอำนาจต่อไปเรื่อยๆ

เริ่มต้นกับณัฐวุฒิที่เปิดฉากด้วยการเดาใจนายกรัฐมนตรี

“ถ้าจะให้ผมเดาใจนายกฯ ผมก็คิดว่านายกฯ อยากอยู่ต่อ เพราะขนาดพังพินาศ 8 ปี ตัวท่านเอง ท่านยังพูดได้ว่า ท่านทำงานดี ผลงานมาก ประชาชนมีความสุข ท่านไม่คิดจะเลิก ไม่คิดจะลงน่ะครับ แล้วถ้าดูอากัปอาการ เหมือนจะมั่นใจด้วยซ้ำว่า ถ้าเรื่องนี้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ท่านจะปลอดภัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็รอดูว่าคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร นี่เรื่องเดาใจ”

กระนั้นก็ตาม ถ้าถามมุมมองส่วนตัว ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยกลับมีความคิดอีกแบบ

“แต่ถ้าถามใจผม ผมว่าพอเถอะครับ ไปได้แล้ว ไม่ต้องเอาข้อกฎหมาย ไม่ต้องเอาบทบัญญัติมาตราใดมาพูดกัน การเอาข้อกฎหมายมาอธิบายเรื่องนี้ มันเป็นเวทีให้คนหัวหมอที่พยายามตะแบงช่วยนายกฯ ช่วยรัฐบาล

“เอาความจริงตรงไปตรงมาเลยดีกว่า ว่าเจตนารมณ์ที่ร่างเรื่องนี้เข้าไป ก็เพื่อไม่ต้องการให้ใครก็ตาม เป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี จะวาระต่อเนื่องกันหรือไม่ต่อก็แล้วแต่

“เมื่อเจตนารมณ์เป็นเช่นนี้ แล้วรัฐธรรมนูญนี้ร่างขึ้นด้วยอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ล้วนๆ คือท่านรัฐประหารมา แล้วตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดแรก คือ ดร.บวรศักดิ์ (อุวรรณโณ) แล้วท่านก็เททิ้ง คุณบวรศักดิ์ก็ถึงบางอ้อว่าท่านอยากอยู่ยาว

“เอาคุณมีชัย (ฤชุพันธุ์) มาร่าง ได้ตามต้องการทุกเรื่อง คือกำหนดแทบจะใส่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ลงไปเลย ว่าต้องเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะว่ามี ส.ว. 250 คนที่ท่านเลือกเองตั้งเอง มาคอยลงคะแนนให้

“ดังนั้น ทั้งหมดทั้งหลายที่ท่านทำมา ถ้าท่านเป็นคนองอาจกล้าหาญอย่างปากว่า เป็นลูกผู้ชายอย่างที่พยายามแสดงตัว มันต้องทำให้เป็นเยี่ยงอย่างครับ ว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนี้ เรื่องดำรงตำแหน่งนายกฯ ไม่เกิน 8 ปี ได้แสดงออกและวางบรรทัดฐานไว้โดยตัวท่าน

“ถ้าจะพอหาคุณูปการของ พล.อ.ประยุทธ์ได้บ้างในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา ผมว่าเผลอๆ คนจะนึกถึงเรื่องนี้ คือการรู้จักพอ การประกาศยุติอำนาจ ยุติบทบาท ให้ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า”

 

แกนนำคนเสื้อแดงตอกย้ำว่า นายกรัฐมนตรีและแผงอำนาจ 3 ป. ไม่ได้มีความสำคัญต่อประเทศชาติมากมายอย่างที่พวกเขาคิด และถึง พล.อ.ประยุทธ์จะเลือกปักหลักอยู่ในอำนาจต่อไป ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา

“ผมยืนยันว่าประเทศไทยขาด พล.อ.ประยุทธ์ได้ ขาด 3 ป.ได้ แต่ปัญหาเวลานี้ ดูเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ขาดอำนาจไม่ได้ ยึดติดกับอำนาจไปเสียแล้ว หวาดระแวง กลัว ว่าจะกลายเป็นการลงจากหลังเสือ แล้วเสือมันจะขย้ำเอา ผมไม่รู้ครับว่าจะมีเสือที่ไหนขย้ำเอาหรือเปล่า

“แต่ที่ผมรู้ก็คือ ท่านจะอยู่ต่อไปก็ทำอะไรไม่ได้ แก้ปัญหาไม่ได้ 8 ปี ถ้าประเทศมันจะดี มันต้องดีแล้ว มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่นายกฯ คนเดิม วิธีการทำงานแบบเดิม คณะแผงอำนาจเดิม อยู่ๆ จะดีวันดีคืนเอาในปีที่ 9 มันมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง

“ดังนั้น หัวใจผมตรงไปตรงมามากครับเรื่องนี้ ไปเสีย พอได้แล้ว ลงจากอำนาจ จะไปไหนก็ไป ปล่อยให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าด้วยเจตนารมณ์ของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง”

ขณะที่พริษฐ์ย้ำเตือนถึงอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ ที่ดำรงอยู่เคียงคู่กับเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี

“ผมไม่อยากให้เรามองว่าประเด็น 8 ปี เป็นประเด็นเดียวที่เป็นปัญหาของการเมืองไทย ณ ปัจจุบัน ผมคิดว่าประเด็นหนึ่งที่สำคัญมาก ที่ความจริงเราห้ามหยุดสนใจ ก็คือ ประเด็นเรื่องมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ 2560 คือมาตราที่ให้อำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ

“ปัจจุบันมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชนที่ค้างอยู่ คาดว่าน่าจะเข้าสู่การพิจารณาในเดือนหน้า เพื่อเสนอให้มีการยกเลิกมาตรานี้ ก็เป็นความพยายามครั้งที่สาม ที่จะทำให้มีการยกเลิกมาตรานี้ ที่ผ่านมา เราก็เห็นว่าถูกปัดตกมาตลอด โดย ส.ว.เอง

“แต่ว่าก็เป็นสิ่งที่เราต้องพยายามจะเรียกร้อง ให้มีการโหวตผ่านการยกเลิกมาตรา 272 เพราะตราบใดที่มาตรานี้ยังอยู่ ไม่ว่าจะยุบสภาวันนี้ หรือสภาอยู่ครบวาระแล้วเลือกตั้งในปีหน้า แต่มันก็ยังไม่ได้เป็นการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมตามมาตรฐานประชาธิปไตยสากล

“เพราะแทนที่ประชาชนทุกคนจะมีหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงเท่าเทียมกัน ในการกำหนดว่าใครจะเป็นนายกฯ มันกลายเป็นว่าเรามี 500 ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้ง 250 (ส.ว.) ที่มาจากการแต่งตั้ง

“ซึ่งผมก็พูดอยู่บ่อยครั้งว่า จากการคำนวณเชิงคณิตศาสตร์ มันทำให้ ส.ว. 1 คน มีอำนาจว่าจะกำหนดให้ใครเป็นนายกฯ เทียบเท่ากับประชาชน 70,000 คนรวมกัน แล้ว ส.ว. 250 คนรวมกัน มีอำนาจเท่ากับประชาชนรวมตัวกัน ถ้าผมจำไม่ผิด ประมาณ 18-19 ล้านคน อันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เป็นประชาธิปไตยแน่นอน

“ผมเลยไม่อยากให้เรามองว่าประเด็นเรื่อง 8 ปี เป็นประเด็นเดียวที่เป็นปัญหาของการเมืองไทย ณ ปัจจุบัน แต่ต้องมองถึงประเด็นอื่นๆ ที่เป็นปัญหาจากรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ด้วย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ”

 

เมื่อถามทรรศนะไอติมว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ในอำนาจต่อไป การเมืองไทยจะเข้าสู่วังวนความขัดแย้งอีกครั้งหนึ่งหรือเปล่า? เจ้าตัวให้คำตอบและแสดงความหวังเอาไว้ว่า

“ทุกนาที ทุกวัน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ผมก็อาจจะไม่ได้สบายใจอยู่แล้วเป็นทุนเดิม อันนั้นก็เป็นคำตอบในตัวมันเองอยู่แล้วว่า ถ้าเกิดว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม จะเป็นการที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าไม่ได้เริ่มนับ 8 ปี จากปี 2557 แล้ว พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อได้ มันก็จะเป็นความเสียหายหรือโอกาสที่สูญเสีย เหมือนกับที่เราสูญเสียตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

“เพราะฉะนั้น ในมุมของคนที่ทำงานการเมือง แล้วก็เข้ามาอยู่ในพรรคก้าวไกล สิ่งที่ผมพยายามจะทำ คือเตรียมพร้อมเสมอว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่โอกาสมาถึง ไม่ว่าสมมุติจะมีการยุบสภาพรุ่งนี้ หรือว่าสภาจะอยู่ครบวาระแล้วมีการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า ทำอย่างไรให้เรามีความพร้อมที่สุด ในการนำเสนอชุดข้อเสนอด้านนโยบายกับพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้ง

“เพื่อที่ว่าเราจะได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชนในการเข้ามาบริหารประเทศ และทำให้ประเทศนี้มันดีขึ้น”