The Sea Beast / การ์ตูนที่รัก : นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก

นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

 

The Sea Beast

 

เปิดเผยตอนจบครับ ใครต้องการดูเองข้ามไปได้เลย

“I have every right.” ข้ามีสิทธิ์ทุกประการ เป็นเด็กหญิงผิวสีเมย์ซี่พูดในตอนจบ ลำพังประโยคเดียวก็ดันหนังการ์ตูนซีจีสวยงามเรื่องนี้ให้มีคุณค่าขึ้นมาได้ ไม่นับคำพูดอื่นๆ ของเธอ

หนังอาจจะถูกลดทอนคุณค่าลงเพราะตอนจบนี้อีกเช่นกัน ด้วยเหตุว่าเรื่องจะง่ายอะไรปานนั้น เพียงแค่เด็กหญิงผิวสีคนเดียวสามารถเปิดโปงพระราชากับพระราชินีต่อหน้าไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ นายพล และกองทัพ ประชาชนก็เชื่อง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นนายพลก็เชื่ออีกด้วย ส่วนนี้จึงโม้แน่ๆ

ในชีวิตจริงเด็กหญิงน่าจะติดคุกหัวโต และถึงแม้คนส่วนใหญ่จะเชื่อว่าเธอพูดความจริง แต่คนส่วนใหญ่นั้นเองมีต้นทุนต้องเสียมากหากเข้าร่วมวงด้วย ดังนั้น สู้อยู่เฉยปล่อยเธอนำหน้าไปคนเดียวปลอดภัยกว่า

“Our books, our history, it is a lie.It was just a story, a story told by them.” หนังสือที่เราอ่าน ประวัติศาสตร์ที่เราเขียน เป็นเรื่องโกหก เป็นแค่นิทาน นิทานที่พวกเขาเล่า เมย์ซี่สปีชต่อไปพลางชี้ไปที่พระราชาและพระราชินี

เรื่องนี้เกิดกับทุกชาติทุกภาษา ใครเขียนประวัติศาสตร์คนนั้นกุมอนาคต เมย์ซี่พบว่าราชสำนักเขียนประวัติศาสตร์ป้ายสีพวกอสูรทะเล กล่าวหาว่าอสูรทะเลทำลายเมืองต่างๆ ตามชายฝั่ง ดังนั้น พวกเราจึงต้องออกตามล่าและฆ่าพวกมันให้หมด

เสียดายว่าเมย์ซี่น่าจะยังเด็กเกินกว่าจะรู้ต่อไปว่าราชสำนักแต่โบราณทำไปทำไม เหตุหนึ่งอาจจะเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประเทศต้องการศัตรูเอาไว้ทำสงคราม มีสงครามแล้วเงินจึงจะเดินสะพัด ราชสำนักลงทุนกับพวกนักล่าและกองเรือปราบอสูร เพียงเท่านี้ก็สร้างงานสร้างเงินได้มากมาย

อีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อเสริมสร้างบารมีของราชสำนักเอง ผลลัพธ์สุดท้ายคือพระราชวังริมน้ำมโหฬารอย่างที่เห็นในหนัง สังเกตมวลชนที่มายืนรายล้อมเมย์ซี่จะพบว่าเป็นชาวเลยากจนเสียเป็นส่วนใหญ่

“Your kingdom was paid with their blood!” อาณาจักรของพวกท่านจ่ายด้วยเลือดของพวกเขา เมย์ซี่ชี้หน้าพระราชาและพระราชินีก่อนจะกวาดนิ้วไปทั่วทั้งบริเวณ น่าจะถูกยิงตั้งแต่จังหวะนี้

แต่นายกองหนุ่มยืนถือดาบค้างไว้ ไม่สั่งยิงอสูรแดง กับไม่สั่งพลปืนปลิดชีพเมย์ซี่ไปเสียก่อนที่เธอจะพูดมากไปกว่านี้

แต่ก็อย่างว่าการปล่อยเด็กหญิงบ้าพูดคนเดียวไปเรื่อยๆ น่าจะเป็นเรื่องง่ายกว่า

ปัจจัยที่ทำให้เมย์ซี่ในหนังการ์ตูนทำงานได้สำเร็จน่าจะมี 2 ข้อ ข้อแรกเธอเป็นนักอ่าน

หนังเปิดตัวเธอด้วยฉากที่เธออ่านหนังสือให้เด็กกำพร้าลูกหลานของนักล่าอสูรทะเลที่ตายไป เมย์ซี่เองก็เป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ตายในหน้าที่

ฉากเปิดตัวนี้ดี เมย์ซี่จุดเทียนอ่านหนังสือให้น้องๆ ฟัง เริ่มต้นด้วยประโยคทำนองว่าความมืดเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆ จะได้มีจินตนาการ ชวนให้นึกถึงโลกและเมืองไทยสมัยที่ไม่มีไฟฟ้าในยามค่ำคืน เรามีจินตนาการมากในตอนที่ฟ้ามืดนี้เอง เพราะเรามองอะไรไม่เห็นจึงต้องวาดภาพขึ้นเอง เราไม่กล้าไปไหนจึงต้องสร้างผีขึ้นมาขู่กันเอง

จะว่าไปฉากเปิดตัวของหนังเรื่องนี้บอกตอนจบของหนังอยู่แล้ว นั่นคือทุกอย่างเราคิดไปเอง

เมย์ซี่ไม่ใช่นักอ่านธรรมดา เธอสังเกตเห็นเครื่องหมายสำนักพิมพ์ในตอนจบด้วย จึงรู้ว่าใครเขียนหนังสือประวัติศาสตร์จอมปลอมเหล่านี้

ปัจจัยข้อสองที่เธอทำงานสำเร็จคือนายกองหนุ่มอายุยังน้อย จึงรู้จักฟังและตั้งคำถามเมื่อได้ยินสปีชของเมย์ซี่ ไม่นับว่าเขามีพี่ชายตายในเรือนักล่า ถ้านายกองหนุ่มของพระราชากับพระราชินีมีอายุมากกว่านี้เมย์ซี่กับอสูรแดงกระจุยไปแล้วแน่นอน

“And with every lie, their empire grew.” โกหกมากขึ้น อาณาจักรขยายใหญ่ขึ้น โกหกมากขึ้น กองทัพใหญ่ขึ้น จากเรือล่าอสูรแบบดั้งเดิมของนักล่าพร้อมแหและฉมวก บัดนี้กองทัพสั่งต่อเรือพิฆาตปราบอสูรลำใหม่ใหญ่ยักษ์พร้อมปืนใหญ่นับร้อยกระบอกสองข้างลำเรือ แน่นอนว่าต้องใช้งบประมาณมหาศาล

เป็นวันเวลาที่เรือสำเภา นักล่าเถื่อน แหและฉมวกไม่พอกระตุ้นเศรษฐกิจอีกต่อไปแล้ว นักล่าแบบดั้งเดิมอย่างกัปตันโครว์หมดอายุใช้งานแม้ว่าจะไม่รู้ตัวและไม่ยอมรับ เรือปราบอสูร The Inevitable ถึงเวลาปลดระวาง เป็นยุคใหม่ของเรือรบลำใหม่ The Emperor

หากจำได้เรือที่พ่อแม่ของเมย์ซี่ตายในหน้าที่ชื่อ The Monarch จะเห็นว่าชื่อเรือสื่อความหมาย

มนุษย์เหนือกว่าอสูรทะเลที่ตรงนี้เอง ในขณะที่มนุษย์มีความคิดเชิงนามธรรมมากกว่าสามารถตั้งชื่อที่สื่อความหมายหรือสร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ “เรือ” ซึ่งไร้ชีวิต มิหนำซ้ำยังเป็นเรือฆาตกร พวกอสูรทะเลเป็นเดรัจฉาน พวกมันไม่มีชื่อโก้หรูเท่าใดนัก ตัวสีแดงชื่อแดง ตัวสีน้ำเงินชื่อน้ำเงิน อย่างที่เจคอบบ์ประชดเมย์ซี่ในตอนกลางเรื่องว่าจะเรียกเจ้าอสูรทะเลน้อยเหมือนตุ๊กตายางสีน้ำเงินนี้ว่าอะไรได้นอกจาก “เจ้าน้ำเงิน”

พวกอสูรตั้งชื่อตนเองมิได้ พวกเราจึงมิได้ให้ค่าพวกมันมากเท่าเรือนักล่า

กัปตันโครว์เป็นประเด็นที่น่าสนใจ เขาเป็นอีกภาคหนึ่งของกัปตันเอแฮ็บผู้ล่าโมบี้ดิ๊กด้วยแรงแค้น และชีวิตต้องดับสูญด้วยแรงแค้นนั้นอย่างแน่นอน ดูเหมือนหนังจะลืมตอนจบของกัปตันโครวหลังจากขายวิญญาณให้แก่แม่มดแล้วจะถูกเอาคืนอย่างไร

ไฟแค้นเผาคนแค้นเป็นคนแรกเสมอ นี่เป็นบทเรียนที่คนจำนวนมากไม่ยอมจดจำ คนที่เราแค้นยังนั่งยิ้มแป้นภาคภูมิใจในผลงานของตนเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ขณะที่คนถูกกระทำกลับถูกไฟแค้นเผาตนเองตายก่อนได้ลงมือแก้แค้นเสียมาก

แล้วคนที่อยู่คือคนเขียนประวัติศาสตร์ •