คำ ผกา | ไหนๆ ก็แปดปีแล้ว ออกเถอะ

คำ ผกา

ฉันเป็นคนที่ไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจเลย แต่ครั้งนี้ขอ “บ่น” เรื่องเศรษฐกิจปากท้องสักวัน เพราะไม่เคยสัมผัสถึงภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจของไทยอย่างน่าเป็นห่วงขนาดนี้มาก่อน

เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สอง โตแค่ 2.5% ต่ำที่สุดในอาเซียน ขณะที่ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ขยายตัวไปได้ถึง 7% ยังไม่นับเรื่องเงินเฟ้อที่เฟ้อสูงสุดในรอบ 14 ปี และเป็นภาวะเงินเฟ้ออันแตกต่างจากอเมริกา ที่เงินเฟ้อเพราะรัฐบาลอัดฉีดเงินสู่มือประชาชนอันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด แต่ประเทศไทยตรงกันข้าม รัฐบาลไม่ได้ใช้นโยบายอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเป็นกอบเป็นกำ

ตรงกันข้ามเลือกใช้มาตรการเบี้ยหัวแตกหลายๆ มาตรการปะปนกันไป เช่น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน การจ่ายเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ขณะเดียวกันเราก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกภายใต้สถานการณ์โควิดและสงคราม อย่างสงครามยูเครน รัสเซียไปเต็มๆ

ทำให้คนไทยอยู่ในสภาวะไม่มีเงินสดอยู่ในมือ แต่ต้องเจอกับสภาพราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุดยั้ง ทั้งราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม ต้นทุนการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกสูงขึ้น เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนตัวลงทำให้มูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจสักเท่าไหร่

ต้นทุนราคาพลังงานที่สูงขึ้นก็ส่งผลต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้นตามไปด้วย ใครที่ไปจ่ายตลาดเป็นประจำ จะต้องเอามือกุมขมับในขณะที่รายได้เท่าเดิมหรือลดลง ราคาหมู ไก่แพงขึ้นมาก

เช่น ไก่จากกิโลละหกสิบบาท กลายเป็นหนึ่งร้อยบาท ราคาผักในซูเปอร์มาร์เก็ต ผัก เนื้อ หมู ไก่ ไข่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมันพืช ทุกอย่างขึ้นราคาหมด

ตัวฉันเองนี่แหละ ไม่กี่วันที่ผ่านมาจ่ายค่ากะหล่ำปลี 1 หัวในราคา 75 บาท

ตอนจ่ายเงินก็แทบช็อก ช็อกราคา 75 บาทที่ซื้อไม่เท่าไหร่

ช็อกเพราะในฐานะที่นั่งอ่านข่าวทุกวันก็ไม่เคยอ่านเจอข่าวผักแพง เกษตรกรร่ำรวย อู้ฟู่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวนไปวนมาในประเทศไทยคือ เกษตรกรยากจน ขายผลผลิตทางการเกษตรได้ในราคาต่ำจนขาดทุน

ส่วนผู้ใช้แรงงานที่เป็นคนจนอยู่ในเมืองก็เจ็บปวดกับการซื้อข้าว ซื้อผัก ซื้อผลไม้ในราคาแพง

ในยุคหนึ่งเราอธิบายเรื่องนี้ว่าเป็นเพราะพ่อค้าคนกลางขูดเลือดขูดเนื้อ เห็นแก่ตัว

แต่สมัยนี้เราพบว่า ราคาสินค้าเกษตรที่กว่าจะถึงมือผู้บริโภคนั้นมีสัดส่วนของต้นทุนค่าขนส่งที่สูงมาก ส่วนผัก ผลไม้ที่ขายในห้าง ในซูเปอร์มาร์เก็ต นอกจากต้นทุนค่าขนส่ง ยังมีต้นทุนค่า “วางสินค้า” ที่มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 40

ทั้งหมดนี้ยังไม่ได้พูดถึงหนี้ครัวเรือน ที่สูงติดอันดับท็อปไฟว์ของโลกมาหลายปีติดต่อกัน

และฉันก็แทบจะท่องจำได้ขึ้นใจว่า หนี้ครัวเรือนของไทยเป็นหนี้เพื่อการบริโภค ไม่ใช่หนี้เพื่อการลงทุน หรือหนี้ในการซื้อที่อยู่อาศัย

ดังนั้น จึงเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เป็นหนี้ที่ทำให้คนยากจนลงเรื่อยๆ จากการแบกรับภาระดอกเบี้ย เกิดภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง

สุดท้ายพึ่งพาหนี้นอกระบบ ซึ่งก็ยิ่งซ้ำเติมให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปอีก

เมื่อคนยากจนลง ผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีคือ มีเด็กต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเยอะมาก ไม่นับว่าจะมีเด็ก เยาวชนที่ไม่ได้รับโอกาสในชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น และถูกซ้ำเติมจากภาวะเปราะบางของพ่อแม่

ไม่ต้องกล่าวซ้ำซากว่า สุดท้าย เหล่านี้จะกลายเป็นปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด ความป่วยไข้ทางจิต ภาวะท้องไม่พร้อม วนเวียนกันไปไม่รู้จักจบสิ้น จำนวน “ประชากร” กลุ่มเปราะบางก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้ายคือปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ทวีความรุนแรง และหากเราไม่พยายามจะแก้ไขอะไรตั้งแต่ต้นมือ ทิ้งไว้อีกห้าปี สิบปี ทั้งหมดนี้ก็จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ฉุดรั้งพัฒนาการการเมือง และอะไรอีกร้อยแปดอย่างที่ฉันมั่นใจว่าทุกตนนึกภาพออก

ลําพังความล้มเหลวในการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้การนำของประยุทธ์ จันทร์โอชา และโดยที่ไม่ต้องมีกฎหมายมากำหนดว่า นายกฯ ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งเกิน 8 ปี เอาแค่ความล้มเหลวจากการบริหารงานตรงนี้ ต่อให้เป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง ชนะแลนด์สไลด์มาถล่มทลาย แต่หากทำผลงานออกมา พาประเทศชาติล่มจมได้แบบนี้ นายกฯ คนนั้นหากไม่โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจจนต้องลาออก ยุบสภา ก็คงโดนประชาชนด่า โจมตี จนต้องยอมลาออก เพื่อไม่ให้พรรคการเมืองที่ตนเองสังกัดเสียหายไปมากกว่า

อย่างน้อยลาออกไปยังเคลมได้ว่ามีมารยาท เปิดโอกาสให้พรรคส่งคนใหม่มานั่งเป็นนายกฯ แทน

ทว่า ประยุทธ์ที่มีความผิดหลายกระทงซ้ำซ้อนมาก ตั้งแต่เป็นผู้ก่อการรัฐประหาร, นิรโทษกรรมตนเอง สถาปนาตนเองเป็นนายกฯ ตั้งสภาเอง เรียกว่า สนช.ตั้งคนมาเขียนรัฐธรรมนุญ แล้วก็ทำทุกอย่างให้ตัวเองได้เป็นนายกฯ ต่อมาหลังจากนั้น

แล้ว 8 ปีที่บริหารประเทศ ก็อย่างที่เห็น – มันช่างเป็น 8 ปีที่สูญหายไปของประเทศไทย และทำให้คนไทยเสียโอกาสอะไรไปมากเหลือเกิน

เราเสียโอกาสในเรื่องอะไรไปบ้าง?

โครงการ Thailand 2020 – ที่คือเมกะโปรเจ็กต์ที่จะเปลี่ยนผ่านประเทศไทยให้ไม่ต้องเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพิงการส่งออกและการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่การเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระบบโลจิสติกส์ของภูมิภาคและของโลก

ในระหว่างการลงทุนและการก่อสร้าง ผลพลอยได้ทางเศรษฐกิจคือ การลงทุนจากภาครัฐในมูลค่ามหาศาลนี้จะเป็นการกระจายรายได้ สร้างงาน สร้างเงิน สร้างโอกาส คนไทยจะได้รับการถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยีตั้งแต่ระดับล่างสุดไปจนระดับแรงงานทักษะสูง การพัฒนาที่ดิน การกระจายความเจริญลงสู่ท้องถิ่น

เศรษฐกิจรากหญ้า รัฐวิสาหกิจชุมชน จะพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นพร้อมกับรถไฟความเร็วสูงและความเร็วปานกลาง

แล้วลองจินตนาการว่า เหล่านี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีโควิด ยังไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาภาคเกษตรที่ต้องเกิดขึ้นแบบก้าวกระโดดแน่นอน เพราะสินค้าเกษตรจะถูกขนส่งในราคาถูกลง รวดเร็วขึ้น และถูกส่งไปในตลาดที่ใหญ่กว่าเดิมมหาศาล

แน่นอนว่านี่คือแรงจูงใจที่จะทำให้เกษตรกรอยากยกระดับตนเองไปสู่เกษตรปลอดภัย สินค้าเกษตรพรีเมียม สอดรับกับนโยบายพักและปรับดินเข้าสู่การเป็นเกษตรกรรมคุณภาพสูงพร้อมกับใช้เทคโนโลยีนำไปสู่การเป็น smart farming

ถ้าความทรงจำไม่สั้น จะพบว่าโครงการ Thailand 2020 ของเราไม่เหมือนลาว เพราะรัฐบาลไทยในเวลานั้นใช้ความร่วมมือทั้งกับจีนและญี่ปุ่น เพื่อเราจะมีอำนาจต่อรอง ไม่ต้องพึ่งพิงมหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่งและเรายังกู้เงินตัวเองมาสร้างด้วย ไม่ใช่รถไฟความเร็วสูงแบบลาว ที่แทบจะทำให้ลาวกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนไปโดยสิ้นเชิง

ย้ำว่าหากไม่มีรัฐประหารปี 2557 และโครงการนี้ได้ลงมือทำอย่างราบรื่น ประเทศไทยเราจะมีต้นทุนและพึ่งตนเองได้พอสมควรจนทำให้เราไม่บอบช้ำจากโควิดมากนัก

เรียกว่ายังพอมีต้นทุนติดตัวอยู่บ้าง ท่องเที่ยวพัง ส่งออกแย่ แต่เราอาจจะมีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งกลายเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก เพราะได้เปลี่ยนผ่านภาคเกษตรให้ทันสมัยมากพอ มีแรงต้านทานต่อภาวะผันผวนของโลกและมีอำนาจต่อรองมากพอ

หลายๆ อาชีพอาจได้รับผลกระทบหนัก แต่เกษตรกรอาจเป็นอาชีพที่ร่ำรวยขึ้นมาในวิกฤตนี้ ผู้ประกอบอาชีพในภาคท่องเที่ยว บริการที่ได้รับผลกระทบ ก็อาจมีหลังพิงจากความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจที่ได้สะสมไว้ก่อนหน้านี้ และมีเวลา มีแรงพอที่จะพัก ชะลอ หรือรับมือกับความผันผวนใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น สงคราม หรือโรคระบาด

ประยุทธ์และการรัฐประหารปี 2557 ได้พรากสิ่งนี้ไปจากคนไทยทุกคน

การรัฐประหารปี 2557 ทำให้ประเทศไทยเป็นคนป่วยกลุ่ม 608 ที่เจอโควิด แทนที่จะเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ที่แม้เจอโควิดก็มีอาการเพียงเล็กน้อย และฟื้นตัวได้ในเร็ววัน และ ณ ขณะที่เงินเฟ้อแต่ฝืด และการท่องเที่ยวของเราจะฟื้นตัวมาไม่ถึงร้อยละ 5 ของที่เคยมี ฉันคิดว่าเราคือคนป่วยที่ใกล้จะตายเต็มทน

มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้คนไทยรอดตายคือ ประยุทธ์ต้องเลิกเป็นนายกฯ ทันที และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้เหตุผลที่ดีที่สุดคืออยู่มาครบ 8 ปี

ประยุทธ์ควรรีบใช้โอกาสนี้สร้างผลงานที่ดีที่สุดให้ตนเอง คือ ยอมลงจากอำนาจแบบคนมีมารยาท เพื่ออย่างน้อยจะมีเรื่องดีๆ ให้คนจดจำหนึ่งเรื่อง

จากนั้นประเทศไทยควรเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองต่างๆ ลงแข่งขันกันในกติกาที่ยุติธรรม คืนอำนาจให้ประชาชนอีกครั้งว่าจะไว้ใจให้ใครขึ้นมาบริหารประเทศ

ภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งฉันไม่รู้ว่าจะเป็นพรรคการเมืองไหน แน่นอนว่า จากภาวะคนไข้ 608 ที่เจอโควิดขนาดนี้ ฉันไม่คิดว่าเราจะฟื้นตัว ดีวันดีคืนได้โดยเร็ว

และเชื่อว่าเราจะบอบช้ำทั้งจากเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่เสถียรนี้ไปอีกไม่ต่ำว่า 20 ปีหรือมากกว่านั้น

แต่อย่างน้อยที่สุด การเมืองภายใต้นักเลือกตั้ง ภายใต้พรรคการเมือง มันจะไม่ใช่การลากประเทศลงไปฝังทั้งเป็นจนเน่ากันทั้งเป็นอย่างที่เราอยู่ภายใต้อำนาจรัฐบาลเผด็จการ

อย่างน้อยเราได้เริ่มนับหนึ่งใหม่ในการนับสองและสามและสี่ไปเรื่อยๆ

และในทุกๆ วันแห่งความเฮงซวยของรัฐบาลเลือกตั้ง มันคือการเรียนรู้ของเราในฐานะเจ้าของประเทศ

มันคือทุกๆ วันที่เราได้เป็นประชาชน ที่มีแต่จะเข้มแข็งขึ้น รู้จักตัวเองในฐานะประชาชน

ไม่ใช่รู้จักตัวเองในฐานะไพร่หรือคนในอุปถัมภ์ค้ำชูในนามแห่งการเป็นบ่าวของใคร

ทุกครั้งที่การเมืองเลือกตั้งเลวทรามจัญไรเหลือทนให้นึกถึงหน้าประยุทธ์เข้าไว้ และบอกตัวเองว่า เราต้องรักษาพรรคการเมืองและการเลือกตั้งเอาไว้ให้มั่น และอย่าไปโง่เชื่อว่ารัฐประหารคือทางเลือกทางรอดของประเทศชาติ

และจงจดจำใส่สมองไว้ให้แม่นยำว่า ตราบเท่าที่ตัวเองไม่ใช่เจ้าสัว 5,000 คนแรกของประเทศ ไม่ต้องไปสะเออะเชียร์รัฐประหาร เพราะเธอไม่ใช่กลุ่มคนที่จะได้ดอกผลจากความเหลื่อมล้ำอันเป็นผลพวงมาจากการนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ

และถ้าดูชื่อ นามสกุลตัวเอง ไม่ได้สังกัดอยู่ในคนร้อยละ 1 ที่ถือครองความมั่งคั่งเท่ากับคนของคนร้อยละ 70 ของประเทศ ถ้าเป็นหนึ่งในไพร่ฟ้าหน้าเหี่ยวที่กระอักกับทั้งภาวะเงินเฟ้อ ของแพง ค่าแรงถูก หนี้สินบานตะไท จงจำไว้เลยว่า ชั่วชีวิตนี้จงอย่าไปสนับสนุนการรัฐประหารอีกเป็นอันขาด

และถ้าใครมาถามว่า วันนี้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจากความตกต่ำนี้ได้อย่างไร ก็จงตอบว่า

“ถ้าเพียงแต่ประยุทธ์จะออกไปจากตำแหน่งนายกฯ”

ไหนๆ ก็ครบ 8 ปีแล้ว ออกเถอะ