แว่นส่องวรรณกรรม / เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

 

แว่นส่องวรรณกรรม

 

รางวัลวรรณกรรมพานแว่นฟ้าของรัฐสภาปีนี้เป็นปีที่ 21 มีเรื่องสั้นกับบทกวี

เรื่องสั้นส่งประกวดจำนวน 331 เรื่อง

บทกวีส่งประกวดจำนวน 513 บทเรื่อง

รางวัลชนะเลิศเรื่องสั้น คือเรื่อง “ความกระจ่างที่ระยะทาง 41,057 กิโลเมตร” ผู้ประพันธ์คือ วิญวิญญ์

รางวัลรองชนะเลิศสองรางวัล คือเรื่อง “มูลไส้เดือน” ผู้ประพันธ์คือ อินทร อรพัน กับเรื่อง “คนหนึ่งยืน คนอื่นนั่ง” ผู้ประพันธ์คือ อุเทน พรมแดง

รางวัลชนะเลิศบทกวี คือ “ผีถ้วยแก้ว” ผู้ประพันธ์คือ อร่าม อินพุ่ม

รางวัลรองชนะเลิศสองรางวัล คือ “เธอกับฉันนั้นคือเรา” ผู้ประพันธ์คือ อภิชาติ ดำดี กับ “ชาดอกไม้ รหัสประเทศในสวนชีวิต” ผู้ประพันธ์คือ คีตา บารัตดายา

นอกนี้มีรางวัลชมเชยอีกประเภทละ 10 รางวัล

นับเป็นเวทีประกวดวรรณกรรมที่มีจำนวนรางวัลมากที่สุดในแต่ละประเภทถึงประเภทละ 13 รางวัล

 

เวทีประกวดวรรณกรรมนอกจากพานแว่นฟ้าของรัฐสภาแล้ว ยังมีเวทีใหญ่อีกสองเวทีที่สำคัญคือ รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือซีไรต์ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด และรางวัลยังไทยอาร์ตติส ของบริษัทในเครือปูนซิเมนต์ไทย

จำเพาะบทกวี “ผีถ้วยแก้ว” ที่ได้ชนะเลิศของพานแว่นฟ้าปีนี้นั้นมีคำวิจารณ์สั้นๆ ของคณะกรรมการน่าสนใจดังนี้ คือ

“…บ้านผีถ้วยแก้ว ซึ่งดูเผินๆ ก็เหมือนบ้านที่ขลังและศักดิ์สิทธิ์ ร่มเย็นน่าอยู่ด้วยป้ายชื่อ แต่พอเอาเข้าจริงกลับมีปัญหาสำคัญคือ มีมือที่มองไม่เห็นที่กำลังฟาดฟันกันเอง หรือบางทีก็มีปัญหาการไม่พยายามไม่มองจากมุมของคนอื่น มองแต่มุมของตัวเองฝ่ายเดียว…”

ดังยกบทกวี “ผีถ้วยแก้ว” มาลงประกอบไว้นี้

คนเคยเล่นผีถ้วยแก้วหรือรู้จักการเล่นผีถ้วยแก้ว อาจงุนงงว่า ถ้วยแก้วมันเขยื้อนได้อย่างไร ในเมื่อหลายมือที่ร่วมกันแตะก้นถ้วยคว่ำนั้นต่างก็ไม่ได้ผลักให้ถ้วยเขยื้อนเคลื่อนไหวเลย

เหมือนว่าถ้วยมันเคลื่อนไปยังตัวอักษรจนประกอบเป็นถ้อยคำได้เอง

ชวนขนลุกได้เลย

กวีบทนี้จบลงดังเป็นคำตอบสุดท้ายว่า

ยื่นข้อความถามที ผีถ้วยแก้ว

วางมือแล้วมือใครลากไปถึง

ผียืนมองมือทั้งนั้นต่างดันดึง

เห็นมือซึ่งดึงดันฟาดกันเอง

กวีเล่นคำว่า “ดันดึง-ดึงดัน” ได้ดีนัก จนผีงงไปเลย

กวีบท “ผีถ้วยแก้ว” นี้เป็นสัญลักษณ์สะท้อนภาวะของสังคมไทยได้อย่างลุ่มลึกน่าสนใจตรงที่ “เสาบ้าน” เป็น “เสาที่ค้ำหลังคาและฝาบ้าน คือรากฐานตรึงไว้ไม่เขยื้อน” แถมมีฤกษ์ยามเป็นอาคม พร้อมทั้งมี “เครื่องเซ่นไหว้บูชาตามวาระ” อีกด้วย

จากความเชื่อค่อยคลี่คลายเป็นความสงสัย กระทั่งแบ่งฝักฝ่ายระหว่างความเชื่อกับความไม่เชื่อ จนถึง “ทั้งพระภูมิเทวดาก็มาพลอย ค่อยทยอยทิ้งวิมานบ้านมนุษย์”

และสุดท้าย “เห็นหรือเปล่าเสาเดิมที่เริ่มทรุด”

แน่นอน ความเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาย่อมมีในทุกสิ่ง ทุกที่ และทุกสภาวะ

นี่เป็นกฎธรรมชาติ ผู้ไม่ประจักษ์ในสัจธรรมดังกล่าวก็จะโทษผีโทษเทวดาตามความงมงายไสยศาสตร์ด้วยอำนาจของ “ความไม่รู้” เป็นธรรมดา

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่ในสังคมเรา

เป็นสนิมเขรอะคร่ำของแผ่นดิน

บทกวี “ผีถ้วยแก้ว” จึงเสมือน “ยาผีบอก” แก่สังคมไทยที่สะท้อนเหตุให้เห็น “มือที่ดันดึง” และ “มือที่ดึงดัน”

ซึ่งต่าง “ฟาดกันเอง” อยู่นี้

ที่สุดคือสภาพของความไม่เป็น “ประชาธิปไตย” อันยังดำรงอยู่ในสังคมไทยเรานี่เอง

เป็นมุมมองหนึ่งของกวี ซึ่งบรรดากวีทั้งหลายในเวทีพานแว่นฟ้าต่างสะท้อนทัศนวิสัยที่มีต่อประชาธิปไตยกันหลากหลายน่าสนใจทั้งสิ้น

 

รางวัลเป็นแค่การเปิดโอกาสให้ผู้มีความสามารถเชิงวรรณกรรมทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองได้มาร่วมกันขบคิดถึงในประเด็นสำคัญในเรื่องเดียวกันคือ

ประชาธิปไตย

เคยนิยามความหมายของคำ ประชาธิปไตย ไว้ว่า

“ประชาธิปไตยคือ อำนาจอันชอบธรรมของประชาชนในการบริหารและจัดการเรื่องที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวมเป็นหลักและเป็นใหญ่”

สำคัญยิ่งคือ “อำนาจอันชอบธรรม” ของประชาชนนั้นมีสี่ส่วน คือ

หนึ่ง การได้มาซึ่งอำนาจ ต้องชอบธรรม

สอง การทรงไว้ซึ่งอำนาจ ต้องชอบธรรม

สาม การใช้อำนาจ ต้องชอบธรรม

สี่ การมีส่วนร่วมในอำนาจ ต้องชอบธรรม

เวทีประกวดวรรณกรรมพานแว่นฟ้าของรัฐสภาดังมีมากว่าสองทศวรรษนี้ นอกจากปลุกสำนึกจิตวิญญาณของประชาธิปไตยแล้ว ยังท้าทายความสามารถเชิงสร้างสรรค์งานวรรณกรรมอีกด้วย

พานแว่นฟ้าสัญลักษณ์ของรัฐสภาไทยจึงเท่ากับทำหน้าที่สำคัญอีกประการ คือ

แว่นส่องวรรณกรรมไทย

 

ผีถ้วยแก้ว

เห็นสิ่งใดในเงาและเสาบ้าน

ปรากฏการณ์ที่เสาเงาที่เห็น

แขวนป้ายลงอาคม “บ้านร่มเย็น”

บ้านย่อมเป็นร่มเงาคุ้มเสาเรือน

เสาที่ค้ำหลังคาและฝาบ้าน

คือรากฐานตรึงไว้ไม่เขยื้อน

คำนวณฤกษ์นาทีวันปีเดือน

ไม่ลืมเลือนขอขมาแด่ฟ้าดิน

จึงฝังรากความรักไว้หนักแน่น

มีแก้วแหวนเงินทองกองทรัพย์สิน

ให้ไหลมา บ่ามาเป็นอาจิณ

อย่าขาดกินขาดใช้สบายดี

เครื่องเซ่นไหว้บูชาตามวาระ

บูชาพระไหว้ต้นเสากราบเจ้าที่

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งโลกาบรรดามี

บ้านหลังนี้ร่มเย็นและปลอดภัย

บ้านก็อยู่อย่างบ้านมานานเนิ่น

มีส่วนเกินส่วนขาดบทบาทใหม่

ความมีอยู่แต่แรกเริ่มแปลกไป

เริ่มแปลกใจในเงาใครเฝ้ามอง

เริ่มแปลกใจนึกฉงนในต้นเสา

คลับคล้ายว่ามีเงาใครเฝ้าจ้อง

บ้านที่รักมักจะเป็นลานประลอง

พลอยขัดข้องข้ามฝ่าเขตอารมณ์

พาลไปฟาดต้นเสาถูกกล่าวหา

ชอบเงื้อง่าอ้างบาตรอำนาจข่ม

คล้ายดวงตาซ้อนซับมีลับลม

ต่างซ่อนปมในใจ…ในเงาพราง

สถานการณ์ย่ำแย่ต้องแก้ไข

ฮวงจุ้ยไม่ถูกแบบแทบทุกอย่าง

ตรงนั้นพลาดนี่ผิดกลับทิศทาง

ต้องรื้อสร้างบ้านใหม่ในตำรา

ผู้สันทัดกรณีต่างชี้แนะ

อย่างนั้นแหละอย่างนี้สิดีกว่า

โหรไทยจีนแขกยามก็ตามมา

กรอกหูขวาหูซ้ายปวดท้ายทอย

คนในบ้านเกรี้ยวกราดตวาดผี

อวดสำแดงจะแข่งดีท้าผีต่อย

ทั้งพระภูมิ เทวดาก็มาพลอย

ค่อยทยอยทิ้งวิมานบ้านมนุษย์

เห็นหรือไม่ในเงาและเสาบ้าน

อารมณ์ร่านในเลือดยังเดือดปุด

เห็นหรือเปล่าเสาเดิมที่เริ่มทรุด

ความชำรุดลามมาน่าสะพรึง

ยื่นข้อความถามทีผีถ้วยแก้ว

วางมือแล้วมือใครลากไปถึง

ผียืนมองมือทั้งนั้นต่างดันดึง

เห็นมือซึ่งดึงดันฟาดกันเอง

อร่าม อินพุ่ม •