พบโดยบังเอิญ แต่เป็นเรื่องดี การรักษา HIV แนวใหม่/บทความพิเศษ จักรกฤษณ์ สิริริน

บทความพิเศษ

จักรกฤษณ์ สิริริน

 

พบโดยบังเอิญ แต่เป็นเรื่องดี

การรักษา HIV แนวใหม่

ข่าวใหญ่ในวงการสุขภาพเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บางกระแสว่าพบคนหายป่วยจาก HIV คนที่ 4 ของโลก บางกระแสก็ว่าพบคนหายป่วยจาก HIV เป็นคนที่ 5

นับตั้งแต่ Timothy Ray Brown ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ป่วย AIDS (Acquired Immunodeficiency Syndrome) คนแรกของโลกที่หายขาดจากโรคติดเชื้อ HIV

มาถึง Adam Castillejo ผู้ป่วย AIDS รายที่ 2 ของโลกที่หายขาดจากโรคติดเชื้อ HIV (Human Immunodeficiency Virus) เช่นกัน

ส่วนผู้ป่วย AIDS รายที่ 3 ของโลกที่หายขาดจากโรคติดเชื้อ HIV นั้น ถือเป็น “สุภาพสตรี” คนแรกของโลก แต่เธอไม่ยินดีให้เปิดเผยชื่อ

มาจนกระทั่งผู้ป่วย AIDS รายที่ 4 หรือ 5 ซึ่งขณะนี้กำลังรอการยืนยันที่แน่ชัด

Timothy Ray Brown

ก่อนหน้า Case ของ Timothy Ray Brown ความกลัว “โรค AIDS” เป็นอภิมหาความกลัวระดับโลก นับตั้งแต่มีการค้นพบผู้ติดเชื้อ HIV รายแรกของโลกเมื่อปี ค.ศ.1981

เพราะ AIDS “ไม่มียารักษา”

จนกระทั่งราวต้นทศวรรษ 2010 ที่มีการเริ่มนำยาต้าน AIDS ออกมาจ่ายให้กับผู้ติดเชื้อ HIV

ตามมาด้วยความพยายามในการคิดค้นวัคซีนป้องกัน AIDS อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วย AIDS และโลก มีความหวังกับการรักษาโรคนี้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมียาต้าน AIDS หรือยาชนิดอื่นๆ ที่ใช้ร่วมกันในการยับยั้งไวรัส ทว่า โลกคงยังไม่มีผู้ที่หายขาดจากโรคติดเชื้อ HIV แบบ 100%

จนกระทั่ง Timothy Ray Brown เจ้าของฉายา Berlin Patient เนื่องจากการติดเชื้อ HIV ของเขา เกิดขึ้นที่กรุง Berlin โดยในปี ค.ศ.2007 เขาได้เข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ Leukemia

สิ่งมหัศจรรย์ปรากฏขึ้น เมื่อไขกระดูกที่ได้รับบริจาคมีลักษณะพิเศษ คือมีการกลายพันธุ์ของ Gene ที่ตัวรับบนผิวของเซลล์เม็ดเลือดขาว

เนื่องจากไวรัส HIV ต้องอาศัยโปรตีน CCR5 เป็นตัวจับ และส่งไวรัสให้เข้าไปภายในเซลล์ ดังนั้น ถ้าไม่มีโปรตีน CCR5 อยู่บนผิวของเซลล์ เชื้อไวรัส HIV ก็จะไม่มีที่จับ ทำให้เข้าสู่เม็ดเลือดขาวไม่ได้

การปลูกถ่ายไขกระดูกดังกล่าว ได้ทำให้ไวรัส HIV หายจากกระแสเลือดของ Timothy Ray Brown ไปโดยปริยาย และถือได้ว่าเขาหายจากโรค AIDS อย่างสมบูรณ์

ชนิดมีหลักฐาน และข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับชัดเจน เป็นรายแรกของโลก

Adam Castillejo

ผลจากการปลูกถ่ายไขกระดูกของ Timothy Ray Brown ทำให้โลกค้นพบวิธีการรักษา AIDS โดยบังเอิญ นั่นคือ การ Knock Gene ให้โปรตีน CCR5 หยุดทำงาน

เช่นเดียวกับ Timothy Ray Brown ผู้หายจากโรค AIDS คนแรกของโลก เพราะผู้ป่วยรายที่ 2 ของโลกที่หายขาดจาก HIV ได้รับ Gene กลายพันธุ์เช่นกัน

เขาคนนั้นมีชื่อว่า Adam Castillejo

โดย Adam Castillejo ได้เข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูก เช่นเดียวกับ Timothy Ray Brown

รายงานข่าวระบุว่า Adam Castillejo ได้เข้ารับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell เพื่อรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

และก็เช่นเดียวกับ Timothy Ray Brown เจ้าของฉายา Berlin Patient เพราะ Adam Castillejo ได้รับฉายาว่า London Patient เนื่องจากการติดเชื้อ HIV ของเขา เกิดขึ้นที่กรุง London ในปี ค.ศ.2020

ส่วนผู้ป่วย AIDS รายที่ 3 ของโลกซึ่งหายขาดจากโรคติดเชื้อ HIV นั้น ถือเป็น “สุภาพสตรี” คนแรกของโลก คือหญิงชาวอเมริกันวัย 64 ปี

โดย Case ของเธอนั้น ก็คล้ายกับ Case ของ Timothy Ray Brown ผสมกับ Adam Castillejo

กล่าวคือ หญิงคนนี้เธอติดเชื้อ HIV และเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเหมือนกับ Timothy Ray Brown

โดยสตรีรายนี้ ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell เหมือนกับ Adam Castillejo แต่เป็นกระบวนการปลูกถ่ายจากรกเด็ก

ซึ่งการปลูกถ่าย Stem Cell ดังกล่าว ได้ไปกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของหญิงคนนี้กลับมาทำงานอีกครั้ง ทำให้ร่างกายสามารถต้านเชื้อ HIV ได้ในที่สุด

สำหรับฉายาของเธอ ผมขอตั้งให้เองว่า California Patient เนื่องจากการติดเชื้อ HIV ของเจ้าหล่อน เกิดขึ้นที่รัฐ California นั่นเอง

ส่วนผู้ป่วย AIDS รายที่ 4 หรือ 5 นั้น ขณะนี้กำลังรอการยืนยันที่แน่ชัด ว่าใครจะเป็นคนที่ 4 และใครจะเป็นคนที่ 5 ระหว่างหญิงชาวอเมริกัน เจ้าของฉายา New York Patient กับชายชาวสเปน

โดยทั้งคู่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษา Leukemia หรือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว จากผู้ให้บริจาคที่มีภูมิต้านทานเชื้อ HIV

 

บทสรุปจากทั้ง 4 หรือ 5 คนแรกของโลกที่หายจาก AIDS โดยไร้เชื้อ HIV ในร่างกาย 100% ผ่านการปลูกถ่ายไขกระดูก หรือการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ก็คือ การรักษาโรคมะเร็ง

ทั้งมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการนำยาต้าน AIDS ออกมาแจกผู้ติดเชื้อ HIV ก็ดี หรือมีข่าวความพยายามในการคิดค้นวัคซีนป้องกัน AIDS ก็ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความบังเอิญจากการปลูกถ่าย Stem Cell ดังที่กล่าวไปทั้งหมดก็ดี

แต่เรายังคงต้องประชาสัมพันธ์ช่องทางสำคัญๆ หรือพฤติกรรมการติดต่อและแพร่เชื้อ HIV ต้นกำเนิดของโรค AIDS เพื่อย้ำเตือนความเสี่ยงให้กับประชาชนอยู่เสมอ ซึ่งประกอบด้วย

1. การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน นั่นคือ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางอนามัย ไม่ว่าจะเป็น ชายกับหญิง ชายกับชาย และหญิงกับหญิง หรือมีเพศสัมพันธ์กับทั้งสองเพศพร้อมกัน

ทั้งผ่านทางช่องคลอด และผ่านทางทวารหนัก ล้วนมีโอกาสติดเชื้อ HIV ต้นกำเนิดของโรค AIDS ได้ทั้งสิ้น

ข้อมูลของการระบาดวิทยาพบว่า มากกว่า 80% ของผู้ติดเชื้อ HIV นี้ ล้วนได้รับเชื้อผ่านมาจากทางการมีเพศสัมพันธ์ทั้งสิ้น

2. ใช้เข็ม หรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV ทั้งนี้ มักพบในกลุ่มผู้ฉีดสารเสพติดเข้าเส้นเลือดมากกว่าการให้วัคซีน เซรุ่ม หรือการบริจาคโลหิต ที่มีบุคลากรทางการแพทย์คอยควบคุม

3. การสัมผัสเลือด หรือน้ำเหลือง ของผู้ติดเชื้อ HIV ผ่านผิวสัมผัสที่เป็นแผลเปิดหรือรอยถลอก รวมทั้งการใช้ของมีคมร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV โดยไม่เปลี่ยนเครื่องมือ หรือไม่ทำความสะอาดอุปกรณ์ให้ถูกสุขอนามัยเพียงพอ

เช่น มีดโกนหนวด กรรไกรตัดเล็บ เข็มสักผิวหนัง หรือคิ้ว และเข็มเจาะหู ซึ่งอาจรวมถึงปัตตาเลี่ยนตัดผมที่คมมากๆ ด้วยในบางกรณี

4. การติดต่อจากแม่สู่ลูก ทั้งระหว่างตั้งครรภ์ ระหว่างการคลอด และระหว่างการเลี้ยงดูด้วยนมแม่

5. การรับโลหิตบริจาคที่มีเชื้อ HIV ปนเปื้อน ซึ่งมีโอกาสน้อยมากในปัจจุบัน เนื่องจากโลหิตที่ได้รับบริจาคทุกขวดต้องผ่านการตรวจหาการติดเชื้อ HIV เพื่อความปลอดภัย

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดี ว่าเชื้อ HIV สามารถติดต่อได้จากการได้รับ “สารคัดหลั่ง” จากผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นเลือด น้ำเหลือง น้ำอสุจิ หรือน้ำในช่องคลอด

ส่วนน้ำลาย เสมหะ และน้ำนม แม้ว่าจะมีเชื้อ HIV แต่มีในปริมาณที่น้อยกว่าเลือด น้ำเหลือง น้ำอสุจิ และน้ำในช่องคลอด

สำหรับเหงื่อ ปัสสาวะ และอุจจาระนั้น แม้อาจจะมีโอกาสพบเชื้อ HIV ทว่า ที่ผ่านมากลับยังไม่พบผู้ป่วยจาก Case ดังกล่าว