ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 สิงหาคม 2565 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
ยุทธการ ป้ายหม้อดำ
เต็มทั้งใบหน้า ‘ลี้คิมฮวง’
คือ ‘โจรดอกเหมย’
เสียงอันดังมาจาก “ภายนอก” มิได้เป็นเสียงธรรมดาอย่างสามัญ หากวัดจาก “อาวุธ” ที่ประดังเข้ามาก็มากถึง 17-18 ชนิด
ยิ่งเสียงตวาด “อย่าเพิ่งวุ่นวาย จัดการให้อยู่เสียก่อน”
คนผู้นี้กล่าวเพียง 7-8 คำ แต่สุ้มเสียงดังกังวานปานระฆังมหึมา พอกล่าวจบ รอบข้างก็ปราศจากสุ้มเสียงอื่นอีก
“เป็นฉั้งฉิกมาแล้วจริงๆ” นั่นคือความครุ่นคิดของลี้คิมฮวง
นั่นย่อมหมายถึง “ฉั้งฉิกเอี้ย” (นายที่เจ็ดแซ่ฉั้ง) แห่งเมืองลั่วหยาง จากนั้น ก็ได้ยินคนผู้นั้นสำทับตามมาอีก
“ในเมื่อสหายมาถึงที่นี่แล้วเหตุใดไม่กล้าออกมาพบกัน”
ได้ยินดังนั้น ลี้คิมฮวงส่งเสียงกระแอม ดัดสุ้มเสียงกล่าวขึ้น “ท่านทั้งหลายเมื่อมาถึงที่นี้ไฉนไม่ยอมเข้ามาพบพาน”
ส่งผลให้นอกห้องบังเกิดความปั่นป่วนขึ้นมาอีก
เด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับว่าภายในตึกเมฆเรืองโรจน์มิได้มีแต่เพียงฉิ้งเฮ้างี้ มิได้มีแต่เพียงเตี่ยตั้วเอี้ย หากแต่ยังมีคนอื่นอีกรอคอยอยู่
1 ย่อมเป็นฉั้งฉิกเอี้ย (นายที่เจ็ดแซ่ฉั้ง) แห่งเมืองลั่วหยาง
1 ย่อมเป็นม่อฮุ้นชิ่ว (มือสัมผัสเมฆ) 1 ย่อมเป็นกงซุนไต้เฮียบ (ผู้กล้าแซ่กงซุน) หากประมวลแต่ละถ้อยคำอันดังขึ้นโดยรอบ
ล้วนเห็นว่า “ภายใน” เป็น “บ๊วยฮวยเต๋า”
ไม่ว่าจะเป็นประโยค “โจรดอกเหมย ท่านหนีไม่รอดแล้ว รีบออกมารับความตายเถอะ” ไม่ว่าจะเป็นประโยค “ต่อให้ท่านมีความสามารถเทียมฟ้า วันนี้พวกเราก็จะให้ท่านตายโดยไร้ที่กลบฝัง”
เริ่มจาก “เชื้อเชิญ” อย่างสุภาพ ในที่สุดก็กลายเป็นด่าทอ “กระตุ้น”
เห็นได้จากประโยค “บ๊วยฮวยเต๋า รู้จักแต่ลอบลักเล็กขโมยน้อยในความมืดเท่านั้นไหนเลยกล้าพบเห็นผู้คน” “พวกลักเล็กขโมยน้อย เต่าที่หดหัวอยู่แต่ในกระดองไม่กล้าพบคน เลวทรามต่ำช้า”
แม้จะโต้แย้ง “โจรดอกเหมยลับๆ ล่อๆ ดุจภูตผีจริง แต่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับข้าพเจ้า”
สุ้มเสียงที่ดังจากภายนอกจึงกลายเป็นคำถาม “ในเมื่อท่านมิใช่โจรดอกเหมย ถามว่าแล้วท่านเป็นผู้ใด”
เหมือนกับจะเปิดกว้าง เหมือนกับจะให้โอกาส
กระนั้น สำทับอันตามมาอย่างรวดเร็วเป็น “กงซุนไต้เฮียบยังถามมันทำอะไร เตี่ยตั้วเอี้ยต้องไม่ดูผิด คนผู้นี้เป็นโจรดอกเหมยโดยมิต้องสงสัย”
นั่นคือบทสรุป นั่นคือความมั่นใจ
ได้ยินดังนั้น ลี้คิมฮวงส่งเสียงหัวร่อดังกังวาน “เตี่ยตั้วเอี้ย ข้าพเจ้าทราบแต่แรกแล้วว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นลวดลายที่ท่านเล่นมา”
ในเสียงหัวร่อร่างพุ่งออกจากหน้าต่างดุจนกนางแอ่น
หมู่ผู้มีฝีมือที่ออคับคั่งทางภายนอก มีบ้างตวาดแล้วโถมเข้ามา มีบ้างแผดร้องแล้วถอยออกไป
ลี้คิมฮวงวกกายกลางอากาศพุ่งมา ณ เบื้องหน้าเตี่ยตั้วเอี้ย
“เตี่ยตั้วเอี้ยมีสายตากระจ่างแจ่มใสยิ่ง หากมิใช่มือเท้าของข้าพเจ้ายังแคล่วคล่องว่องไว ตอนนี้คงต้องเป็นปีศาจตายแทนบ๊วยฮวยเต๋าแล้ว ตายเยี่ยงนั้นจึงนับว่าน่าคลั่งใจยิ่ง”
เตี่ยตั้วเอี้ยหน้าเขียวคล้ำแค่นเสียงเย็นชา
“ดึกดื่นค่อนคืน มาซ่อนตัวลับๆ ล่อๆ ในที่นี้เพียงลำพัง ไม่ถือท่านเป็นบ๊วยฮวยเต๋าจะให้ถือเป็นผู้ใด ข้าพเจ้าทราบอย่างไรว่าโรคของท่านพลันทุเลาและลอบหลบมาในที่นี้อีก ข้าพเจ้ากลับมิทราบท่านกับลิ่มโกวเนี้ยจะมีไมตรีระดับนี้
เพียงแต่ว่าทุกผู้คนต่างทราบ ลิ่มโกวเนี้ยคืนนี้ต้องไม่อยู่ที่นี่แน่นอน
เพราะหลบหนีบ๊วยฮวยเต๋า ลิ่มโกวเนี้ยได้ขนของออกจากแนเฮียงเซี่ยวต๊กไปตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว”
ท่ามกลางการต้องสงสัยว่าเป็น “โจรดอกเหมย” ท่าทีของเล้งโซ่วฮุ้นเป็นอย่างไร
ทันทีที่เงาร่างของลี้คิมฮวงพุ่งออกจากข้างในราวนางแอ่นเหินพร้อมกับเสียงหัวร่อ ท่ามกลางภาวะแตกตื่นของยอดฝีมือที่อยู่ภายนอก
เล้งโซ่วฮุ้นร้องโพล่ง “ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งลงมือ นี่เป็นลี้ชิ้มฮัว น้องเรา”
ด้านหนึ่ง เตี่ยตั้วเอี้ยลงความเห็นว่า “ยามจัดการกับชนชั้นโจรดอกเหมยได้แต่ชิงลงมือเอาเปรียบ รอจนถามไถ่ให้กระจ่างชัดค่อยเคลื่อนไหวก็สายเกินการณ์แล้ว”
ทุกถ้อยคำล้วนสมเหตุสมผล ปราศจากช่องว่าง จุดโหว่ให้จู่โจม
ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง ลี้ชิ้มฮัวหัวร่อดังๆ กล่าวว่า “คำ ‘ชิงลงมือเอาเปรียบ’ อันประเสริฐ เช่นนี้เป็นว่าคืนนี้หากข้าพเจ้าตายในเงื้อมมือเตี่ยตั้วเอี้ย ได้แต่บอกว่าสาสม ไม่อาจโทษว่าเตี่ยตั้วเอี้ยแม้แต่น้อย”
เล้งโซ่วฮุ้นส่งเสียงกระแอมสองครา ยิ้มประจบกล่าวว่า “ค่ำคืนมืดมิด ไม่ว่าผู้ใดอาจดูผิดได้”
เด่นชัดมากยิ่งขึ้นในความเอนเอียงของเล้งโซ่วฮุ้นว่าดำเนินไปอย่างไร
ความตึงเครียดยิ่งเพิ่มทวีมากยิ่งขึ้นเมื่อลี้คิมฮวงเสนอประโยค “เตี่ยตั้วเอี้ย เมื่อเข้าใจว่าข้าพเจ้าเป็นโจรดอกเหมย ตอนนี้ไฉนยังไม่ลงมือ”
คำตอบจากเตี่ยตั้วเอี้ยน่าสนใจอย่างยิ่ง
“ลงมือก่อนหรือลงมือสายหาเป็นไรไม่ มีฉั้งฉิกเอี้ยกับม่อฮุ้นเฮียอยู่ที่นี่วันนี้ ท่านยังคิดหนีรอดได้หรือ”
จากนั้น ม่อฮุ้นชิ่ว (มือสัมผัสเมฆ) กงซุนม่อฮุ้น ก็สำแดงตัว
คนผู้นี้ร่างผอมราวไม้รวก หน้าเหลืองดั่งขี้ผึ้งดูไปคล้ายเป็นคนป่วยผู้หนึ่ง แต่สุ้มเสียงกลับกังวานแหลมสูง เป็นยอดฝีมือที่อาศัย 14 ท่าสัมผัสเมฆสร้างชื่อไปทุกเขตแคว้น
จากนั้น ฉั้งฉิกเอี้ย (นายที่เจ็ดแซ่ฉั้ง) แห่งเมืองลั่วหยาง ก็สำแดงตัว
คนผู้นี้มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ยืนมือไพล่หลังดูไปคล้ายกับมหาเศรษฐีที่มีความเป็นอยู่อันเลอเลิศ ชาวยุทธจักรล้วนทราบว่า ฉั้งฉิกเอี้ยหากมีสีหน้าเคร่งเครียด ในดวงตาปรากฏเพลิงอำมหิต
พอฉีกหน้าไร้ไมตรี บนใบหน้าจะปราศจากรอยยิ้ม จากนั้นต้องลงมือฆ่าคน
แต่เมื่อประสบกับการท้าทายโดยตรงจากลี้คิมฮวง ไม่ว่ากงซุนม่อฮุ้น ไม่ว่าฉั้งฉิกเอี้ย ไม่ว่าเตี่ยตั้วเอี้ย ซึ่งรายล้อมโดยรอบลี้คิมฮวงล้วนหน้าเขียวคล้ำ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังกรอดๆ
กระนั้น ทั้ง 3 เพียงถลึงมองมีดน้อยในมือลี้คิมฮวง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ชิงลงมือ
คําท้าทายของลี้คิมฮวงไม่ว่าต่อเตี่ยตั้วเอี้ย ไม่ว่าต่อม่อฮุ้นชิ่ว ไม่ว่าต่อฉั้งฉิกเอี้ย ดำเนินไปอย่างชนิดตีกลางแสกหน้า
ไม่ประนีประนอม ไม่ไว้หน้า
เริ่มจาก “ข้าพเจ้าแม้มีสหายไม่น้อย แต่สหายที่มีศักดิ์ศรีเช่นฉั้งฉิกเอี้ยกลับไม่มีแม้แต่น้อย ฉั้งฉิกเอี้ยมิต้องผูกไมตรีกับข้าพเจ้า”
ตามมาด้วย “ข้าพเจ้าทราบว่าตอนนี้ท่านทั้งสามปรารถนาใคร่ปลิดชีวิตข้าพเจ้า ทั้งนี้เพราะ หลังจากฆ่าข้าพเจ้าที่เป็นโจรดอกเหมย มิเพียงได้รับลาภยศ โอบโฉมสะคราญแนบอก มิหนำซ้ำ ยังได้รับการจารึกชื่อลือลั่นไว้ในประวัติศาสตร์”
ตามมาด้วย “พวกท่านช่างผ่าเผยยิ่งนัก ภูมิฐานนัก สมเป็นหน้าเหล็กไม่ลำเอียง คุณธรรมเลิศล้ำไร้ผู้ทัดเทียมจริงๆ”
ตามมาด้วย “ข้าพเจ้าทราบ ฉั้งฉิกเอี้ยได้รับขนานนามกระบองเดียวสะกดทั่วแผ่นดิน สามลูกเหล็กพิชิตทั้งจักรวาล หรือฉั้งฉิกเอี้ยก็รอให้ท่านกงซุนซิงแซ (ท่านผู้แซ่กงซุน) ลงมือก่อน มิผิด 14 ท่าสัมผัสเมฆของกงซุนซิงแซปราดเปรียวเปลี่ยนแปร ทั้งสี่ทะเลไร้ผู้ต่อต้าน”
พูดพลางลูบคลำคมมีดในมือกล่าวอย่างแช่มช้า “แต่ท่านไฉนไม่ลงมือ”
โกวเล้งบรรยายตามสำนวนแปล น.นพรัตน์ ออกมาว่า มือสัมผัสเมฆและพวกทั้งสามกลับเยือกเย็นยิ่ง ไม่ว่าลี้ชิ้มฮัวกล่าวเหน็บแนมอย่างไร คนทั้งสามยังคงไม่ได้ยิน
ความจริง ทั้งสามปรารถนาใคร่เตะลี้ชิ้มฮัวให้ตายคาเท้า
แต่ “เซี่ยวลี้ซิ้งตอ” (มีดวิเศษของลี้น้อย) ไม่เคยพลาดเป้ามาก่อน” ขอเพียงลี้ชิ้มฮัวถือมีดอยู่ในมือ ยังมีผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวก่อน
แต่มีคนผู้หนึ่งกล้า ถามว่ามันผู้นั้นเป็นใคร
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022