เดือนไหน? หนุ่ม-สาว ‘มีอะไรกัน’ บ่อยที่สุด/คลุกวงใน พิศณุ นิลกลัด

พิศณุ นิลกลัด

คลุกวงใน

พิศณุ นิลกลัด

Facebook : @Pitsanuofficial

 

เดือนไหน?

หนุ่ม-สาว ‘มีอะไรกัน’ บ่อยที่สุด

 

จากการทำโพลสำรวจของเลิฟฮันนี่ (Lovehoney) ร้านขาย Sex toy หรืออุปกรณ์เสริมความสุขทางเพศชื่อดังของอังกฤษ เดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม เป็นเดือนที่คนอังกฤษ “กุ๊กกิ๊กกัน” บ่อยที่สุดในรอบปี

คณะผู้สำรวจทำการศึกษาคนในอังกฤษกว่า 2,000 คน พบว่า

24% บอกว่า เดือนสิงหาคม กุ๊กกิ๊กบ่อยที่สุด

22% บอกว่า เดือนกรกฎาคม กุ๊กกิ๊กบ่อยที่สุด

เหุตผลที่เดือนกรกฎาคมและสิงหาคม คนในอังกฤษกุ๊กกิ๊กบ่อยที่สุด เพราะอากาศร้อน ทำให้สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น เมื่อเห็นเรือนร่างของกันและกัน ก็ทำให้อารมณ์รักพลุ่งพล่าน

 

ถามล้วงลึกลงไปอีก พบว่าวันเสาร์เป็นวันโปรดที่จะกุ๊กกิ๊ก เพราะไม่ต้องทำงาน

นอกจากนี้ ยังพบว่าวันเสาร์สัปดาห์แรกของเดือน เป็นวันที่คนกุ๊กกิ๊กมากที่สุด

สำหรับวันที่คนกุ๊กกิ๊กน้อยที่สุด คือวันจันทร์ เพราะเพิ่งกลับไปทำงาน ทำให้ไม่มีอารมณ์กุ๊กกิ๊ก

ส่วนเดือนที่คนกุ๊กกิ๊กน้อยที่สุด คือเดือนพฤศจิกายน 0% ตามด้วยเดือนมกราคม 1% เหตุผลเพราะอากาศหนาว ความต้องการทางเพศลด ไม่อยากถอดเสื้อผ้า

 

การเล่นกีฬาคือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง เมื่อเราออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้มีสุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนคล่อง และมีรูปร่างดี

มีงานวิจัยยืนยันว่าคนที่ออกกำลังกายอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์จะมีความต้องการทางเพศสูง ช่วยลดระดับความเครียด มีความมั่นใจในรูปร่างตัวเองว่าดูเซ็กซี่ การทำงานของร่างกายยืดหยุ่นมีประสิทธิภาพ สามารถทำให้สัมพันธ์รักเร่าร้อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ชีวิตรักปึ๋งปั๋ง

มีงานสำรวจพบว่าการเล่นกีฬา 3 ชนิด ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ส่งผลให้ชีวิตรักเร่าร้อน

กีฬาสามชนิดที่ว่าคือ

 

1.ขี่จักรยาน

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่ขี่จักรยานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศถึง 30% เมื่อเทียบกับผู้ชายวัยไล่เลี่ยกันที่ไม่ได้ออกกำลังกาย

นอกจากนี้ การขี่จักรยานยังลดอัตราเสี่ยงการป่วยเป็นโรคหัวใจ

จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยเพอร์ดิว (Purdue University) ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า คนที่ขี่จักรยานเป็นประจำ สัปดาห์ละ 32 กิโลเมตร จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการป่วยเป็นโรคหัวใจได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ออกกำลังกายใดๆ เลย

เท่านั้นยังไม่พอ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลนา (University of North Carolina) พบว่า คนทำงานที่ขี่จักรยานสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที ลาป่วยน้อยกว่าคนทำงานที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลยถึง 50%

 

2.วิ่ง

เวลาที่เราเห็นคนวิ่งในสวนสาธารณะมักจะสังเกตว่าพวกเขารู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด นั่นก็เพราะการวิ่งอย่างถูกวิธีจะทำให้รู้สึกฟินและคลายความเครียดได้ดีมาก ความเครียดเป็นตัวทำลายความต้องการทางเพศที่ร้ายกาจนัก เวลาที่รู้สึกเครียดเราแทบไม่มีอารมณ์อยากจะกุ๊กกิ๊กกับใคร หรือถึงทำไปก็ฟินไม่สุด

ดังนั้น การออกมาวิ่งจะช่วยลดระดับความวิตกกังวลและเพิ่มความต้องการทางเพศได้ เพราะเมื่อเราวิ่งถึงระดับหนึ่งร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินออกมา ทำให้รู้สึกมีความสุข

ในงานศึกษาของวิทยาลัยการแพทย์แห่งรัฐวิสคอนซิน (Medical College of Wisconsin) พบว่า การวิ่งบนเครื่องสายพานในระดับยาก ถ้าวิ่งได้เป็นประจำ เราก็จะมีรูปร่างที่ดี รู้สึกมีความมั่นใจเวลาที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกุ๊กกิ๊กกับแฟนหนุ่มหรือแฟนสาว

จากการทำโพลสำรวจออนไลน์โดยรองเท้าวิ่งยี่ห้อบรู๊กส์ (Brooks) ทำการสำรวจนักวิ่งทั้งหญิงและชายที่อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,000 คน ที่วิ่งเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง พบว่า บรรดานักวิ่ง 49% ที่วิ่งกับคู่รักเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตรขึ้นไป เห็นว่ายิ่งวิ่งด้วยกันกับคนรักในระยะไกลเท่าไหร่ ความเร่าร้อนของการมีสัมพันธ์รักก็จะยิ่งทวีสูงขึ้น

 

3.ฟุตบอล

กีฬายอดนิยมของผู้ชายทั่วโลก จากการศึกษาของนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตา บาร์บารา (University of California Santa Barbara) พบว่า การเล่นฟุตบอลช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ในผู้ชายได้ถึง 30% ซึ่งทำให้มีความต้องการทางเพศสูงขึ้น

โดยเฉพาะถ้าแข่งขันในสนามเหย้าของทีมตัวเอง จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชายได้ดีที่สุด เทสโทสเตอโรนเป็นฮอร์โมนเพศที่สำคัญที่สุดของผู้ชาย การที่มีระดับฮอร์โมนเพศชายในระดับที่สมบูรณ์ เหมาะสม จะทำให้ร่างกายแข็งแรง กระปรี้กระเปร่า

ที่สำคัญ ทำให้มีสมรรถภาพทางเพศ