ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 สิงหาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | กาแฟดำ |
ผู้เขียน | สุทธิชัย หยุ่น |
เผยแพร่ |
กาแฟดำ
สุทธิชัย หยุ่น
จากปากคำของปูติน
“ปูติน” คือใคร?
เป็นคำถามที่แวดวงสื่อตะวันตกตั้งคำถามตั้งแต่เขาเริ่มปรากฏตัวมีบทบาทโดดเด่นในการเมืองรัสเซีย
มาถึงวันนี้ หลังจากที่เขาตัดสินใจเปิดสงครามกับยูเครนก็มีนักวิเคราะห์พยายามจะตอบคำถามนี้อยู่
แม้ว่าคำถามนั้นจะเปลี่ยนจาก “ปูตินเป็นใคร?” เป็น
“ปูตินต้องการอะไร?”
เสริมด้วย “ปูตินมองโลกอย่างไร?”
เราอาจจะเคยฟังและอ่านปูตินแถลงแสดงจุดยืนของรัสเซียในหลายๆ วาระ แต่นั่นคือการแถลงด้วยภาษาทางการ
เราไม่ค่อยได้รับรู้การ “เปิดใจ” จริงๆ ของปูตินเท่าไหร่นัก… หนังสือเล่มนี้จึงน่าสนใจเป็นพิเศษเพราะเป็นการสัมภาษณ์เขาตอนที่เขาเพิ่งจะขึ้นมามีอำนาจใหม่ๆ
และผู้นำทั่วโลกอยากรู้ว่า “ปูติน” คือใคร?
โดยสังเขปแล้วปูตินทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองต่างประเทศใน KGB ยาวนานถึง 16 ปี ก่อนจะลาออกในปี 1991 เพื่อกระโดดลงการเมืองเต็มตัว
ปีนั้นมีความสำคัญมากต่อชีวิตและวิธีคิดของปูตินถึงวันนี้ เพราะเป็นปีที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย
ปรากฏการณ์นั้นฝังลึกอยู่ในความคิดความอ่านของปูตินจนถึงวันนี้
ปูตินดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ Federal Security Service (FSB) และเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงภายใต้การนำของผู้นำรัสเซีย Boris Yeltsin ก่อนที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 1999
ปูตินก้าวขึ้นในตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีหลังจากที่เยลต์ซินลาออก ก่อนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 2000
และได้รับเลือกตั้งใหม่ในปี 2004 หลังจากช่วยประเทศให้เติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญด้วยราคาน้ำมันและก๊าซที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก
เป็นการฟื้นตัวที่มีนัยสำคัญเพราะระบอบคอมมิวนิสต์ของรัสเซียต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก
ในขณะนั้น ตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียถูกจำกัดอำนาจไว้เพียง 2 สมัย
ปูตินจึงกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2008 ก่อนที่จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2012 ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่ามีการโกงคะแนนกัน
ปูตินนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีนับตั้งแต่นั้นมา หลังจากได้รับเลือกตั้งใหม่ในปี 2018
ในปี 2021 (ปีที่แล้ว) หลังจากการลงประชามติ ปูตินลงนามแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เปิดทางให้เขาสามารถลงสมัครรับตำแหน่งประธานาธิบดีได้อีกสองครั้ง
นั่นแปลว่าเขาสามารถนั่งเก้าอี้การเมืองสูงสุดของประเทศได้อีกหลายปี อย่างน้อยก็ถึง 2036
แต่ที่หลายคนอยากจะรู้ก็คือ ปูตินเองมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองอย่างไร
หนังสือเล่มนี้ First Person : An Astonishingly Frank Self-Portrait by Russia’s President เป็นการถอดเทปการพูดคุยเป็นภาษารัสเซียและแปลเป็นภาษาอังกฤษ
ทีมผู้สัมภาษณ์ปรากฏชื่อ 3 คนคือ Nataliya Gevorkyan, Natalya Timakova และ Andrei Kolesnikov
หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในปี 2000 ซึ่งคือช่วงที่ปูตินขึ้นมามีอำนาจใหม่ๆ
คำถามคำตอบจึงน่าสนใจเพราะยังไม่ถูกเหตุการณ์ทางการเมืองภายหลังมาบดบังเรื่องที่ผู้คนทั่วไปสนใจเกี่ยวกับชีวิตของเขาเอง
ทีมผู้สัมภาษณ์บอกว่ามีการนั่งคุยกับปูตินทั้งหมด 6 ครั้ง ครั้งละประมาณ 4 ชั่วโมง
บทที่เกี่ยวกับหน้าที่ของเขาในฐานะเป็น “จารชน” หรือที่พาดหัวว่า Spy มีความน่าสนใจสำหรับผม
ถาม : คุณมาอยู่ KGB ในปี 1975 และลาออกปี 1991 ทั้งหมด 16 ปี ในจำนวนนี้คุณใช้เวลาอยู่ต่างประเทศกี่ปี?
ปูติน : ไม่ถึง 5 ปีด้วยซ้ำ ผมทำงานในเยอรมนีตะวันออกเท่านั้น ที่เมือง Dresden
เราไปเมืองนั้นเมื่อปี 1985 และออกมาหลังจากกำแพงเบอร์ลินล่มสลายในปี 1990
ถาม : งานของคุณมีอะไรบ้าง?
ตอบ : ก็กิจกรรมข่าวกรองตามปกติ เช่น สรรหาคนที่เป็นแหล่งข่าว, หาข่าวเอง, วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา และส่งไปมอสโก
ผมก็พยายามแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับพรรคการเมืองทั้งหลาย, ทิศทางและแนวโน้มของพรรคการเมืองเหล่านี้, ตัวผู้นำ…ผมศึกษาผู้นำในขณะนั้นๆ และวิเคราะห์ว่าใครจะเป็นผู้นำรุ่นใหม่ต่อไป รวมถึงการเลื่อนคนบางคนขึ้นไปบางตำแหน่งในพรรคและรัฐบาล
มันสำคัญที่เราจะรู้ว่าใครกำลังทำอะไรและทำอย่างไร และกำลังเกิดอะไรขึ้นในกระทรวงต่างประเทศของประเทศใดประเทศหนึ่ง และเขากำหนดนโยบายในแต่ละเรื่องอย่างไรและในส่วนต่างๆ ของโลก
เราติดตามศึกษาว่าหุ้นส่วนของเราจะมีปฏิกิริยาอย่างไรในการเจรจาลดอาวุธ
แน่นอนว่าการจะได้ข้อมูลเหล่านี้มานั้นจะต้องมีแหล่งข่าว
ดังนั้น การทาบทามสรรหาและประกบแหล่งข่าว, การเจาะหาข้อมูลและการประเมินกับวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นคือกิจกรรมหลักๆ ของตำแหน่งหน้าที่ของผม
ส่วนใหญ่เป็นงานรูทีน งานประจำ
ระหว่างการสัมภาษณ์นั้น ภรรยาของปูติน Lyudmila Putina ก็ร่วมสนทนาอยู่ด้วย
เธอแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ
“เราไม่คุยเรื่องงานที่บ้านเลย ดิฉันคิดว่างานของสามีมีลักษณะแตกต่างไปจากงานอย่างอื่น เพราะที่ KGB จะมีหลักสำคัญข้อหนึ่งคือ : อย่าแบ่งปันเรื่องราวกับภรรยาของคุณ…
“เราได้รับการบอกเล่าว่าเคยมีกรณีที่การพูดคุยแบบตรงไปตรงมามากเกินไปก็ทำให้เกิดผลพวงที่ไม่ดี…พวกเขาเชื่อว่ายิ่งภรรยาคุณรู้น้อยเท่าไหร่ เธอก็จะนอนหลับได้ดีเท่านั้น…ดิฉันพบปะสังคมกับคนเยอรมันอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าหากคนที่ดิฉันรู้จักคนไหนดูจะไม่เป็นที่พึงปรารถนา สามีก็จะบอกให้ดิฉันรู้…”
คำถาม : ตอนนั้น ชีวิตที่ GDR (เยอรมนีตะวันออก) น่าจะดีกว่าที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนะ
ปูติน : ใช่ เรามาจากรัสเซียที่คนต้องเข้าคิวกันยาว และข้าวของก็ค่อนข้างขาดแคลน แต่ที่เยอรมนีตะวันออกมีทุกอย่างเพียบพร้อม น้ำหนักผมเพิ่มขึ้น 2.5 ปอนด์เลย น้ำหนักตอนนั้น 165
ถาม : แล้วตอนนี้น้ำหนักเท่าไหร่
ปูติน : 165
ถาม : เกิดอะไรขึ้น?
ปูติน : ผมขอพูดตรงๆ เลย…
ถาม : เบียร์?
ปูติน : แน่นอน! เรามักจะไปที่เมืองเล็กๆ ชื่อ Radeberg ซึ่งเป็นที่ที่มีโรงเบียร์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเยอรมนีตะวันออก
ผมมักจะสั่งเบียร์เป็นถัง ขนาด 3 ลิตร
คุณรินเบียร์ลงไปในถัง ปิดด้วยหัวจุก แล้วดื่มตรงจากถังกันเลย
นั่นคือผมดื่มเบียร์ 3.8 ลิตรทุกสัปดาห์
และที่ทำงานผมอยู่ห่างจากที่ทำงานแค่สองก้าวเท่านั้น ผมจึงไม่ค่อยจะมีกิจกรรมอะไรที่จะจัดการกับแคลอรีในร่างกายเลย
ถาม : ไม่เล่นกีฬาหรือ?
ปูติน : ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกสำหรับกีฬา และเราก็ต้องทำงานกันเยอะ
ถาม : ตอนมาที่เยอรมนีตะวันออก ตำแหน่งคุณคืออะไร?
ปูติน : ผมเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส Senior Case Officer จากนั้นก็เป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่าย ถือว่าเป็นการเลื่อนขั้นที่ดีเลยทีเดียว จากนั้นก็ได้ขึ้นเป็นผู้ช่วยอาวุโส และก็ไม่มีตำแหน่งอะไรสูงกว่านั้นอีกแล้ว เพราะอยู่เหนือผมขึ้นไปคือระดับผู้จัดการฝ่าย เรามีหัวหน้าคนเดียวเท่านั้น
เขาสร้างแรงจูงใจให้ผมด้วยการแต่งตั้งเป็นสมาชิกคณะกรรมการพรรคของ KGB ในเยอรมนีตะวันออก
(สัปดาห์หน้า : ปูตินกับการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน)
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022