Second Life พ่อ Metaverse/บทความพิเศษ จักรกฤษณ์ สิริริน

บทความพิเศษ

จักรกฤษณ์ สิริริน

 

Second Life พ่อ Metaverse

 

อีกไม่กี่เดือน Second Life จะฉลองครบรอบ 20 ปี

Second Life คือผู้บุกเบิก “เกมออนไลน์” รูปแบบใหม่ ที่ “ไม่ใช่เกมออนไลน์” เพราะไม่มีการผ่านด่าน ไม่มีการแก้ปริศนา ไม่มีการต่อสู้

เพราะ Second Life เป็นการสร้าง “สังคมเสมือนจริง” บน “โลกออนไลน์”

Second Life เกิดจากความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของ Philip Rosedale ผู้ก่อตั้ง และ CEO บริษัท Linden Lab ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ Second Life

โดย Philip Rosedale ได้นำ Second Life ออกเผยแพร่ในปี ค.ศ.2003 ภายใต้แนวคิดความต้องการสรรค์สร้าง “โลกเสมือน” แบบ 3 มิติ เพื่อต่อกรกับเกมรุ่นพี่อย่าง Sim City อันโด่งดังในตอนนั้น

Second Life จัดอยู่ในรูปแบบ “เกมออนไลน์” ชนิด “ความจริงเสมือน” หรือ Virtual Reality ที่ยุคนี้รู้จักกันในชื่อของ VR

VR คือสภาพแวดล้อมเสมือนจริงแบบ 3 มิติ ผ่านการจำลองโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยผู้เล่นสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นด้วยกันได้อย่างอิสระเสรี และมีการโต้ตอบกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ แบบเสมือนจริง

ซึ่งผู้สมัครเข้ามาอยู่อาศัยใน Second Life สามารถสร้างสรรค์ตัวละคร Avatar ของตนเอง และเนรมิตสิ่งต่างๆ ตามต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นด้วยกันได้อย่างเต็มที่

โดยตัวละคร Avatar สามารถเที่ยวท่องล่องไปใน “สังคมเสมือนจริง” บน “โลกออนไลน์” ซึ่งทุกคนจะมีปัจจัย 4 ที่ครบครัน มีการมีงาน มีอาชีพทำเป็นหลักเป็นแหล่ง มีการซื้อขายสินค้าภายใน Second Life และมีสกุลเงินของตนเอง

จึงสามารถกล่าวได้ว่า Second Life เป็นหนึ่งในการบุกเบิก “กระแสโลกเสมือน” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นต้นแบบทางความคิดให้กับ Mark Zuckerberg สร้าง Metaverse ในอีก 20 ปีต่อมา

ในช่วงที่ Second Life ขึ้นสู่กระแสสูง บรรดาบริษัทธุรกิจในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าว Reuters ผลิตภัณฑ์เครื่องกีฬา Adidas และ Rebok

แม้กระทั่ง Agency โฆษณาชื่อก้องโลกอย่าง Leo Burnett ต่างก็รุกคืบเข้าไป “ทำธุรกิจจริงๆ” บน Second Life กันมาแล้ว!

ผลพวงจากเหตุการณ์ข้างต้น ได้ทำให้ Second Life ฮอตฮิตติดลมบนชุมชนคนรักเน็ตทั่วทุกมุมโลกในตอนนั้นไปโดยปริยาย

จุดพีกสูงสุดของ Second Life อยู่ในปี ค.ศ.2008 หรือ 5 ปีให้หลัง กับยอดผู้สมัครเข้าร่วมเกือบ 20 ล้านคน ด้วยอัตราการเติบโตสูงสุดในหมู่ “เกมออนไลน์” คือ 30% ต่อปี และมีเงินหมุนเวียนราว 50 ล้านเหรียญต่อวัน

ความโด่งดังของ Second Life จุดประกาย สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกแวดวงเกิดความสนใจนำ Second Life ไปประยุกต์ใช้ในวงกว้าง

ไม่ว่าจะเป็นวงการธุรกิจ สื่อมวลชน แวดวงบันเทิง วงการกีฬา ดังที่กล่าวไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งแวดวงวิชาการ และสถาบันการศึกษา

มีโรงเรียน และมหาวิทยาลัยจำนวนมากในตอนนั้น นำ Second Life ไปประยุกต์เป็นช่องทางในการส่งเสริมการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรูปแบบการศึกษาทางไกล หรือ Distance Learning

สถาบันการศึกษาจำนวนมากในเวลานั้น ต่างพากันเกาะกระแสความโด่งดังของ Second Life โดยครูบาอาจารย์หลายท่านเปิดห้องเรียนเพื่อบรรยายรายวิชาใน Second Life

โดยกำหนดให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา นำ Avatar ของแต่ละคนเข้าร่วมฟังบรรยายในชั้นเรียน ทำกิจกรรมร่วมกัน และปรึกษากับครูบาอาจารย์

มีการเก็บสถิติว่า ในยุคนั้น มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกกว่า 150 แห่งได้เปิด Class การเรียนการสอนผ่าน Second Life

และในประเทศไทยของเราเอง มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือ ABAC ได้มีการจัดการเรียนการสอนผ่าน Second Life จำนวน 3 หลักสูตรด้วยกัน

โดยหากเรียนจบ ก็สามารถรับปริญญาได้จริง!

 

20 ปีต่อมา พูดได้ว่า Mark Zuckerberg ใช้ Model ของ Second Life สร้างสรรค์ และเปิดตัว Metaverse อย่างยิ่งใหญ่ จนทุกวันนี้ ใครๆ ในโลกใบนี้ ต่างก็พากันเกาะกระแส Metaverse กันอยู่ในปัจจุบัน

Metaverse คือ “โลกออนไลน์เสมือนจริง” ที่ Mark Zuckerberg ได้เปิดตัวออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อบริษัท Facebook ให้เป็น Meta เพื่อรองรับการเติบโตของ Metaverse

Mark Zuckerberg บอกว่า ภายใต้ Metaverse ทุกๆ คนสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคธุรกิจ

ที่สามารถสร้างความเร้าใจให้กับผู้บริโภคผ่านเทคโนโลยี AR หรือ Augmented Reality และ VR หรือ Virtual Reality

ผ่านการช้อปปิ้ง ลงทุน ประชุม ท่องเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ วาดรูป ออกกำลังกาย และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

โดยทุกๆ อย่างที่กล่าวมา สามารถทำบน “โลกออนไลน์เสมือนจริง” อย่าง Metaverse ได้ทั้งหมด

ด้วยสมรรถนะของเทคโนโลยี AR หรือ Augmented Reality และ VR หรือ Virtual Reality ผ่านการแสดงผลด้วยแว่นตา VR/AR และ Headset ครอบศีรษะ ที่บรรจุจอภาพเลนส์พิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการติดตั้งระบบเสียงแบบรอบทิศทาง หรือ Spatial Audio

 

อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ พื้นที่บน “โลกออนไลน์เสมือนจริง” แบบ Metaverse ธุรกิจต่างๆ ยังไม่ได้มีการเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว

สมาชิก Metaverse ทั้งผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ใช้งาน จึงยังไม่สามารถแวะพบปะผู้ใช้งานด้วยกันจากคนละพื้นที่ได้

นี่คือจุดที่แตกต่างระหว่าง Metaverse กับ Second Life

ที่แม้ขณะนี้ นักพัฒนา Software และบุคลากรชาว Meta ของ Mark Zuckerberg กำลังคิดค้นวิธีการในการทำให้เกิดการเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์บน Metaverse ก็ตาม

แต่ก็ดูเหมือนว่า แค่เริ่มต้น Metaverse ก็สู้ความเก่งกาจเมื่อ 20 ปีที่แล้วของ Second Life ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

จะด้วยกระแสสูงของ Metaverse ก็ดี หรือจะด้วยจุดอ่อนของ Metaverse ก็ดี ได้สะกิดต่อมฮาของ Philip Rosedale ผู้ก่อตั้ง และ CEO บริษัท Linden Lab ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ Second Life เข้าให้

ส่งผลให้ Philip Rosedale ประกาศ “คืนสู่เหย้า” หวนกลับมาพัฒนา Second Life ที่เขาสร้างขึ้นมากับมืออีกครั้ง และตั้งเป้ายกระดับ Second Life

ด้วยการปักธงให้คนรุ่นใหม่ได้รู้ว่า Second Life นั้น คือ “พ่อ” ของ Metaverse

 

ซึ่งหลังจาก Second Life ค่อยๆ ลดความนิยมลงในทศวรรษ 2010 Philip Rosedale ได้วางมือจาก Linden Lab หันไปทำธุรกิจอื่น

โดยก่อตั้งบริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า High Fidelity ที่แม้จะยังประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงกับ Second Life คือการสร้าง Platform “โลกออนไลน์เสมือนจริง” แบบ Virtual Reality หรือ VR

แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ประสบความสำเร็จใกล้เคียงกับเมื่อครั้งที่เขาเคยโด่งดังกับ Second Life เลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ดี Philip Rosedale ได้แถลงว่า จะนำ Second Life เข้าสู่โลกของ Metaverse ให้เสร็จสิ้นในปี ค.ศ.2022 นี้!

Philip Rosedale บอกว่า กลับมาคราวนี้ เขาจะยกระดับ Second Life ให้ดียิ่งกว่าเก่า 10 เท่า เพื่อร่วมสนุกกับ “โลกออนไลน์เสมือนจริง” และสอนเชิง Metaverse ไปด้วยในตัว

โดยเฉพาะอย่าง ที่ Second Life จะเน้นทั้งเรื่องความสุขของผู้เล่น และการสร้างรายได้ให้กับสมาชิกทุกคน

การกลับมาของ Philip Rosedale และ Linden Lab ครั้งนี้ เขาได้ระดมทีมงานเก่าทั้งหมด มาช่วยสร้าง Second Life ยุคใหม่อย่างเต็มอัตราศึก!

อย่างไรก็ตาม โจทย์ที่ท้าทาย Second Life คือการสร้าง Brand ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่ไม่เคยได้ยินชื่อ หรือรับรู้ความยิ่งใหญ่ของ Second Life มาก่อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยุค Metaverse ที่มีผู้เล่นขึ้นเวทีไปรออยู่แล้วหลายราย

ไม่ว่าจะเป็น Roblox และ Fortnite หรือ GTA V Roleplay โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Metaverse ที่เป็นผู้เล่นหลักนั่นเอง