8 ปี พิสดารพันลึก/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

 8 ปี พิสดารพันลึก

 

“ตีงูต้องตีให้ตาย มัดเสือต้องมัดให้แน่น” แต่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีกลับแคล้วคลาด รอดตาย ดิ้นหลุดมาได้ทั้ง 2 กรรม 2 วาระ จาก “ศึก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566” กับผลโหวต “รับหลักการ” ด้วยคะแนนเสียงมากถึง 278 ต่อ 194 แต้ม ฐานคะแนนทิ้งห่างกันหายห่วง 84 เสียง โดยไม่ต้องพึ่งบริการวุฒิสมาชิก ตามกรอบรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก

ตามด้วย “ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล” ยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน ตามช่องทางมาตรา 151 “สงครามครั้งสุดท้าย” ที่เพิ่งจบลงไปหมาดๆ

“ฝ่ายค้านร่วม” ปักหมุด ปูพรมถล่มป้อมค่าย 4 วัน 4 คืน มุ่งกระแทกกลางรุมกินโต๊ะ “บิ๊กตู่” คนเดียว 30 ชั่วโมง จากเวลาเต็ม 45 ชั่วโมง แต่สอบผ่านกันกราวรูด ทั้ง 11 รายที่ถูกจับขึ้นเขียง

เสียงออกมามากกว่ากึ่งหนึ่งจากจำนวน ส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภา เกิน 239 เสียง จากที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ 447 คน ตัว “พล.อ.ประยุทธ์” แม้จะโดนของหนัก น่าจะหามไปวัดมากกว่าใครเขาเพื่อน

แต่ได้คะแนน “ไว้วางใจ” นอนน้ำใสเข้าป้ายมาในลำดับที่ 3 เป็นรอง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รมว.สาธารสุข และรองนายกฯ และ “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม เพียงนิดหน่อยเท่านั้น

แม้จะแข็งแกร่งดุจผนังทองแดงกำแพงเหล็ก แต่ “ศึกซักฟอกครั้งที่ 4” รูดม่านลงด้วยความอัปยศอดสู มีเสียงสวดตามหลังมิต่างอะไรกับ “งานศพ” มีข่าวแจก “กล้วย” รับ “กล้วย” กันอึกทึกครึมโครม “สภา” อยู่ในมือคนดี บ้านเมืองก็มีความหวัง แต่ “ผู้แทนราษฎร” ตัวแทนปวงชน กลับถูกประณามว่านอกคอก ก่อพฤติกรรมน่ารังเกียจ ยอมศิโรราบทุกอย่างเพื่อแลกกับ “กล้วย” ภาพลักษณ์เลยย่ำแย่หนัก

ผ่าทางตันประสบชัยชนะมา 2 ศึก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังมีวิบากกรรมจอคอหอยและลูกกระเดือก พักเบรกแค่ไม่กี่วัน ต้องมีเรื่องให้ลุ้นระทึกอีกแล้ว กับปมร้อนๆ

ตามกรอบรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 ที่ระบุเอาไว้ว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นตำแหน่ง”

 

การตีความวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตามมาตรา 158 วรรคสี่ ทั้งนี้ โดยเจตนารมณ์ที่สำคัญของกรอบรัฐธรรมนูญตามหลักสากลทั่วโลก เพื่อป้องกันมิให้นายกรัฐมนตรีครองอำนาจ ผูกขาดอำนาจยาวนานเกินไป สร้างอิทธิพลทางการเมืองแบบผูกปีไม่มีที่สิ้นสุด จึงกำหนดกรอบไว้แค่ 8 ปี เท่ากับ 2 สมัยเลือกตั้ง

แต่กรณีของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มีที่ไปที่มาพิสดารพันลึก ไม่รู้จะพิจารณา หาความหมาย คำจำกัดความครบ 8 ปีตรงจุดไหน เพราะมาจากห้องเครื่อง 3 คาบช่วงเวลาด้วยกัน คือ

1. นับหนึ่งตั้งแต่วันเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จุดสตาร์ตของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือวันที่ 24 สิงหาคม 2557

2. นับหนึ่งจากวันประกาศใช้ธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2560 คือวันที่ 6 เมษายน 2560

3. นับหนึ่งตั้งแต่วันโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562

ทั้งนี้ หากลงเอยตามกฎข้อที่ 1 การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประยุทธ์” จะครบ 8 ปีเต็มในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ซึ่งเหลือเวลาสิ้นสุดลงอยู่เพียง 2 สัปดาห์กว่าๆ แล้วเท่านั้น

กรณีที่ลงตัวตามข้อ 2 จะครบ 8 ปีในวันที่ 6 เมษายน 2568 หมายความว่า หากสภาผู้แทนราษฎรถ่อสังขารไปได้ครบเทอมในอีก 8 เดือนข้างหน้า พรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด ยังไม่เข็ดขี้อ่อนขี้แก่ ส่งลงบัญชีชื่อนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และชนะเลือกตั้ง เสียงในสภาให้การสนับสนุนเกินครึ่ง “พล.อ.ประยุทธ์” จะได้เป็นเชนคัมแบ๊กอีกครั้ง ก็สามารถดำรงตำแหน่งได้เพียงครึ่งเทอม แค่ 2 ปีจบกลางกระดาน

หวยออกตามช่องทางที่ 3 อายุราชการนายกรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประยุทธ์” เริ่มนับหนึ่งจากวันที่ 9 มิถุนายน 2562 หากชนะเลือกตั้ง จะสามารถอยู่ต่อได้อีก 4 ปีเต็ม ไป “จบข่าว” เอาในเดือนมิถุนายน 2570

ปัจจุบัน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อายุ 69 ปี หากได้ต่อวีซ่า ตามข้อ 2 ได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ อีก 2 ปี ก็เข้าข่ายผู้สูงวัย 71 ปี จะพ้นตำแหน่ง และกรณีหวยไปอีกช่องทางที่สาม “บิ๊กตู่” สามารถลากสังขารอันไม่เที่ยงต่อไปได้อีก 4 ปี แก่ง่อมด้วยวัย 73 ปี

ทุบสถิติทางการเมืองราพณาสูรได้หลายด้านด้วยกัน อาทิ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ที่อยู่ในตำแหน่ง 8 ปี มากกว่า “จอมพลถนอม กิตติขร” ที่อยู่ในตำแหน่ง 11 ปี

จะเป็นรองก็แค่จอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประเทศไทย 15 ปี

ประเด็นที่น่าจับตาคือ จะมีการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีของ “พล.อ.ประยุทธ์” ก่อนหรือหลังวันที่ 23 สิงหาคม 2565

จับอาการเคลื่อนไหวทุกองคาพยพแล้ว น่าจะยื่นหลังครบกำหนด ให้เข้าข่าย “เกิดเหตุ” ขึ้นเสียก่อน เพราะหากไปยื่นก่อนวันครบกำหนด “ศาล” อาจจะไม่รับคำร้อง เพราะยังไม่เกิดเหตุ

สำหรับ พรรคเพื่อไทย คู่ปรับตัวกลั่นของ “บิ๊กตู่” หัสเดิมออกลูกลังเล จะตีกรรเชียงรักษาเชิง ไม่เป็นผู้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เกรงว่าหากเป็นผู้ยื่น เมื่อคำวินิจฉัยเสร็จสิ้น ผลลงเอยตามช่องทางที่ 2 หรือ 3 เท่ากับว่า “พล.อ.ประยุทธ์” สามารถตีกรรเชียงต่อไปได้ ไม่ 2 หรือ 4 ปีก็ตาม เหมือนกับไปช่วย “ฟอกขาว” ให้ “บิ๊กตู่” เสียแล้วเปล่าโดยใช่เหตุ

แต่การเมืองมันมีได้มีเสีย ไม่ยื่นเองก็เสียรังวัด ดังนั้น “เข้าข่าย” เกิดเหตุขึ้นแล้ว หลังวันที่ 23 สิงหาคม จะเดินทางไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญทันที ตอนนี้ชงคำร้องไว้พร้อมสรรพ

ปลายเดือนสิงหาคม ปรอทการเมืองเดือดอีกครั้งครับพี่น้อง