ผู้นำแห่งการล้มล้าง/เหยี่ยวถลาลม

เหยี่ยวถลาลม

 

ผู้นำแห่งการล้มล้าง

 

ทุกวันนี้ ถนนทุกสายไม่ได้มุ่งไปสู่การแก้ปัญหาของชาวบ้าน ที่เห็น เป็นการแก้ผ้าเพื่อเอาหน้ารอดในสถานการณ์ที่ศรัทธาเสื่อมทราม ระบบอำนาจนิยมไม่ได้ดำรงอยู่เพื่อเกื้อกูลชนชั้นล่าง ถึงอย่างไรผู้มีอำนาจทางการเมืองที่ไม่ได้มาจาก “มือ” ของชาวบ้านก็จะถนอมน้ำใจนายทุนเจ้าสัวมากกว่ารู้ร้อนรู้หนาวกับชีวิตความเป็นอยู่ผู้คนส่วนใหญ่

ความจริงข้อนี้ดูได้จากปรากฏการณ์ “ประจำวัน” ซึ่งจะเห็นชนกลุ่มหนึ่งที่หรูหรา สุขสบาย รุ่มรวยด้วยบารมี อิทธิพล อุดมสมบูรณ์ด้วยอภิสิทธิ์ชนิดตะวันไม่ตกดิน ต่างกันราวฟ้ากับเหวกับชนส่วนใหญ่ที่ถูกความจนรุมล้อมความเดือดร้อนกัดกิน

ท่ามกลางความยากลำบากกันถ้วนหน้านี้ ข่าวสด ออนไลน์ พาดหัว!

“อนุ กมธ.มึน -กลาโหม แจงงบซื้อฟูก เสื้อผ้า หมาพันธุ์ เป็นเรื่อง ลับมาก และห้ามเปิดเผย”

พอเปิดซองเอกสาร “กลาโหม” เท่านั้น ทุกคนถึงกับ “ผงะ”!

รายการที่ “ลับมาก” และ “ห้ามเปิดเผย” จากกลาโหม คือที่นอนหมอนมุ้ง เครื่องสนาม ตู้เหล็ก โครงเหล็ก สุนัขหรือหมาพันธุ์เยอรมันเชฟเพิร์ด อัลเซเชียน ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ กับการจัดซ่อมรถแบ๊กโฮ รถบด รถน้ำ และรถโฟล์กลิฟต์ยกของ

 

 

ก่อนหน้านั้น “จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์” ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ก็ออกมาตีแผ่งบฯ หรู

ขอซื้อ “พัดยศ 16 ล้านบาท” กับ “เบนซ์หรู” รุ่น S 500e AMG Premium ราคา 8 ล้านบาทให้ “ประธานศาลรัฐธรรมนูญ”

ยังมีที่ฮาโหด! จากโพสต์เฟซบุ๊กของอาจารย์ธงทอง จันทรางศุ

เรื่องเริ่มจากคุณสมชัย ศรีสุทธิยากร กมธ.งบประมาณ ประสงค์ขอทราบ “เงินตอบแทนพิเศษ” ของนายทหารระดับ พ.อ. (พิเศษ) ขึ้นไปจนถึงนายพล ว่ามีอัตราจ่ายกันอย่างไร มีจำนวนกี่ราย และรวมเป็นเงินเท่าไหร่ จนลามไปถึงกรณีที่ทุกเหล่าทัพเช่า “เบนซ์หรู” S500 และ S400 ให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูง 36 คน เช่น ปลัดกลาโหม รองปลัดกลาโหม ผบ.เหล่าทัพ และที่ปรึกษากองทัพ เป็นต้น

ได้รับคำชี้แจงจากกลาโหมว่า “นั่นไม่ใช่รถประจำตำแหน่ง แต่เรียกว่า รถควบคุมการสั่งการ”

“ธงทอง จันทรางศุ” กูรูด้านบริหารทั้งการบ้านการเมือง นั่งขำปอดโยกอยู่คนเดียวไม่ไหว จึงโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า

“รถควบคุมสั่งการ ฮา! สงสัยจะยิงจรวดปรมาณูจากในรถได้”!!

 

ชนชั้นหรูผู้คุ้นชินอยู่กับความสุขสบาย “รับรู้ได้” ว่าประเทศชาติอยู่ในภาวะลำบาก มีหนี้สินล้นพ้นตัวอาจต้องชดใช้กันอีกชั่วคน แต่ความต้องการของข้าฯ ต้องมาก่อนความเดือดร้อนของประเทศ

บอกตามตรงในฐานะเป็น “เจ้าของเงิน” คนหนึ่ง มีความยินดีที่จะจ่ายเงินเดือนสูงๆ ให้กับผู้พิพากษามากกว่าเบนซ์หรู พัดยศฮา

“เงินเดือนผู้พิพากษา” ไม่มีข้อความกำกับว่า ลับมาก ลับที่สุด หรือห้ามเปิดเผย ไม่มีความยอกย้อนซ่อนเงื่อน เหมือนการจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทธภัณฑ์ของกองทัพ

กล่าวในภาพรวม องค์กรศาล จะทำอะไรต้องเปิดเผย โอ่อ่า และองอาจ ไม่ค่อยมีให้เห็นที่ขี้ขลาด แต่แอ๊กอ๊าต เดินกร่าง กางแขนกางขา ท่าทางพร้อมจะเกรี้ยวกราดใส่คนรอบข้าง

ผู้พิพากษาถูกสร้างให้ไม่ลุแก่อำนาจ ให้เคารพความเห็นต่างกันแล้วถกกันด้วยปัญญา ไม่ใช้กำลังและอาวุธตัดสิน

ในฐานะ “เจ้าของเงิน” คนหนึ่งยินดีจ่ายค่าจ้างผู้พิพากษาด้วยราคาดีๆ เพื่อให้ท่านมีฐานที่มั่นคงแข็งแรง สามารถดำเนินชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องไปง้อใคร เพียงแต่ขอให้ทำหน้าที่อย่างยุติธรรม ตรงไปตรงมา สง่างาม เป็น “เสาหลัก” ให้กับกระบวนการยุติธรรม

ลบให้สิ้นเสียงนินทา สองมาตรฐาน หรือหลายมาตรฐาน!

แต่จะรู้สึกผิดหวังและเซ็งเป็นอันมาก ถ้าหากเจ้าของเงินถูกปล้น แล้วมี “บางคน” ทัศนคติผิดเพี้ยน เห็นผิดเป็นชอบ

ปล้นเป็นถูก – ถูกปล้นเป็นผิด!!

“ผู้กระทำความผิด” ได้ทั้งคฤหาสน์ทั้งสมบัติ คนที่ถูกปล้นตกทุกข์ได้ยาก มีฐานะกลับกลายเป็นคนที่ต้องได้รับการช่วยเหลือเยียวยา

ภาษีทั้งหลายที่เก็บเอาไปจากธุรกิจค้าขายและหยาดเหงื่อแรงงานนั้นเป็น “เงินแผ่นดิน” ควรต้องใช้ด้วยความรับผิดชอบ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ชนชั้นใดหมายจะจับจอง

 

แต่ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นผู้นำพากองทัพเข้าสู่การเมือง และทำตัวเป็น “ทหารการเมือง” อย่างเปิดเผยอย่างทุกวันนี้ ระบอบ “กึ่งทหารกึ่งพลเรือน” ทำให้ระบบความคิดและแนวทางการประพฤติบิดเบี้ยว

ไม่ว่าจะพยายามโฆษณาชวนเชื่อกันอย่างไร ระบอบนี้ยิ่งดำรงนานไป “ทหารการเมือง” จะสร้างทัศนคติที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ

ในจอทีวีเมื่อวันก่อน

ปรากฏภาพชายหนุ่มหน้าจืดคนหนึ่ง ยืนแถลงถึง “8 ปี ประยุทธ์” ว่าเป็นผู้มีผลงานโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทุกด้านทั้งทางบก ทางราง และทางอากาศ

ประยุทธ์สร้างทางด่วนเชื่อมระหว่างจังหวัดเกือบ 10 เส้นทาง ประยุทธ์สร้างรถไฟฟ้าใน กทม.ให้เชื่อมเข้าด้วยกัน ประยุทธ์กับทำสัญญาก่อสร้างทางรถไฟต่อเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน สร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางแรกสู่โคราช (ยังไม่ปรากฏ) กับทางอากาศ เชื่อมต่อดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา

แต่การสื่อสารน่าจะล้มเหลว “ไม่มีสัญญาณตอบรับ”!

คนไทยไม่ได้กินแกลบ!

ถ้าไม่จุดไฟและสมคบคิดกันก่อรัฐประหารเมื่อ “22 พฤษภาคม 2557” คนไทยจะได้นั่งรถไฟความเร็วสูงกันตั้งแต่ปี 2563

แผน “สร้างอนาคตไทย 2020” หรือยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ของประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นเวลานั้น ไม่ใช่แค่ “โคราช” แต่ทุกทิศทุกทาง

สายเหนือ จากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ สายอีสาน-ผ่านโคราช ทะลุถึงหนองคาย ปักษ์ใต้-หัวหิน ไปจนถึง “ปาดังเบซาร์” สายตะวันออก กรุงเทพฯ-ระยอง ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก

รถไฟความเร็วสูงเชื่อมและสร้าง “พื้นที่เศรษฐกิจ” ให้กับอีก 29 จังหวัดที่ตัดผ่าน ไม่ใช่แค่ “10” ดังที่ “โทรโข่ง” ประยุทธ์ผุดขึ้นมาด้วยนัยน์ตาที่เหม่อลอย

แต่ “คนหยิบมือเดียว” สมคบคิดกันจุดไฟ!

จนในที่สุดมติจากศาลรัฐธรรมนูญก็ชี้ว่า “ให้ถนนลูกรังหมดไปจากประเทศไทยก่อน รถไฟความเร็วสูงยังไม่มีความจำเป็น”

ถ้าตั้งใจจะรักษาระบบ และเคารพหลักการ “รัฐประหาร” หรือการล้มล้างการปกครองด้วยกำลังพลรบและอาวุธของกองทัพ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย!?!!