ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 สิงหาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ล้านนาคำเมือง |
เผยแพร่ |

อ่านเป็นภาษาล้านนาว่า “ฟ้อนนกกิงกะหล่า”
คำว่า “กิงกะหล่า” เป็นคำในภาษาไทยใหญ่
กลายเสียงมาจากภาษาบาลีคือคำว่า “กินนร” หรือ “กินรา”
มีความหมายว่า เป็นอมนุษย์ในนิยาย มีลักษณะครึ่งคนครึ่งนก
การฟ้อนนกกิงกะหล่า สะท้อนเอกลักษณ์ ความเชื่อตามวัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยใหญ่ ที่ศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า โดยเฉพาะวันออกพรรษาหรือ “ออกหว่า” เชื่อกันว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายจึงมีความยินดียิ่ง ออกมาร่ายรำอย่างสวยงาม เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
ปัจจุบัน หลายจังหวัดในภาคเหนือมีคนไทยใหญ่พักอาศัยอยู่จำนวนมาก และนำวัฒนธรรมและการแสดงของตนมาด้วย
จึงพบเห็นการแสดงฟ้อนนกกิงกะหล่าในงานมงคลต่างๆ อย่างกว้างขวาง
สําหรับการจัดทำ “ตัวนก” นั้น มีส่วนประกอบ 3 ส่วน คือ ปีก หาง และลำตัว
เฉพาะปีกและหางทำด้วยไม้ไผ่หรือหวาย แต่ละส่วนจะทำเป็นโครงก่อนแล้วนำผ้าแพรสีต่างๆ ติดหุ้มโครง และใช้กระดาษสีตัดเป็นลวดลายตกแต่งให้สวยงาม
จากนั้นนำมาประกอบกันโดยใช้ยางรัด เชือกหรือหวายรัดให้แน่น พร้อมทำเชือกโยงบังคับปีกและหางสำหรับดึงให้กระพือปีก และแผ่หางได้เหมือนนก
ส่วนลำตัวผู้ฟ้อนจะใส่เสื้อผ้าสีเดียวกับปีกและหาง ส่วนของศีรษะ อาจโพกผ้าหรือสวมหมวกยอดแหลมหรือสวมหน้ากาก แล้วแต่ความนิยมของแต่ละท้องถิ่น
เมื่อแสดง ท่าร่ายรำของนกกิงกะหล่านั้น จะเป็นการเลียนแบบอากัปกิริยาของนก เช่น การขยับปีก ขยับหาง ท่าเตรียมบิน อวดปีก เล่นน้ำ กระโดดโลดเต้น ซึ่งเป็นไปตามจังหวะของกลอง มีการขยับส่วนมือ ส่วนเท้าอย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว คล้ายกิริยาของนกในธรรมชาติ
บางครั้งจะแสดงคู่ชายหญิงโดยสมมุติเป็นตัวผู้และตัวเมียด้วย
การแสดงฟ้อนกิงกะหล่านิยมแสดงร่วมกับสัตว์ที่สมมุติกันว่าเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์อีกชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “โต” เป็นสัตว์สี่เท้า ส่วนหัวมีลักษณะคล้ายเลียงผา มีขนยาวปุกปุย ปากออกแบบให้ขยับและคาบสิ่งของได้
ผู้ชมที่ชื่นชอบการแสดงจึงนิยมนำธนบัตรมาส่งให้โตคาบไว้ที่ปาก เพื่อเป็นสินน้ำใจ
ในการแสดงโตนั้น ใช้ผู้ชาย 2 คนสวมอยู่ด้านใน คนหนึ่งเชิดทางหัว อีกคนเชิดทางหาง คล้ายการเชิดสิงโตของจีน สำหรับเครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบจะนิยมวงกลองก้นยาว (ปูเจ่) ตีประกอบจังหวะและใช้ท่วงทำนองหน้ากลองเป็นสิ่งที่กำหนดท่ารำ
นอกจากใช้วงกลองก้นยาวแล้ว ยังพบว่าบางครั้งมีการใช้วงกลองมองเชิง รวมถึงการใช้ฆ้องราว อันเป็นอัตลักษณ์ของชาวไทยใหญ่ ที่เรียงตัวกันจากขนาดใหญ่ไปหาเล็ก นักดนตรียกไม้ตีเพียงครั้งเดียว จะได้เสียงฆ้องครบทุกขนาด และบางทีก็มีฉาบร่วมด้วย
การแสดงฟ้อนนกกิงกะหล่ามีความสำคัญทางวัฒนธรรม ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลัง โดยผ่านการแสดงท่วงท่า การแต่งกาย เส้นสายของหัตถกรรม
บ่งบอกถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ วัฒนธรรม อันเป็นอัตลักษณ์ของชาติพันธุ์อย่างชัดเจน •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022