ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | ประชาชนของจริงอยู่นอกสภา

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ประชาชนของจริงอยู่นอกสภา

คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นที่รักของประชาชน

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทั้งที่คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่คนรังเกียจจนต้องปิดการแสดงความเห็นในเพจ คุณประยุทธ์กำลังจะเป็นนายกฯ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ 4 ปี สวนทางคำวิจารณ์หลังเลือกตั้งปี 2562 ว่าคุณประยุทธ์จะพังตั้งแต่ปีแรกที่ตั้งรัฐบาล

อาจมีผู้โต้แย้งว่าเร็วไปที่จะสรุปว่าคุณประยุทธ์จะอยู่จนครบวาระ 4 ปี แต่ในเมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายจบด้วยชัยชนะของฝ่ายรัฐบาล โอกาสที่สภาจะตรวจสอบคุณประยุทธ์จึงมีแค่การตั้งกระทู้และญัตติ อุปสรรคในสภาที่จะทำให้คุณประยุทธ์หลุดตำแหน่งจึงแทบไม่มีเลย

ด้วยอายุขัยของรัฐบาลที่เหลือไม่นาน การจัดม็อบขับไล่รัฐบาลเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต่อไปอีก

ส่วนความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่มีวี่แววว่าจะระเบิดจนแตกหัก

เช่นเดียวกับความขัดแย้งภายในกลุ่ม 3 ป.ที่ก็ไม่มีสัญญาณว่าจะเผชิญหน้าถึงขั้นทำลายรัฐบาลชุดนี้ลงไป

แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะแสดงให้เห็นร่องรอยความขัดแย้งของกลุ่มก๊วนต่างๆ ในพลังประชารัฐ, ในคณะรัฐมนตรี และระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่ความขัดแย้งเกือบทั้งหมดก็มีขอบเขตจำกัดจนไม่มีทางทำให้รัฐบาลแตก โดยเฉพาะในเวลาที่อีกไม่นานจะมีการพิจารณางบประมาณประจำปี

สำหรับพรรคการเมืองที่รู้ว่าต้องมีการเลือกตั้งภายในเดือนมีนาคม 2566 อำนาจควบคุมงบประมาณปีนี้คือโอกาสสุดท้ายในการเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งครั้งถัดไป และสำหรับนักการเมืองสายพันธุ์ที่อยู่ด้วยการกอบโกย การมีตำแหน่งกรรมาธิการงบประมาณคือเวลาทองของการทำมาหากิน

ต่อให้ 6 ส.ส.กลุ่มปากน้ำจะไม่พอใจที่คุณสุชาติ ชมกลิ่น ได้เป็นรัฐมนตรี

ต่อให้ ส.ส.ภาคใต้พลังประชารัฐไม่พอใจที่ไม่ได้ตำแหน่งอะไร และต่อให้ประชาธิปัตย์จะโกรธที่ชาติไทยพัฒนาไม่ลงมติไว้วางใจคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แต่ก็ไม่มีทางที่ใครจะแยกทางจากรัฐบาลจนเสียโอกาสคุมงบประมาณอย่างแน่นอน

ถ้าไม่มีความเปลี่ยนแปลงหรือการต่อต้านทางการเมืองที่ดุเดือดกว่าปี 2563 โอกาสที่คุณประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ถึงเอเปคก็อยู่ที่ระดับ 99.99%

ส่วนโอกาสจะเป็นนายกฯ ยาวถึงเดือนมีนาคมก็อยู่ระดับ 99.89% หรือพูดง่ายๆ คือคุณประยุทธ์กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่อำนาจการเมืองควบแน่นในมืออย่างสมบูรณ์

คุณประยุทธ์ประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าชัยชนะในสภาคือภาพสะท้อนว่าประชาชนยอมรับรัฐบาล ซ้ำนอกจากคุณแรมโบ้และลูกน้องคุณประยุทธ์ที่โม้แบบนี้อย่างไม่อาย พรรคร่วมรัฐบาลก็ประกาศแบบนี้เหมือนกันหมด ต่อให้การลงประชามติของประชาชนจะสวนทางกับสภาสิ้นเชิงก็ตาม

คุณประยุทธ์ทำให้การเมืองไทยเป็น 1 ประเทศ 2 ระบบ

ระบบแรก คือการเมืองในสถาบันการเมืองที่เป็นทางการ คุณประยุทธ์เขียนกติกาให้ตัวเองเป็นฝ่ายชนะตลอดเวลาในระบบนี้

ส่วนการเมืองระบบที่สอง คือการเมืองในสื่อและพื้นที่สาธารณะต่างๆ ที่ประชาชนเกือบทั้งหมดหันหลังให้รัฐบาล

ด้วยความย่ามใจในกติกาที่เขียนให้ตัวเองเป็นผู้ชนะอยู่เพียงฝ่ายเดียว คุณประยุทธ์ลุแก่อำนาจจนทำให้ระบอบการเมืองเป็นเครื่องมือรองรับความเป็นใหญ่ของคุณประยุทธ์

และในที่สุดวิวัฒนาการเป็นระบบการเมืองที่ไม่ฟังใครเลยนอกจากคุณประยุทธ์และคนที่คุณประยุทธ์อยากฟังไม่กี่คน

มักพูดกันว่าคุณประยุทธ์ไม่ฟังประชาชน แต่ที่จริงต้องระบุว่าคุณประยุทธ์ไม่ฟังแม้กระทั่ง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่ยกมือหนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ด้วย

พรรคปัดเศษและกลุ่ม 16 จึงต้องรวมตัวเพื่อกดดันให้คุณประยุทธ์เห็นหัวบ้างหลายต่อหลายครั้ง เช่นเดียวกับ ส.ส.กลุ่มปากน้ำช่วงที่ผ่านมา

ภาพคุณกรุงศรีวิไล สุทินเผือก กราบเท้าคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นภาพน่าสังเวช แต่คำอธิบายของคุณกรุงสะท้อนความน่าสังเวชของระบบที่ทำให้คุณกรุงทำแบบนั้น เพราะคุณกรุงระบุว่ากราบขอตำแหน่งรัฐมนตรีให้ 6 ส.ส.กลุ่มปากน้ำแบบคุณสุชาติ และขอให้ประวิตรคุมมหาดไทยแทนอนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ขออะไรไม่ได้เลย

แม้การกระทำของคุณกรุงจะเป็นการกราบเท้า แต่นัยยะของการกระทำทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่หัวหน้ารัฐบาล

สองมือคุณกรุงที่ก้มกราบแทบเท้าคุณประวิตรจึงเป็นลูกศรพุ่งไปยอดอกคุณประยุทธ์ หรือพูดตรงๆ คือคุณกรุงชี้เป้าว่าคุณประยุทธ์อุ้มคุณอนุพงษ์, อุ้มคุณสุชาติ และไม่ปรับคณะรัฐมนตรี และพูดให้ตรงยิ่งขึ้น คุณกรุงโจมตีว่าคุณประยุทธ์ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในรัฐบาล

ไม่มีใครเชื่อว่าคุณกรุงกราบเท้าเพื่อเปิดศึกใหญ่ขนาดนี้ด้วยตัวเอง

ส่วนคุณประวิตรจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ และแค่ไหนนั้นไม่มีใครรู้

แต่ที่แน่ๆ คือคุณอนุพงษ์และคุณสุชาติเป็นพวกประยุทธ์ยิ่งกว่าประวิตร การเคลื่อนไหวแบบนี้จึงสะท้อนว่าคุณประยุทธ์ไม่ฟังใคร แม้แต่คุณประวิตรเอง

 

ชัยชนะของรัฐบาลตอกย้ำว่าคุณประยุทธ์คือศูนย์กลางจักรวาลการเมือง คุณจุติ ไกรฤกษ์ ที่มีข่าวย้ายไปพรรครวมไทยสร้างชาติของคุณประยุทธ์จึงได้คะแนนโหวตสูงเหลือเชื่อ, คุณจุรินทร์ที่ไม่ใช่พวกประยุทธ์ได้คะแนนบ๊วยอย่างไม่มีใครคิด ส่วนกลุ่มอี่นไม่ได้อะไรนอกจากมีหน้าที่โหวตตามใบสั่งรัฐบาล

ด้วยการสร้างระบอบที่ไม่ฟังแม้พวกเดียวกัน คุณประยุทธ์ทำให้ตัวเองเป็นเป้าของความไม่พอใจจากทุกฝ่ายไปหมด ฝ่ายประชาธิปไตยรังเกียจคุณประยุทธ์ตั้งแต่ปี 2557, ฝ่ายต้านประชาธิปไตยไม่พอใจที่คุณประยุทธ์ฟังแต่ลิ่วล้อ และฝ่ายลิ่วล้อไม่พอใจที่คุณประยุทธ์พร้อมเปลี่ยนลิ่วล้อตลอดเวลา

คุณประยุทธ์สร้างระบอบที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความตึงเครียดระหว่างทุกฝ่ายในระบอบ และถึงแม้ตัวระบอบจะทำให้คุณประยุทธ์เป็นศูนย์กลางของจักรวาลการเมือง แต่จำนวนคนที่ไม่พอใจคุณประยุทธ์ก็เยอะไปหมด หรืออีกนัยคือการล้มคุณประยุทธ์เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายโดยตรง

ด้วยวิธีบริหารประเทศแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ คนกลุ่มเดียวที่ไม่หือไม่อือกับคุณประยุทธ์คือข้าราชการ 8 ปีของคุณประยุทธ์เป็น 8 ปีแห่งการปรนเปรอข้าราชการจนไม่มีใครวิจารณ์คุณประยุทธ์สักแอะ ถึงแม้คุณประยุทธ์จะถูกมองปรนเปรอกระบวนการยุติธรรมและทหารเหนือกว่าข้าราชการกลุ่มอื่นอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม

พรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการมักโจมตีคุณประยุทธ์ว่าเป็นพวก “โหน” และถึงแม้ว่าการโจมตีข้อหานี้จะร้ายแรง คุณประยุทธ์กลับไม่เคยปฏิเสธข้อหานี้เหมือนปฏิเสธข้อหาอื่นๆ จนมีคนจำนวนมากเชื่อว่าคุณประยุทธ์โหนเพื่อปกป้องความอยู่รอดทางการเมืองของตัวเองจริงๆ

ภายใต้ความขัดแย้งและความตึงเครียดระหว่างพวกเดียวกันที่ลุกลามขั้นเครือข่ายคุณประวิตรต้องยึดตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยจากคุณอนุพงษ์ คำถามที่คุณประยุทธ์ต้องคิดคือการ “โหน” ดังกล่าวจะปกป้องคุณประยุทธ์จากปัญหาที่คุณประยุทธ์สร้างเองได้หรือไม่

และอีกนานแค่ไหน

โดยปกติแล้วอายุของรัฐบาลคือภาพสะท้อนความเป็นปึกแผ่นทางอำนาจของชนชั้นนำและความยอมรับของประชาชน

แต่ในกรณีของคุณประยุทธ์ ความเป็นปึกแผ่นทางอำนาจเริ่มมีรอยร้าวถึงจุดที่กลุ่ม 3 ป.แย่งอำนาจกันเอง ไม่ต้องพูดถึงความไม่ยอมรับของประชาชนที่ยิ่งนานยิ่งทะลุเพดาน

สำหรับรัฐบาลแบบนี้ การสร้างความนิยมในประชาชนเป็นเรื่องยากจนไม่ต้องพูดกัน ทางรอดของรัฐบาลวางอยู่บนการกระชับอำนาจให้รวมศูนย์ที่ผู้นำเพื่อปิดปากพวกเดียวกันให้มากที่สุด แต่ทันทีที่คุณกรุงกล้าท้าทายคุณประยุทธ์ โอกาสที่คุณประยุทธ์จะปิดปากพวกเดียวกันได้ก็แทบไม่เหลือเลย

เส้นทางสู่การรักษาอำนาจรัฐของคุณประยุทธ์ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คนเชื่อกัน ถึงแม้การเมืองหลังศึกอภิปรายจะนิ่งเพราะไม่มีช่องทางเปลี่ยนแปลงในสภา

แต่ความคุกรุ่นในระบบจะพวยพุ่งจากพวกเดียวกันที่อึดอัดกับรัฐบาลทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้อะไรเลยจากรัฐบาล

แม้คุณประยุทธ์จะประสบชัยชนะในการรักษาอำนาจจากคนที่เห็นต่างจากรัฐบาล แต่พวกเดียวกันที่กล้าเผชิญหน้ากับคุณประยุทธ์มีตั้งแต่คุณธรรมนัส พรหมเผ่า, กลุ่มปากน้ำ หรือแม้แต่คุณประวิตร และยิ่งนานคนเหล่านี้ก็ยิ่งประจานให้สังคมเห็นว่าคุณประยุทธ์เป็นเพียงทหารการเมืองน้ำเน่าธรรมดาๆ

คุณประยุทธ์กำลังเดินหน้าสู่วาระสุดท้ายที่พันธมิตรของคุณประยุทธ์เรียวแคบลงเรื่อยๆ ขณะที่ศัตรูของคุณประยุทธ์มีแต่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีทางลดลงเลย

การเช็กบิลรัฐบาลครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถึงแม้รัฐบาลจะกลัวแพ้เลือกตั้งจนไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งใหม่ในระยะใกล้อย่างแน่นอน