ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 กรกฎาคม - 4 สิงหาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์
นพมาส แววหงส์
OFFICIAL COMPETITION
‘เชือดเฉือน’
กำกับการแสดง
Mariano Cohn และ Gaston Duprat
นำแสดง
Penelope Cruz
Antonio Banderas
Oscar Martinez
Jose Luis Gomez
Official Competition เป็นหนังคอเมดี้แบบเสียดสี เนื้อหาซีเรียสแต่เรียกเสียงฮาอันน่าดูยิ่งจากสเปน-อาร์เจนตินา
นำแสดงโดยนักแสดงเจ้าบทบาทชั้นแนวหน้าสามคน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฮอลลีวู้ดและทั่วโลก ทั้งเพเนโลปี ครูซ อันโตนิโอ บันเดราส และออสการ์ มาร์ติเนซ
และหนังทั้งเรื่องเป็นเวทีให้ทั้งสามเชือดเฉือนบทบาทกันอย่างถึงพริกถึงขิง ถึงแก่นแห่งอารมณ์หรือสันดานดิบอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์
หนังเปิดเรื่องที่มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยล้นฟ้า ฮุมแบร์โต ซูอาเรซ (โฮเซ ลุยส์ โกเมซ) ในวัยแปดสิบปี ผู้ได้รับของขวัญวันเกิดจากที่ต่างๆ และกำลังครุ่นคิดรำพึงรำพันถึง “อนุสรณ์อันยั่งยืน” ที่เขาจะทิ้งไว้เบื้องหลังให้โลกจดจำรำลึก
ซูอาเรซนึกจะสร้างสะพานข้ามแม่น้ำที่ใช้ชื่อของเขาเรียกขานและยกให้แก่รัฐบาลเพื่อใช้งานเป็นสาธารณสมบัติของอนุชนรุ่นหลังต่อไป
แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์จากนวนิยายที่ได้รับรางวัลมาสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยใช้ทีมงานสุดยอดฝีมือของวงการธุรกิจบันเทิง และหมายตาถึงรางวัลใหญ่ๆ ในโลกภาพยนตร์
แรกทีเดียวก็ด้วยการทาบทามผู้กำกับฯ สาวไฟแรงและร้อนแรงชื่อดัง โลลา กูเอเวซ (เพเนโลปี ครูซ) มากำกับฯ
ฉากการพบปะพูดคุยกันระหว่างมหาเศรษฐีกับศิลปินผู้กำกับหนัง ก็จี้เส้นมากแล้วล่ะสำหรับคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางของวงการอยู่บ้าง และมองเห็นความแตกต่างของโลกของนักธุรกิจระดับหมื่นล้านกับโลกของศิลปินผู้ทุ่มเทชีวิตจิตใจเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะชิ้นโบแดง
ซูอาเรซขอให้โลลาเล่าเรื่องราวในนิยายที่เขาเพิ่งจะซื้อลิขสิทธิ์มาสร้างหนังให้ฟัง โดยสารภาพว่าเขาลงทุนซื้อลิขสิทธิ์มาโดยไม่เคยได้อ่านหนังสือหรอก
โลลาซึ่งมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา สรุปข้อใหญ่ใจความให้ฟังว่านวนิยายเป็นเรื่องราวของการแข่งขันระหว่างพี่ชายน้องชาย ซึ่งตั้งแง่และเป็นคู่อริกันมาโดยตลอด ถึงขั้นที่พี่ชายส่งน้องชายไปเข้าคุกเพื่อดัดสันดานจากการที่เมาขับรถจนเป็นเหตุให้พ่อแม่เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางถนน
และเมื่อน้องชายพ้นโทษออกมา พี่ชายก็ยังตามราวีไม่ยอมเลิกโดยแย่งชิงผู้หญิงของน้องชายไปครอบครอง จนเกิดเรื่องเกิดราวเชือดเฉือนกันต่อมาอีก…
แต่เรื่องราวจะจบลงอย่างไรนั้น โลลาไม่ได้เล่าชัดเจน ทิ้งไว้ให้เป็นปริศนาในใจของทั้งนายทุนและคนดู
ในการนี้โลลาคัดเลือกทีมงานและนักแสดงชื่อดังสองคนมานำแสดงในภาพยนตร์ สวมบทบาทของพี่ชายน้องชายคู่นี้
โดยให้อิวาน ตอร์เรส (ออสการ์ มาร์ติเนซ) ครูสอนการแสดงผู้มีชื่อเสียงในวงการละครเวที มาเล่นบทพี่ชาย และให้เฟลิกซ์ ริเวโร (อันโตนิโอ บันเดราส) ดาราหนังแอ๊กชั่นผู้โด่งดัง มาเล่นบทน้องชาย
ก่อนการถ่ายทำ โลลาจัดให้มีการซ้อมระหว่างนักแสดงทั้งสองเป็นเวลาเก้าวัน โดยใช้อาคารอันโอ่โถงสวยงามของมหาเศรษฐีเป็นสถานที่ซ้อมและฉากหลัง
การแข่งขันของนักแสดงผู้เด่นดังในทางของตัวเอง เริ่มคุกรุ่นตั้งแต่แรก และยิ่งชิงดีชิงเด่นกันเมื่อผู้กำกับฯ พยายามสรรหาเทคนิควิธีการมาสร้างบรรยากาศความเป็นอริต่อกันและกัน
เริ่มด้วยการอ่านบท เมื่ออิวานเริ่มเข้ามาและเอ่ยทักว่า “สวัสดี” โลลาก็ขอให้พูดคำนั้นอีกทีและยังไม่พอใจกับการตีความบริบทของอิวาน อิวานต้องพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่นับไม่ถ้วนครั้ง จนกว่าโลลาจะพอใจกับการเอ่ยคำ “สวัสดี” ของเขา…ซึ่งฟังโดยรวมก็ไม่ต่างอะไรจากการพูดหนแรก
ส่วนเฟลิกซ์ ผู้ “กร่าง” ในความเป็นดาราหนังยอดนิยมที่ทำเงินและได้รางวัลการแสดงมามากมาย บอกว่าเขาไม่ต้องเตรียมตัวตีบทบาทอะไรหรอกก่อนหน้าการแสดง เขาแค่พูดไปตามบทที่เขียนมาให้ จับอารมณ์และสื่อสารให้ถูกต้องก็พอ
เมื่อเขาเล่นบทคนเมาหลังจากเกิดอุบัติเหตุรถชนเป็นเหตุให้พ่อแมเสียชีวิต โลลาก็ขอให้เขาเล่นซ้ำๆ โดยบอกให้แบ่งระดับความเมาจาก 1 ถึง 10 และเล่นเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามคำขอของผู้กำกับฯ…ซึ่งเฟลิกซ์ก็ทำตามอย่างงงๆ
เราอยู่กับการซ้อมของผู้กำกับฯ กับนักแสดงทั้งสอง ด้วยการจัดสภาพการณ์กดดันในนักแสดงต่างๆ นานา เช่น ให้ซ้อมบทโดยนั่งอยู่ใต้ก้อนหินขนาดมหึมาที่ใช้เครนยกลอยอยู่ เป็นต้น และสภาพการณ์นี้ก็ลงเอยด้วยสิ่งที่กลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิงแบบที่ทำให้ทุกคนอ้าปากค้างเลยเชียว
มีฉากเกี่ยวกับการที่ผู้กำกับฯ ขอให้นักแสดงนำรางวัลที่ตนภาคภูมิใจเข้ามาอวดในการซ้อม และกดดันและทรมานใจนักแสดงไปจนสุดขั้วอย่างเหลือเชื่อเลยล่ะ…นอกจากอ้าปากค้างแล้วยังถึงขั้นตาเหลือกตาค้างไปเลยทีเดียวเจียว
เชื่อว่าถ้าไม่บ้าจนได้ที่แล้ว คงไม่มีใครทำกันได้ขนาดนั้นแน่
ในการซ้อมก่อนถ่ายทำ โลลาเล่นเกมป่วนสมองต่างๆ นานากับนักแสดง เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาสมจริง ตามแนวทางการแสดงสุดโต่งบางรูปแบบ
จนในที่สุดก็โดนนักแสดงย้อนรอยเอาคืนบ้าง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นฝีมือการแสดงที่ไร้ที่ติของตน
อย่างที่บอกนะคะว่านี่คือหนังคอเมดี้แบบแสบสันต์ และเป็นหนังเกี่ยวกับการสร้างหนังและวิธีการทำงานของผู้กำกับฯ และนักแสดงบางแนว
หนังมีการหักมุมอยู่หลายตอน ซึ่งอาจจะไม่ถึงกับเรียกเสียงฮาและก็เรียกเสียงหึหึในลำคออยู่ตลอด
สรุปว่าเป็นหนังดีที่น่าดูทั้งในด้านเนื้อหาและสไตล์ รวมทั้งการแสดงที่เชือดเฉือนบทบาทกันอย่างแสบสันต์ แถมยังมีตอนจบที่ทำให้นึกอยากดูต่อไปอีกต่างหาก
แฟนหนังพันธุ์แท้ห้ามพลาดนะคะ •
Official Competition
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022