วิถีแห่งอำนาจ เอี่ยก้วย เสถียร จันทิมาธร/หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว (107)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี่ยก้วย/เสถียร จันทิมาธร

หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว (107)

เป็นคำวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา เป็นคำวิจารณ์อันมาจากสายตาเฉียบคมยิ่งระดับเจ้าสำนักกิมลุ้นฮวบอ้วง จากแดนทิเบต

เริ่มจาก 1 ฝีมือมีลวดลายแพรวพราว

ตามมาด้วย 1 การรวบรวมปมเด่นของแต่ละสำนักแม้ประเสริฐเลิศล้ำแต่ออกจะสับสนอลหม่าน ขาดความบริสุทธิ์สมบูรณ์

คำถามก็คือ ที่ท่านถนัดชัดเจนที่สุดเป็นแนววิชาสำนักใด

คำพูดหลายประโยคนี้ถามจนเอี้ยก่วยปากอ้าตาค้างยากที่จะตอบคำ แต่ก็นำไปสู่การครุ่นคิดถึงรากฐานความเป็นมา

“ในชีวิตของเรามีประสบการณ์พิสดาร ทั้งมีนิสัยละโมบต้องการอย่างมากมาย วิชาฝีมือของสำนักช้วนจิน อาวเอี้ยงฮง สำนักสุสานโบราณ คัมภีร์นพยม อั้งชิดกง อึ้งเอี๊ยะซือ ล้วนเรียนรู้ไม่น้อย วิชาฝีมือเหล่านี้ล้วนลึกล้ำพิสดารไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้ทุ่มเทสติปัญญาชั่วชีวิตทำการศึกษาค้นคว้าก็ยากจะขึ้นถึงฝั่งแห่งความสำเร็จ

“เรากลับเก็บเล็กผสมน้อย ไม่มีวิชาฝีมือใดฝึกถึงขั้นสุดยอด หากเผชิญศัตรูที่รองลงไปพอใช้ ออกชวนให้ผู้คนตาลายพร่าพราย แต่พอพบกับยอดฝีมือที่แท้จริงกลับสะดุดติดขัด”

เป็นคำถามสำคัญ ทะลวงถึงความเป็นจริง

เอี้ยก่วยก้มศีรษะใช้ความคิด รู้สึกว่าคำพูดของกิมลุ้นฮวบอ้วงหลายประโยคคล้ายกระบองฟาดเข้าใส่กลางแสกหน้า จี้ถึงจุดอ่อนในวิชาการต่อสู้ของตัวเอง

ภายในความครุ่นคิด

“เราเมื่อตกลงใจอยู่ร่วมกับโกวโกวไปชั่วชีวิต ไยต้องฝากรักไปทุกแห่งหน เช่นเที้ยโกวเนี้ยสะใภ้น้อย ยังมีอ้วงง้วนเพี้ยนั้น เราเมื่อไม่มีน้ำใจต่อพวกนาง ไยต้องประพฤติตัวไม่เรียบๆ ร้อยๆ นับว่าละโมบมากความโดยไม่ขบเคี้ยวให้ละเอียดจริงๆ”

จากประเด็นความสัมพันธ์กับเพศตรงกันข้ามก็โยงสายยาว

“ไม่ว่าอั้งชิดกง อึ้งเอี๊ยะซือ อาวเอี้ยงฮง เจ็ดบรรพชิตช้วนจิน กิมลุ้นฮวบอ้วง ล้วนเป็นยอดฝีมือเลื่องชื่อ ศึกษาวิชาฝีมือประจำตัว แนววิชาอื่นมิใช่ไม่เข้าใจ เพียงแต่ทราบว่ามิใช่แนวทางประจำตัวจึงไม่ศึกษาค้นคว้า”

แล้วจึงเข้าสู่คำถาม “อย่างนั้นเราสมควรฝึกปรือวิชาฝีมือใดโดยเฉพาะ”

เหมือนกับเป็นการวิเคราะห์ครุ่นคิดของเอี้ยก่วย แต่แท้จริงแล้วคือการสังเคราะห์และจัดระบบให้กับเอี้ยก่วยโดยกิมย้ง ภายหลังการจัดวางอย่างสัมพันธ์กับรากฐานความเป็นมาในฐานะลูกชายของเอี้ยคังซึ่งมากนัก เผื่อแผ่ความในใจ

การวิเคราะห์สำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ “บทสรุป”

ภายในความครุ่นคิดจึงแฝงไว้ด้วยการต่อสู้ หักล้างระหว่างกัน ขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยตัวตนอันสะสมมาเป็นคนอย่างเอี้ยก่วย

การศึกษาและทำความเข้าใจต่อรายละเอียดการคิดจึงสำคัญ

โดยน้ำใจและเหตุผลย่อมต้องศึกษาวิชาฝีมือในคัมภีร์สุรางคนางค์ของสำนักสุสานโบราณ แต่หวนนึกถึงเพลงไม้เท้าตีสุนัขของอั้งชิดกงลึกล้ำเพียงนั้น เพลงกระบี่ขลุ่ยหยกของอึ้งเอี๊ยะซือละเอียดลึกซึ้งเพียงนั้น

หากทอดทิ้งไปโดยไม่สนใจ ไยมิใช่น่าเสียดายยิ่ง

ยังมีลมปราณคางคกและแนวทางบังคับชีพจรย้อนกลับของอาวเอี้ยงฮง สรรพวิชาในคัมภีร์นพยม ล้วนแล้วแต่สามารถสร้างชื่อลือเลื่องทั่วแผ่นดิน ล้วนเรียนรู้มาได้อย่างเยือกเย็น ไหนเลยจะละทิ้งไปได้

เอี้ยก่วยก้าวออกจากเพิงพักของกิมลุ้นฮวบอ้วง เดินมือไพล่หลังบนยอดเขาครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด จริงจัง

วินาทีนั้นเองก็มีบทสรุป

เป็นบทสรุปบนแนวทาง “เราไยไม่นำปมเด่นของแต่ละสำนักหลอมรวมเป็นแนวทางเดียว” เป็นการหลอมรวมบนฐานแห่งความเชื่อ

วิชาฝีมือล้วนเป็นผู้คนบัญญัติขึ้น ผู้อื่นเมื่อบัญญัติขึ้นมาได้ เราไหนเลยคิดค้นไม่ได้

เหมือนกับจะเป็นการบัญญัติขึ้นใหม่ แท้จริงแล้วกระบวนการก็ยังอยู่ในท่วงทำนอง “นำปมเด่นของแต่ละสำนักหลอมรวมเป็นแนวทางเดียว”

“ทฤษฎี” นี้จะเป็นจริงมากน้อยเพียงใด