มุกดา สุวรรณชาติ : ชะตากรรมของ…แม่แกะ… เส้นทางของหมาป่า…เสือ…ช้าง…กระทิง และสิงโต

มุกดา สุวรรณชาติ

เปลี่ยนแกะ ให้เป็นแพะ

แม่แกะตัวหนึ่งเดินเลาะริมทุ่ง เพื่อตามหาลูก ทันใดนั้นหมาป่าตัวหนึ่งก็โผล่เข้ามาด้านข้างและร้องว่าทุ่งหญ้านี้เป็นของข้า เอ็งบุกรุกข้าจะจับเอ็งมากิน

แม่แกะตกใจ แต่ก็โต้ว่า พวกข้าหากินที่นี่มานานแล้วตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ ทุ่งหญ้านี้ไม่ว่าจะเป็นแพะ วัว ควาย กวาง ม้า ที่ไหนก็มาหากินได้ นี่เป็นสิทธิของพวกเราสัตว์กินพืช กฎที่ท่านบอกว่าทุ่งหญ้านี้เป็นของท่านออกมาตั้งแต่เมื่อใด

หมาป่าก็บอกว่า เพิ่งออก แต่ไม่เป็นไรเรื่องนี้ยังไม่ได้ประกาศให้รู้กัน ดังนั้น เรื่องนี้ข้าจะยกให้เอ็งไปก่อน แต่เมื่อวานลูกของเอ็งลงไปเดินในลำธารทำให้น้ำที่พวกข้ากิน อาจติดเชื้อโรค อาจป่วยได้ ผู้ดูแลป่าออกกฎมาว่าเวลากินน้ำ ห้ามย่ำเท้าลงไปในเขตที่พวกข้าใช้น้ำอยู่

แม่แกะเถียงว่า เขตที่พวกข้าใช้น้ำอยู่ด้านล่าง ท่านอยู่เหนือน้ำ เชื้อโรคจะวิ่งทวนน้ำไปได้อย่างไร

หมาป่าก็โต้ว่า …เป็นไปได้ เอ็งดูปลาสิ มันยังว่ายทวนน้ำขึ้นไปได้เลย

แล้วลูกข้าอยู่ไหน? หมาป่าก็ตอบว่า มันหนีไปแล้ว

แม่แกะจึงแย้งว่าแบบนี้ไม่ยุติธรรม นี่เป็นข้อกล่าวหาลอยๆ ไม่มีเหตุผล

หมาป่าก็ว่า งั้นเราไปหาพญาเสือที่ดูแลป่าให้ตัดสิน แล้วสัตว์ทั้ง 2 ตัวก็เดินทางไปหาพญาเสือที่ดูแลป่า ขณะนั้นก็มีบรรดาสัตว์ใหญ่สัตว์เล็กติดตามแห่ไปดูจำนวนมากเพราะรู้สึกได้ว่าช่วงนี้มีกฎของผู้ดูแลป่าออกใหม่ๆ มากระทบกับชีวิตตนเอง

พญาเสือเห็นสัตว์ต่างๆ แห่กันมา จึงรีบเรียกบรรดาเสือหลายตัวที่เป็นกรรมการมาคุยแล้วก็บอกว่า สถานการณ์ไม่ดี


หาเรื่องเข้าไว้แล้วจะได้ดี

ข่าวเรื่องแม่แกะกำลังจะถูกตัดสินให้ผิดตามกฎใหม่ที่เชื้อโรควิ่งทวนน้ำทำให้สัตว์ป่าหลายชนิดมาชุมนุมมากขึ้น และร่วมกันเพื่อหาทางแก้ไข พวกช้างยังทำตัวเป็นใหญ่เหมือนเดิมแม้วันนี้หมดอำนาจลงแล้ว

ช้างแก่กล่าวว่าวันนี้เราต้องอดทนไปก่อน กลุ่มเสือมีกำลังมาก แม้มันขัดแย้งกับสิงโตแต่ก็ยังไม่ปะทะกัน คิดว่าอีกไม่นานพวกมันต้องทะเลาะกัน ถึงวันนั้นพวกท่านช่วยกันเลือกข้าเป็นเจ้าป่าเหมือนเดิมข้าจะปกครองอย่างยุติธรรม

กระทิงก็บอกว่า จะอยู่รอดถึงวันนั้นหรือเปล่า จากสภาพการณ์วันนี้พวกมันคงจะหาทางกินพวกเราจนหมดป่าแน่ พวกเรา โดยเฉพาะสัตว์เล็กสัตว์น้อย เก้งกวางกระต่ายทั้งหลายคงไม่มีทางรอดเพราะเราต้องไปกินน้ำแต่พวกท่านเป็นช้างตัวใหญ่พวกมันคงไม่กล้าทำอะไร

หมีดำใหญ่จึงหันไปถามสุนัขจิ้งจอกที่อยู่ด้านข้างว่าขณะนี้ท่านกำลังมีชื่อเสียง ใครๆ ก็ว่าท่านฉลาดดวงดี มีประสบการณ์อยู่มานานท่านเห็นว่าควรทำอย่างไร

สุนัขจิ้งจอกบอกว่าข้าเองรู้จักทุกฝ่ายทั้งเสือสิงห์กระทิงช้างแกะหมาป่า พ่อข้า สัมพันธ์กับสัตว์เล็กถึงสัตว์ใหญ่ประสบการณ์บอกว่าพวกสัตว์อ่อนแอจะถูกฆ่าต่อไป แต่อีกไม่กี่วันแม้ไม่ถูกฆ่า ก็จะอดตายหมด เพราะป่าแห้งแล้ง ไม่มีน้ำและอาหาร หลายวันก่อนพวกกบพยายามร้องขอฝนแต่ก็ไม่มีฝนตก

ช้างจึงเสริมขึ้นว่า เราจะต้องเรียกร้องเรื่องนี้ต่อผู้ดูแลป่าให้มันรับผิดชอบ ถ้ามันควบคุมพื้นที่แบบนี้พวกเราตายแน่ พวกกระทิง ควายป่า กวางและสัตว์ทั้งหลายต่างก็เห็นด้วย พากันร้องตะโกน “ควบคุมเขตใช้น้ำไม่ได้ ควบคุมเขตกินหญ้าไม่ได้ เป็นสิทธิ์ของส่วนรวม พวกเรากินหญ้า ไม่กินพิซซ่า”

เสือเห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนตอบมาว่า “เรื่องนี้มีความซับซ้อนในเชิงนิเวศ และเป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ แบบนี้คงต้องส่งไปให้คณะตุลาการสิงโตตัดสิน”

ทันใดก็มีเสียงสิงโตตะโกนสวนมาจากชะง่อนหินว่า “ตอนนี้อำนาจในป่าเป็นของเสือท่านหมดแล้ว ท่านจัดการไปเองเถอะ ข้าไม่ยุ่ง แต่ยังไงก็ต้องนึกถึงสัตว์อื่นๆ ด้วย” แล้วก็หันไปส่งสัญญาณให้ช้าง ช้างก็ชูงวงส่งเสียงแปร๋น…เรียกบรรดาสัตว์มาชุมนุมเพิ่มทันที

ชะตากรรมของแม่แกะตัวหนึ่ง เหมือนเป็นคำเตือนให้สัตว์ป่าสำนึกถึงภัยอันตราย การถกเถียงว่าควรระวังสิงโตหรือเสือดี บัดนี้น้ำหนักเทไปที่เสือซึ่งเป็นผู้ดูแลป่า

พญาสิงโต มองไปเบื้องล่าง แล้วบอกกับฝูงสิงโต และสมุนหมาป่าว่า “ข้าจะเล่านิทานเรื่องอำนาจของพวกมนุษย์ให้ฟัง…ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ตอนกึ่งพุทธกาล…ปี พ.ศ.2500…

 

เส้นทางของเสือหนุ่ม
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
และสิงห์เฒ่า อย่าง จอมพล ป. พิบูลสงคราม

มีความไม่พอใจของประชาชนหลังเกิด “การเลือกตั้งสกปรก” ในเดือนกุมภาพันธ์ 2500 เปิดช่องให้ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และคณะทหารยื่นคำขาดต่อนายกฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม วันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2500 ให้รัฐบาลลาออก แต่ จอมพล ป. บอกว่า รัฐมนตรีจะลาออกก็ได้ แต่ตนจะขอเป็นผู้จัดรัฐบาลเอง

วันที่ 15 กันยายน ประชาชนพากันลุกฮือเดินขบวนบุกเข้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อไม่พบ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงพากันไปบ้านจอมพลสฤษดิ์

แม้ จอมพล ป. เตรียมจับจอมพลสฤษดิ์ ในข้อหากบฏ แต่ช้าไป คืนวันที่ 16 กันยายน จอมพลสฤษดิ์ นำกำลังรัฐประหารรัฐบาล จอมพล ป.

ทำให้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม และ พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ

จอมพลสฤษดิ์ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นผู้รักษาพระนคร มีการประกาศยุบสภา การสืบทอดอำนาจของจอมพลสฤษดิ์ มีลีลาพอควร ระยะแรกได้แต่งตั้ง นายพจน์ สารสิน เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลชั่วคราว และหลังจัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2500 ได้ จอมพลถนอม กิตติขจร นายทหารคนสนิท ขึ้นเป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2501 ในขณะที่สฤษดิ์กำลังพักรักษาตัวอยู่อเมริกา

ผ่านไป 9 เดือนเศษ จอมพลถนอมก็ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้จอมพลสฤษดิ์ทำการปฏิวัติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2501 แล้วขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไม่เรียบร้อย

มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญ, ยุบสภา, ยุบพรรคการเมือง, ให้ ส.ส. และ ส.ว. สิ้นสภาพลงในทันที, ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินห้าคน, ห้ามกรรมกรนัดหยุดงาน และประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ

จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจคณะปฏิวัติอยู่ถึงสามเดือน มีหนังสือพิมพ์ถูกปิด มีการจับกุมผู้ที่ต้องสงสัยว่าฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ ทั้งปัญญาชนฝ่ายก้าวหน้า ส.ส. นักหนังสือพิมพ์

จอมพลสฤษดิ์ยังแต่งตั้งตนเองเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผบ.ทบ. และอธิบดีกรมตำรวจ จอมพลสฤษดิ์ ป่วยและเสียชีวิตในปลายปี 2506 จากนั้นก็ถูกฟ้องร้องและยึดทรัพย์ในข้อหาทุจริต

 

เส้นทางเดินของกระทิงหนุ่ม…จิตร ภูมิศักดิ์

ตอนเช้าตรู่ของวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2501 หลังสฤษดิ์กลับมาปกครองจริงเพียง 1 วัน จิตรก็ถูกจับกุมพร้อมกับคนหัวก้าวหน้าอีกเป็นจำนวนมาก ที่ต่อสู้เพื่อประชาชน ในข้อหา “มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์” และ “สมคบกันกระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร” อันเป็นผลมาจากการยึดอำนาจและการใช้นโยบายปราบปรามของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

จิตรถูกจับกุมคุมขังในลาดยาว รวมกับชาวคอมมิวนิสต์ และกลุ่มสังคมนิยม ปัญญาชน และนักหนังสือพิมพ์

30 ธันวาคม พ.ศ.2507 จิตร ภูมิศักดิ์ ได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากศาลทหารยกฟ้อง รวมเวลาที่จิตรถูกคุมขังโดยไม่มีความผิด 6 ปีเศษ ระหว่างที่จิตรอยู่ในคุก จิตรได้ใช้เวลาในการเขียนหนังสือหลายเรื่อง

ตุลาคม พ.ศ.2508 จิตร ภูมิศักดิ์ ได้เดินทางสู่ชนบทภาคอีสาน เพื่อเข้าร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในนาม “สหายปรีชา”

วันที่ 4 พฤษภาคม 2509 สหายปรีชาและพวกอีก 5 คนลงมาทำงานมวลชน ในวันรุ่งขึ้นได้ถูกล้อมปราบจากฝ่ายรัฐบาล วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2509 จิตร ภูมิศักดิ์ ถูกล้อมยิงเสียชีวิตลงที่ชายป่าบ้านหนองกุง ตำบลคำบ่อ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร

ผลงานของ จิตร ภูมิศักดิ์ ที่ทิ้งไว้ให้คนข้างหลัง คืองานค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ตาสว่างอย่างมีเหตุผล เป็นวิทยาศาสตร์ มีความเข้าใจประวัติศาสตร์ในมุมมองด้านอื่นที่มิใช่เพียงต้องการสร้างกระแสรักชาติ กระทิงหนุ่มอย่างจิตร จบชีวิตลงในวงล้อมของเสือและหมาป่า ในเดือนพฤษภาคม ห้าสิบปีที่แล้ว เหลือทิ้งไว้แต่ผลงานมากมายมหาศาล เป็นคนที่แม้ตายจากไปแต่ก็คอยบอกผู้ที่เดินตามเส้นทางนี้อยู่เสมอว่า …ให้มีความหวัง ให้สู้ต่อไป

พายุฟ้า ครืนข่มคุกคาม
เดือนลับยาม แผ่นดินมืดมน
ดาวศรัทธา ยังส่องแสงเบื้องบน
ปลุกหัวใจ ปลุกคนอยู่มิวาย

พฤษภาคม 2557 มีการรัฐประหาร
แต่จะจบอย่างไร?

แม้ผ่านไปเกินครึ่งศตวรรษ โลกเปลี่ยนไปแต่ระบบปกครองประเทศนี้ไม่เปลี่ยน ยังมีการต่อสู้สองระบบ รัฐประหารและประชาธิปไตย อีกหลายครั้ง

ครั้งล่าสุด มีการตั้งรัฐบาลชั่วคราว มีสภานิติบัญญัติฯ มีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ มีสภาปฏิรูปฯ รัฐธรรมนูญที่ร่างก็ล้มเหลวไปแล้ว 1 ฉบับ มีการร่างฉบับที่ 2 กำลังจะมีการลงประชามติ บอกกันว่าไม่มีการสืบทอดอำนาจ เพียงแต่ครั้งนี้จำเป็นต้องมีบทเฉพาะกาลให้แต่งตั้ง ส.ว. 200 คน และคัดสรรอีก 50 คน โดยจะให้อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี เหมือน ส.ส. ประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ก็อยู่ที่การลงประชามติ และจากนั้นก็จะมีการเลือกตั้ง

ต้องเชื่อไว้ก่อนว่า จะมีการลงประชามติตามกำหนด เพราะเตรียมการเข้มแข็งมาก คาดว่าประชาชนคงไประบายความอึดอัดเกินกว่า 70% ของผู้มีสิทธิ์

ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 พอถึงกลางปี 2560 ก็คงจะรู้ว่าเราจะได้รัฐบาลแบบธรรมดาหรือแบบสืบทอดอำนาจ

แต่ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ คือตำรวจบอกว่าให้ดู กรณีจ่านิว เป็นอุทาหรณ์ ชาวบ้านจะกลัว หรือจะโกรธยังไม่รู้ แต่ที่กลัว คือจะมีคนส่งจดหมายแถมพิซซ่ามาให้ ถ้าไปเปิดซอง จะติดคุกหรือไม่? เพื่อความปลอดภัย ทุกคนจึงคิดว่า ควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

อีกไม่นานก็จะรู้ตอนจบ แล้วจะเล่าให้ฟังวันหน้า…

พญาสิงโต เล่าจบ ก็กล่าวว่า “ข้ามีบทเรียน ดังนั้น ข้าจะให้พวกช้างแต่ละโขลงที่อยากได้อำนาจออกหน้า ให้กระทิงหนุ่มที่กล้าหาญลุยก่อน ส่วนข้าแก่แล้ว จะคอยส่งเสียงเชียร์”

จากนั้นก็เพ่งตามองลงไปยังที่ชุมนุมของสัตว์ป่า ที่กำลังปะทะคารมกับกลุ่มเสือ แล้วหันมาทางกลุ่มผู้นำฝูงหมาป่า ลดเสียงจนเป็นเสียงกระซิบ

“สิทธิในการกินหญ้าเป็นของพวกมันถูกแล้ว แต่สิทธิในการกินเนื้อเป็นของพวกเรา และเราก็ไม่อยากให้พวกมือใหม่มาแย่งไป… ตัดสินใจเลือกข้างซะ”