รุ่นน้องมอง ‘พยัคฆ์ 3 ป.’ ศึกการเมือง สะเทือนโผทหาร จับตาคอแดงยึดทัพ 1 ตท.27-28 ชิงแลนด์สไลด์ ศึกบูรพาฯ จูเนียร์/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

รุ่นน้องมอง ‘พยัคฆ์ 3 ป.’

ศึกการเมือง สะเทือนโผทหาร

จับตาคอแดงยึดทัพ 1

ตท.27-28 ชิงแลนด์สไลด์

ศึกบูรพาฯ จูเนียร์

 

สถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ ทหารในกองทัพจ้องตาเขม็ง ติดตามใกล้ชิด โดยเฉพาะอนาคตของพี่ๆ 3 ป. ว่าจะสมานรอยร้าว แล้วจับมือกันสู้ต่อไป ไหวหรือไม่ โดยเฉพาะหลังผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณที่จะไปต่ออีกสมัยชัดเจน หลังกระแสแลนด์สไลด์หลอน จนต้องพลิกเกมยึดอำนาจ สั่งเอาสูตร “หาร 500”

แต่ก็ไม่มั่นใจว่า 3 ป.จะได้กลับสู่อำนาจ ได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ ไม่ว่าจะชนะเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม

ด้วยเพราะจะมีผลต่อการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ที่ ผบ.เหล่าทัพกำลังจัดกันอยู่ในเวลานี้ และรวมทั้งการตัดสินใจในท้ายที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์เองในการจัดทัพ ทั้งเพื่อรองรับการไปต่อ หรือรองรับหากตนเองไม่ได้กลับมา และสถานการณ์ที่จะตามมา

แต่บรรดากองเชียร์ ฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ มั่นใจมากว่าจะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย แม้ว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะไม่ได้ ส.ส.มากที่สุดก็ตาม เพราะถึงอย่างไรก็จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะมั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ที่จะจับมือกันอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ชนะแบบแลนด์สไลด์ ด้วยสูตรนับคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบหารด้วย 500 เพราะมี ส.ส.พรรคก้าวไกล และพรรคถูมิใจไทย แชร์จำนวน ส.ส.

ถึงขั้นที่มีกระแสข่าวว่า แม้พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ ส.ส.มาเป็นพรรคอันดับ 2 อาจเป็นพรรคอันดับ 3 หรือพรรคภูมิใจไทยมาเป็นที่ 2 ได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี

และยังมีกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์มีสัญญาใจกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ แค่ 2 ปี แล้วจะให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ต่อเลยทีเดียว

รวมทั้งการต่อรองเก้าอี้ รมว.มหาดไทย ที่คาดกันว่า สมัยหน้า บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จะไม่รับตำแหน่งใน ครม. แต่จะให้โควต้าพรรคภูมิใจไทย เพื่อแลกเปลี่ยนในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล และหนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ

แต่ในทางปฏิบัติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ หัวหน้าพรรค พปชร. ก็เล็งที่จะควบ รมว.มหาดไทย จึงยากที่จะยอมยกให้นายอนุทิน

จึงไม่แปลกที่ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์กลายเป็นเป้าในการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และมีความเคลื่อนไหวในการที่จะทำให้หลุดเก้าอี้ หรือได้คะแนนโหวตมาในลำดับท้ายๆ เพื่อหมดความชอบธรรมในการเป็น มท.1 ต่อ

พร้อมๆ กับแรงเชียร์จาก พปชร.ให้ พล.อ.ประวิตรเป็น มท.1 ที่เป็นการตอกลิ่มระหว่างพี่ป้อมกับน้องป๊อก

เกมการเมืองของพี่น้อง 3 ป. อยู่ในสายตาของน้องๆ ผบ.เหล่าทัพ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพตลอด เพราะทิศทางการเมืองและอำนาจ หากเกิดอุบัติเหตุ หรือไม่เป็นไปตามแผน ก็อาจทำให้น้องๆ ผบ.เหล่าทัพต้องเดือดร้อนในการแก้ปัญหาทางการเมืองที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นม็อบ จลาจล หรือการปฏิวัติรัฐประหาร

จึงไม่แปลกที่น้องๆ ในกองทัพจะเอาใจช่วยให้พี่น้อง 3 ป.คุมเกมการเมืองได้ต่อไป เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ ก็จะดูแลกองทัพต่อไปได้ เพราะหากอำนาจเปลี่ยนมือ เปลี่ยนรัฐบาล ก็ย่อมกระทบต่อการจัดวางทายาทในกองทัพ และกองทัพจะตกที่นั่งลำบาก

ด้วยเพราะถูกมองว่าเป็นฐานอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ของ 3 ป. ฝ่ายการเมืองย่อมต้องพยายามเปลี่ยนขั้วอำนาจในกองทัพด้วย

ดังนั้น การโยกย้ายนายพลครั้งนี้ จะเป็นการจัดโผใหญ่ครั้งสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนสิ้นสุดรัฐบาล ที่จะจัดวางตัวนายทหารที่ไว้วางใจได้ คุมอำนาจกองทัพต่อไป เพราะยังไม่ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภาเมื่อใด ในต้นปี 2566 และอาจจะไม่ได้จัดโผนายพลกลางปี ในกลางมีนาคมอีก

จากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ที่จะจับมือกันสู้ต่อ ไปต่อ ก็ทำให้กองทัพมั่นใจมากขึ้นว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมา ดังนั้น จึงทำให้กระแสข่าวการเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ. การย้ายบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ สงบลงไป

ทั้งนี้ ในโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์เรียกประชุมสภากลาโหม 27 กรกฎาคมนี้ คาดว่าจะมีการพูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพอย่างไม่เป็นทางการ เรื่องโผทหารรอบแรก ซึ่งบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด นัด ผบ.เหล่าทัพส่งบัญขีรายชื่อโยกย้ายอีกด้วย

ในส่วนของตำแหน่งปลัดกลาโหมคนใหม่นั้น บิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกลาโหม ส่งสัญญาณชัดเจนในการสนับสนุนบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองปลัดกลาโหม เป็นปลัดกลาโหมคนใหม่

เพราะที่ผ่านมา มักจะออกงานกับ พล.อ.สนิธชนก การรับแขกต่างประเทศของกลาโหม และภารกิจต่างๆ ของกลาโหม จนถูกแซวว่า ให้ พล.อ.สนิธชนกฝึกงานว่าที่ปลัดกลาโหม โดยเฉพาะการเคียงข้างไปร่วมชี้แจงต่อ กมธ.งบประมาณ 2566 ที่ผ่านมา

โดย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ รับหน้าที่ในการชี้แจงแทน ผบ.เหล่าทัพ และถูกรุมถล่มโจมตีอย่างหนัก ทั้งในห้องประชุม ในสื่อ และโซเชียลมีเดีย จากเรื่องค่ารถเบนซ์ประจำตำแหน่ง ที่ชี้แจงว่า เป็นรถควบคุมสั่งการทางการสื่อสาร ที่ถูกมองว่าเป็นการเลี่ยงบาลีของกลาโหม ในการที่จะไม่ใช้คำว่า รถประจำตำแหน่ง เพราะจะไม่เป็นไปตามระเบียบราชการ

พล.อ.วรเกียรติ เป็นรุ่นพี่ ตท.20 ที่จะเกษียณกันยายนนี้ ขณะที่ พล.อ.สนิธชนก รุ่นน้อง ตท.24 รุ่นน้องสุดใน ผบ.เหล่าทัพ แถมอายุราชการถึงกันยายน 2568 ถ้าได้เป็นปลัดกลาโหม จะนั่งยาว 3 ปี จึงทำให้ถูกจับตามองว่า ในที่สุดเก้าอี้ปลัดกลาโหมจะต้องใช้ในการแก้ปัญหาการโยกย้ายที่ไม่ลงตัวของเหล่าทัพหรือไม่

แม้แต่การตัดสินใจนาทีสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะขยับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ หรือการใช้สูตรสไลด์ ด้วยการขยับ พล.อ.เฉลิมพล จาก ผบ.ทหารสูงสุด ที่อาวุโสนั่งมา 2 ปี เป็นปลัดกลาโหม แล้วให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ขยับเป็น ผบ.ทหารสูงสุด หรือไม่ ที่มีโอกาสน้อยเพราะ พล.อ.ประยุทธ์จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในกองทัพ

แต่ที่ผ่านมาในระยะหลังๆ ปลัดกลาโหมมักถูกส่งมาจาก 5 เสือ ทบ. แถมครั้งนี้อาจต้องรองรับปัญหาการโยกย้ายใน ทร. เพราะเหตุที่บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. จะเสนอชื่อบิ๊กจอร์จ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผช.ผบ.ทร. เป็น ผบ.ทร.คนใหม่

แต่ทว่า มีแรงสนับสนุนจากหลายทิศทาง ให้บิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ รอง ผบ.ทร. ที่อาวุโสสูงสุด ขึ้นเป็น ผบ.ทร. และเคยได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ทร. มาแล้วในการโยกย้ายตุลาคม 2564 แต่ก็ต้องหลบทางให้ พล.ร.อ.สมประสงค์ จนบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร.ในเวลานั้น ต้องแก้โผให้ หลัง พล.อ.ประยุทธ์นั่งหัวโต๊ะประชุมบอร์ด 7 เสือกลาโหม

แต่ด้วยเกมการเมืองภายใน ทร. จึงคาดว่า พล.ร.อ.สมประสงค์ก็คงจะไม่ยอมให้ พล.ร.อ.ธีรกุลขึ้นเป็น ผบ.ทร. เพราะ พล.ร.อ.สมประสงค์หวังจะให้มีการสืบเนื่องจากตนต่อไป

แต่หากเช็กเสียงในบอร์ด 7 เสือกลาโหม ก็มี พล.อ.วรเกียรติ ปลัดกลาโหม เพื่อน ตท.20 ที่พร้อมหนุน พล.ร.อ.สมประสงค์ เพราะถือว่าติดค้างกันไว้ตอนที่ พล.ร.อ.สมประสงค์หลบทางให้ พล.อ.วรเกียรติเป็นปลัดกลาโหม ในโยกย้ายปีที่แล้ว แต่ทว่า พล.ร.อ.สมประสงค์มีเก้าอี้ ผบ.ทร.รองรับ

ไม่แค่นั้น พล.ร.อ.สมประสงค์ยังมีบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม เพื่อน ตท.20 ที่จะหนุนอีกแรง ในการเจรจากับทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์

เพราะหาก พล.ร.อ.ธีรกุลไม่ได้เป็น ผบ.ทร. ก็อาจมาชิงปลัดกลาโหม ขัดตาทัพ เพราะเป็นรุ่นพี่ ตท.21 แต่ทว่า อาวุโสครองอัตราพลเอกพิเศษ 1 ปี เท่า พล.อ.สนิธชนก

เพราะเวลายืนแถว ผบ.เหล่าทัพ ปลัดกลาโหม จะยืนเป็นคนแรก พล.อ.สนิธชนก ตท.24 จะเป็นรุ่นน้องสุดของ ผบ.เหล่าทัพ

แต่ก็ไม่ง่ายที่ทหารบกจะยอมให้ทหารเรือมานั่งปลัดกลาโหม อีกทั้งหลังของ พล.ร.อ.ธีรกุลอาจไม่แกร่งเท่า พล.อ.สนิธชนก ดังนั้น อาจถูกส่งไปรอง ผบ.ทหารสูงสุด ไปอยู่ บก.ทัพไทย กับ พล.อ.เฉลิมพล เพื่อนร่วมรุ่น ตท.21 แล้วส่งบิ๊กปู พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ตท.22 รองเสธ.ทหาร ที่จะขึ้น ข้ามมาเป็นรองปลัดกลาโหมแทน

 

ขณะที่ ทบ.ก็ฝุ่นตลบเช่นกัน โดยเฉพาะการจัดโผระดับผู้บัญชาการกองพลครั้งนี้ ซึ่งมีความสำคัญต่อทิศทางอำนาจใน ทบ.

เพราะคาดกันว่า บิ๊กโต พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 จะขยับขึ้นพลเอก 5 เสือ ทบ. ท่ามกลางการจับตามองว่า จะได้เป็น เสธ.ทบ. หรือไม่ เพราะต้องสู้กับรุ่นพี่ ตท.22 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่ยังต้องการเอาเพื่อนมาเป็นเสธ.ทบ.คู่ใจ แทนบิ๊กติ่ง พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสธ.ทบ. ที่เป็นเพื่อน ตท.22

จากเดิมที่ใน ตท.22 หนุนบิ๊กเกรียง พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นเสธ.ทบ. และเป็นเลขาฯ กอ.รมน.ด้วย แต่ทว่า เมื่อเกิดเหตุ ฮ.ตก พล.ท.เกรียงไกรบาดเจ็บ กระดูกเชิงกรานหัก ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานเป็นเดือน ท่ามกลางการเป็นห่วงว่า แล้วจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่

ใน ตท.22 อีกขั้ว จึงดันบิ๊กป๊อด พล.อ.สิทธิพร มุสิกะสิณ รอง ผอ.ปรมน. ที่อยู่ กอ.รมน.อยู่แล้ว และอดีตแม่ทัพน้อยที่ 4 ที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ยังติดค้าง เพราะเคยจะผลักดันเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 แต่ไม่สำเร็จ และยังมีบิ๊กจ๊อบ พล.ท.พิเศษ ศิริเกษม รองเสธ.ทบ. ตท.22 อีกคน ที่ตามไลน์คือขึ้นเสธ.ทบ.ได้

ไม่แค่นั้น กองทัพภาคที่ 1 กำลังถูกจับตามองว่าจะบาลานซ์ระหว่างทหารคอเขียวทั่วไป กับทหารคอแดง ที่ผ่านการฝึกหลักสูตรคอแดง ทม.รอ. และอยู่ ฉก.ทม.รอ.904 อย่างไร ในระดับรองแม่ทัพภาคที่ 1

เพราะคาดกันว่า บิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธราพงษ์ มะละคำ (ตท.24) แม่ทัพน้อยที่ 1 จะขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นแม่ทัพคอแดงคนใหม่ จึงทำให้งานวันสถาปนากองทัพน้อยที่ 1 เมื่อ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา คึกคัก ประหนึ่งไปยินดีกับว่าที่แม่ทัพภาคที่ 1

และคาดว่า บิ๊กปู พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เพิ่งจบหลักสูตรทหารคอแดงมาหมาดๆ จะขึ้นแม่ทัพน้อยที่ 1 คนใหม่

แม้ พล.ท.สุขสรรค์จะหนุนบิ๊กรุ่ง พล.ต.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ รองแม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นแม่ทัพน้อยที่ 1 ก็ตาม แต่พลังอาจไม่แกร่งเท่า พล.ต.พนา ดังนั้น พล.ต.ชิษณุพงศ์ สายบูรพาพยัคฆ์คอแดง ก็อาจจะมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ตามหลักการทำนองคลองธรรมของ พล.ท.สุขสรรค์

นอกจากนั้น หากรองแม่ทัพภาคที่ 1 อีก2 คน จาก ตท.27 เป็นทหารคอแดง อย่างบิ๊กใหญ่ พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.พล.ร.2 รอ. และบิ๊กตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.พล.ร.11 ก็จะทำให้รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นทหารคอแดงทั้งหมด ไม่มีทหารคอเขียวเลย

เพราะโผนี้ พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผบ.พล.ร.9 ต้องขยับเช่นกัน ตามไลน์ต้องขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 แต่ทว่า เป็นทหารคอเขียว ก็อาจเสียเปรียบ แม้จะเป็น ตท.27 เช่นกัน

แต่ก็ต้องรอดูพลัง ตท.27 ว่าจะสามารถยึดเก้าอี้รองแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ทั้ง 3 เก้าอี้หรือไม่ เพราะ พล.ต.ชิษณุพงศ์ ตท.26 อาจถูกเบียดไปเอาตำแหน่งนอกกองทัพภาคที่ 1 เพื่อเปิดทางให้ทหารคอเขียวขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นอัตราส่วนทหารคอแดง กับทหารคอเขียว 2:1 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ทหารคอเขียวในการเติบโต

แต่ทว่า ก็ไม่อาจมองข้าม ตท.28 อย่างบิ๊กไก่ พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ ผบ.พล.1 รอ. ที่มีรายงานว่า มีแรงขยับที่จะขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 อยู่ เพราะไม่เช่นนั้นจะเสียเปรียบ พล.ต.อมฤต และ พล.ต.ธวัชชัย ที่เกษียณไล่ๆ กัน

 

ไม่แค่นั้น ยังน่าจับตามองในระดับ ผบ.พล. ที่แม้จะเป็นคิวของ ตท.28 แต่ทว่า ก็ไม่อาจแลนด์สไลด์ยึดได้ทั้งหมด เพราะยังมีรุ่นพี่ ตท.27 อยู่

โดยเฉพาะ ผบ.พล.ร.2 รอ.คนใหม่ ที่คาดว่า พล.ต.อมฤตจะหนุนรองกบ พ.อ.ปัญญา ตั้งความเพียร รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. เพื่อน ตท.27 ขึ้นแทน แถมเติบโตมาจาก ร.12 รอ. ด้วยกันกับ พล.ท.ธราพงษ์ด้วย ขณะที่ ตท.28 มีรองเสก พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ เป็นรอง ผบ.พล.ร.2 รอ.อยู่ จึงเป็นศึกบูรพาพยัคฆ์ระดับจูเนียร์ ที่ล้วนเป็นทหารคอแดง

ขณะที่หน่วยทหารคอเขียว เช่น พล.ร.9 นั้น คาดว่า ผบ.กอล์ฟ พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.มทบ.11 ที่ยังเป็นทหารคอเขียว จะขยับระนาบมาเป็น ผบ.พล.ร.9 แม้ว่าจะมีเพื่อนร่วมรุ่น ตท.28 อย่าง พ.อ.วุทธยา จันทมาศ เป็นรอง ผบ.พล.ร.9 อยู่ก็ตาม แต่ พล.ต.สราวุธก็เป็นลูกหม้อ พล.ร.9 เช่นกัน

ที่ก็อาจจะส่ง พ.อ.วุทธยาไปชิงเก้าอี้ ผบ.มทบ.11 กับรองแอ้ม พ.อ.ณัฐเดช จันทรางศุ รอง ผบ.พล.1 รอ. เพื่อนร่วมรุ่น เพราะคาดว่า พล.ต.วรยสอาจจะยังคงเป็น ผบ.พล.1 รอ. ต่อ โดยมีรองต้อม พ.อ.ชิตพล กึนสี รอง ผบ.มทบ.11 รอคิวอยู่เช่นกัน เพราะล้วนเป็น ตท.28 ด้วยกัน

ดังนั้น การจัดโผ ทบ.ครั้งนี้ นอกจากจะมีปัจจัยเรื่องรุ่นแล้ว ต้องมีเรื่องทหารคอแดง และคอเขียว ให้ต้องแชร์อำนาจกัน เพราะปัญหาเริ่มก่อตัวทั้งใน ทบ. และกองทัพไทย ที่ต้องเปิดรูระบายให้ทหารคอเขียวที่เป็นกำลังพลส่วนใหญ่ของกองทัพด้วย ก่อนที่จะลุกลาม