ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 - 28 กรกฎาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ก่อสร้างและที่ดิน |
เผยแพร่ |
ก่อสร้างและที่ดิน
นาย ต.
กำลังซื้อต่างชาติตัวช่วยอสังหาฯ
ธุรกิจอสังหาฯ บ้าน คอนโดฯ โครงการใหม่มูลค่าปีละ 4-5 แสนล้านบาท ปัญหาใหญ่หลังสถานการณ์แพร่ระบาดซาลง ก็คือปัญหากำลังซื้อไม่เพียงพอรองรับความสามารถในการสร้างหน่วยที่อยู่อาศัยใหม่ของบรรดาบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ได้
กำลังซื้อระดับราคาปานกลางหรือคนมีรายได้เป็นเงินเดือน ติดกับดักหนี้ครัวเรือนสูง สถาบันการเงินไม่อนุมัติสินเชื่อ
ส่วนระดับราคากลางค่อนมาสูงหรือผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย SME ก็เพิ่งประสบวิกฤตโควิด บาดเจ็บล้มหายไปบ้าง ยังไม่ฟื้นตัวบ้าง
กำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่ยังดีอยู่มีเพียงตลาดระดับราคาสูงเท่านั้น ซึ่งมีข้อจำกัดที่ตลาดนี้มีจำนวนไม่มาก
จึงไม่แปลกที่ช่วงกลางปี 2565 นี้จะมีกระแสการเรียกร้องจากผู้ประกอบธุรกิจอสังหาฯ อย่างพร้อมเพรียงขอให้รัฐบาลเปิดทางอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทย เพื่อเปิดทางให้กำลังซื้อจากต่างประเทศเข้ามากระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ที่น่าแปลกใจคือ ข้อเสนอในลักษณะนี้หากเป็นเมื่อหลายสิบปีก่อนโน้น มักจะมีแนวคิดแบบ “ชาตินิยม” ออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วย เพราะกลัวต่างชาติจะมาแย่งทรัพยากรที่ดิน เกรงลูกหลานจะไม่มีที่อยู่อาศัยภายภาคหน้า
แต่ครั้งนี้กลับไม่มีเสียงคัดค้านจากกลุ่มคนต่างๆ
รัฐบาลเองก็เห็นพ้อง โดยกระทรวงมหาดไทยจะแก้กฎกระทรวงเพื่อแก้เงื่อนไขเกี่ยวกับบุคคลต่างด้าวที่สามารถถือครองกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยได้ ขนาดบนที่ดิน 1 ไร่ ต้องนำเงินมาลงทุน 40 ล้านบาทขึ้นไป ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี การเปิดให้สิทธิดังกล่าวนี้ระยะ 5 ปี
คาดว่า เมื่อผ่านที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายกระทรวงมหาดไทยแล้ว จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ และมีผลบังคับใช้ภายในปลายปีนี้
กลุ่มต่างชาติที่รัฐบาลถือเป็นเป้าหมายที่จะให้เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัย ได้แก่
(1) กลุ่มประชากรผู้มีความมั่งคั่งสูง
(2) กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
(3) กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
และ (4) กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ
หากต้องการให้มาตรการนี้บรรลุผลจริงจังและรวดเร็ว สิ่งที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ กระบวนการพิจารณาอนุญาต ต้องมีกฎเกณฑ์ชัดเจน ไม่ต้องตีความ การพิจารณาอนุมัติสั้นและสะดวก
เพราะก่อนหน้านี้ช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตปี 2540 มีการเปิดอนุญาตให้ต่างชาติซื้อกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบได้ โดยพิจารณาให้กับเจ้าของกิจการ ผู้บริหารที่เข้ามาลงทุนตามกฎหมายส่งเสริมการลงทุน แต่กระบวนการอนุญาตยุ่งยาก ต้องผ่านหน่วยงานต่างๆ ขึ้นมา และสุดท้ายให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติเป็นรายๆ
ทำให้จนถึงปัจจุบันยังไม่มีต่างชาติแม้แต่รายเดียวที่ยื่นขอใช้สิทธิและได้รับอนุมัติ
นอกจากนี้ กลุ่มต่างชาติที่ได้สิทธิก็ยังสามารถเปิดกว้างได้มากกว่า 4 กลุ่มที่กำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น กลุ่มคนต่างชาติที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับให้บุตรหลานและผู้ปกครองเพื่อการศึกษา กรณีคนจีนจากแผ่นดินใหญ่ที่มีกระแสความต้องการอยู่ในขณะนี้
เอาเรื่องที่ทำกันงุบงิบ ใช้ตัวแทน “นอมินี” ถือแทน ขึ้นมาเป็นเรื่องเปิดเผยบนโต๊ะดีกว่า
การปกป้องทรัพยากรไว้สำหรับคนไทยนั้น รัฐควรไปสนใจกรณีต่างชาติมาผูกขาดเป็น “ล้ง” รับซื้อลำไย ทุเรียน หรือสินค้าเกษตรอื่นๆ คนไทยท้องถิ่นไม่สามารถแข่งขันได้
รัฐควรสนใจการควบรวมธุรกิจขนาดใหญ่ของเจ้าสัวจนมีอำนาจเหนือตลาดมากกว่า
ปัญหาใหญ่ของประเทศไทย ที่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงทรัพยากร เข้าไม่ถึงโอกาส คือปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ทรัพย์สินและรายได้ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นของคนกลุ่มน้อยนิด
ขณะที่คนส่วนใหญ่รวมกันแล้วมีเพียงหยิบมือ เสียมากกว่า •