เจาะสเป๊ก ‘VOLT City EV’ รถคนเมือง-ราคาไม่เกิน 4 แสน / ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

[email protected]

 

เจาะสเป๊ก ‘VOLT City EV’

รถคนเมือง-ราคาไม่เกิน 4 แสน

 

ปูพรมสร้างการรับรู้มาพักใหญ่สำหรับ “VOLT City EV” รถยนต์ไฟฟ้า 100% แบรนด์จีน นำเข้าและจำหน่ายโดย “บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด” ที่ทำตลาดรถยนต์จากจีนในเมืองไทยมายาวนาน

รุ่นเด่นๆ ที่เคยแนะนำให้คนไทยรู้จักคือรถเอสยูวี “DFSK GLORY i-Auto” และ “DFSK GLORY 560”

นอกจากนี้ เริ่มชิมลางรถยนต์อีวีมาก่อนแล้วในแบรนด์ “SERES” รุ่น SERES 3 และ SERES 5

กระทั่งมาถึงรุ่นเล็ก “VOLT City EV” ที่เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนสิงหาคมนี้

ชูจุดเด่นความน่ารัก การตกแต่งภาย-นอกใน เน้นเอาใจวัยรุ่น

ที่สำคัญราคาแพลมๆ ออกมาคือไม่เกิน 4 แสนบาท

 

รถยนต์ VOLT City EV เป็นความร่วมมือของ 3 บริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่ในจีน ประกอบด้วย Dongfeng Motor, Zhengzhou Nissan และ Beijing Hongrui Automotive Technology

สร้างบนพื้นฐานเดียวกับ Hongrui Xiaohu หรือ Henrey Little Tiger ที่วางจำหน่ายในประเทศจีน มีให้เลือกทั้งแบบ 3 ประตู 4 ที่นั่ง และ 5 ประตู 5 ที่นั่ง

น่าสนใจยิ่งกว่าคือรุ่นที่จำหน่ายในไทยจะผลิตเป็นพวงมาลัยขวามาจากโรงงาน เพราะปกติที่ประเทศจีนจะเป็นรถพวงมาลัยซ้าย

เรียกว่าเป็นรุ่นผลิตเพื่อส่งออก ตีตลาดประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวาโดยเฉพาะ

ดีไซน์ภายนอกเน้นความน่ารัก ออกแบบให้ดูโค้งมน ชุดไฟหน้าทรงเกือบกลม กระจังหน้าแบบปิดตามสไตล์รถไฟฟ้า ที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยลมระบายความร้อนเครื่องยนต์ มีเส้นสีดำคาดเชื่อมระหว่างไฟหน้า ขณะที่ตรงกลางแปะโลโก้ตัว “V”

กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวถพร้อมไฟเลี้ยว

ไฟท้ายทรงเกือบกลมล้อไปกับไฟหน้า

ล้อแม็กแบบปิดทึบแต่งด้วยแผ่นปิดสีเดียวกับตัวรถเช่นกัน ขนาด 13 นิ้วพร้อมยาง 155/65

ภายในห้องโดยสารดีไซน์ล้ำสมัยแต่เน้นความเรียบง่าย คอนโซลแบบมินิมอล พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น เรือนไมล์และจอตรงกลางเชื่อมต่อถึงกัน โดยจอแสดงข้อมูล MULTI FUNCTION แบบ DOUBLE SCREEN ขนาดใหญ่

เกียร์แบบปุ่มกดวางอยู่ใต้ช่องแอร์บนแผงแดชบอร์ด

 

ตัวถังขนาดกะทัดรัด รุ่น 5 ประตู (กว้าง x ยาว x สูง) 1,499 x 3,380 x 1,610 ม.ม. ฐานล้อ 2,440 ม.ม. น้ำหนัก 765 ก.ก.

ขณะที่รุ่น 3 ประตู (กว้าง x ยาว x สูง) 1,499 x 2,920 x 1,610 ม.ม. ฐานล้อ 1,980 ม.ม. น้ำหนัก 680 ก.ก.

ขุมพลังหากเทียบเคียงกับคู่แฝดที่จำหน่ายในประเทศจีน ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ล้อหลัง ในรุ่น 5 ประตู มอเตอร์ขนาด 34 kW กำลัง 46 แรงม้า แรงบิด 102 นิวตัน-เมตร

รุ่น 3 ประตู มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 30 kW กำลังสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิด 90 นิวตัน-เมตร

แบตเตอรี่ขนาด 16.5kWh ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (ไฟบ้าน 6 ชั่วโมง) วิ่งได้ไกลราว 200 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน หลักๆ เช่น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบวัดลมยางอัตโนมัติ (TPMS) ฯลฯ

การเข้ามาของ VOLT City EV แน่นอนว่าเพื่อซัดกับ Wuling Mini EV และ Pocco MM/DD รถไฟฟ้าขนาดเล็กจากจีนเหมือนกัน

แต่หากดูสเป๊กมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงการเป็นรถพวงมาลัยขวาจากโรงงาน ถือว่าได้เปรียบประมาณหนึ่ง

ราคาที่ประกาศว่าไม่เกิน 4 แสนบาท ถือว่าใกล้เคียงกับคู่แข่ง

เบื้องต้นพบว่าเตรียมเปิดศูนย์บริการรวม 28 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่

 

หากทำตลาดอย่างเต็มที่ บวกกับหน้าตาน่ารักหน้าชังของ VOLT City EV เชื่อว่าถูกใจผู้บริโภคชาวไทยไม่ยาก

เพราะปัจจุบันคนไทยจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์มากนัก

เห็นได้จากความสำเร็จของค่ายรถจีนรุ่นพี่ที่เข้ามาไทยก่อนหน้า อย่าง “เอ็มจี” และ “เกรทวอลล์ มอเตอร์” มีเสียงตอบรับอย่างน่าพอใจ

นอกจากนี้ รถไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากเกือบทุกค่ายรถของไทยโดดลงมาเล่น หรือมีแผนเตรียมแนะรถไฟฟ้ารุ่นใหม่เข้ามาต่อเนื่อง

บวกกับราคาน้ำมันที่แพงมายาวนาน แม้ตอนนี้ราคาเริ่มหล่นลงบ้าง แต่เชื่อว่าคนใช้รถจำนวนไม่น้อยเข็ดขยาดกับราคาระดับเกือบๆ 2 ลิตร/ร้อย ของแก๊สโซฮอล์

ยิ่งเมื่อภาครัฐสนับสนุน รวมกับเอกชนและรัฐวิสาหกิจ เร่งเครื่องขยายสถานีชาร์จให้ครอบคลุม เพียงพอต่อความต้องการ

จึงเป็นแรงผลักให้รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น

 

ปิดท้ายกันที่ความสำเร็จด้านยอดขายของค่าย “มาสด้า” ที่ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จต่อเนื่อง นับจากแนะนำเทคโนโลยีสกายแอ๊คทีฟ และการออกแบบโคโดะ ดีไซน์ ที่โดนใจคนทั้งโลกรวมถึงเมืองไทย

บวกกับการทำแคมเปญโปรโมชั่นทีเด็ดมาตลาด ล่าสุดคือแพ็กเกจพิเศษ ฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่ นานสูงสุด 5 ปี

ครึ่งปีแรกของ 2565 มาสด้ายังผงาดกวาดยอดขายรวม 20,117 คัน เติบโต 6.4%

เป็นรถยนต์นั่ง จำนวน 12,111 คัน

แบ่งเป็นรถมาสด้า 2 จำนวน 11,242 คัน

มาสด้า 3 จำนวน 866 คัน

รถสปอร์ตเปิดประทุน มาสด้า MX-5 จำนวน 3 คัน

ขณะที่รถครอสโอเวอร์เอสยูวี มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,496 คัน

แบ่งเป็น มาสด้า CX-30 จำนวน 3,869 คัน

มาสด้า CX-3 จำนวน 2,792 คัน

มาสด้า CX-5 จำนวน 421 คัน

มาสด้า CX-8 จำนวน 414 คัน

และรถปิกอัพ มาสด้า บีที-50 สร้างยอดขายได้ 510 คัน

ส่วนตลอดปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 45,000 คัน •