มนุษย์ 2 ขีด / ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ : หนุ่มเมืองจันท์

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์

www.facebook.com/boycitychanFC

 

มนุษย์ 2 ขีด

 

และแล้วผมก็ไม่รอด…

หลังจากผ่านมาหลายวิกฤติแบบไม่น่ารอด ชนิดที่ใครรู้ใครเห็นก็สงสัยว่ารอดมาได้อย่างไร

ครั้งแรก ไปจันท์ ผมยืนคุยกับ “เก่ง” น้องชายในสวนนานพอสมควร

คุยเสร็จ เขาลืมของ กลับไปเอาของที่บ้าน

นึกยังไงไม่รู้ คงไม่ค่อยสบาย ก็เลยตรวจ ATK

เรียบร้อยครับ

2 ขีด

แต่ผมรอด

ครั้งที่สอง ไปงานที่โคราช นั่งกินโต๊ะจีนกัน

น้องที่เป็นแฟนหนังสือนั่งคุยด้วย

นั่งติดกัน คุยกันอย่างเมามันนานเป็นชั่วโมง

ตอนเช้า เขาตรวจ ATK

2 ขีด

แต่ผมรอด

ครั้งที่สาม มีงานเลี้ยงตอนกลางคืน

ดนตรีเสียงดัง เวลาคุยต้องตะโกนใส่กัน

น้องคนหนึ่ง ดีกรีได้ที่กอดคอผมคุยกึ่งตะโกนใส่กัน

ลมจากปากผ่านจมูกผมอย่างรู้สึกได้

คิดในใจว่าถ้าไอ้คนนี้ติดโควิด ผมไม่มีทางรอด

อีก 2 วัน เขาแจ้งมาว่า 2 ขีดเรียบร้อย

แต่ผมรอด

เล่าให้ใครฟัง ทุกคนบอกว่าผมดวงแข็งมาก

มีบางคนอยากขอรูป

กะเอาไปทำเหรียญห้อยคอ

“หลวงพ่อตุ้ม”

รุ่นป้องกันโควิด

แต่ไม่ว่าใครจะชื่นชมความโชคดีของผมอย่างไร

ผมรู้สึกลึกๆ ว่ายังไงก็คงไม่รอด

เพราะช่วงหลังๆ คนรอบตัวติดกันเยอะมาก

และผมไม่ใช่คนที่ระมัดระวังตัวอะไรมากนัก

การใช้ชีวิตในแต่ละวันก็เหมือนกับการเดินผ่านสนามที่มีกับระเบิดฝังอยู่

ไม่รู้ว่าวันไหนจะตูมขึ้นมา

 

และแล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมก็เหยียบกับระเบิด “โควิด”

ไปงานเลี้ยงหนึ่งที่ทุกคนตรวจ ATK ก่อนเข้างานมาแล้ว

ถือเป็นมาตรการป้องกันที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้

จบงานเลี้ยงแค่วันเดียว ก็เริ่มมีคนที่ไปงานบอกว่าติดโควิด

ผมก็เริ่มเสียวๆ แล้ว

แต่ประสบการณ์การรอดมา 3 ครั้ง ทำให้อดคิดในแง่ดีไม่ได้ว่าก็คงโชคดีรอดเหมือนเดิม

ผมมีโปรแกรมไปจันท์อยู่แล้ว

จองที่พักไว้ 2 คืน

วันที่ 2 หลังจากงานเลี้ยง ผมตื่นมาตอนเช้า รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว

รีบตรวจ ATK

1 ขีด

นั่งรถไปก็ยังไม่ค่อยดีขึ้น

แวะปั๊มกินข้าวช่วงเที่ยง

ตรวจ ATK ซ้ำอีกที

ก็ยัง 1 ขีด

ถึงจันท์ แวะเข้าสวนก่อนเลย

ดูสวน คุยงานกับคนสวนประมาณ 2 ชั่วโมง

เหงื่อท่วมตัว

รู้สึกโล่งสบาย

คิดว่ารอดแล้ว

กลับเข้าที่พัก อาบน้ำเสร็จ กลับรู้สึกตัวอุ่นๆ

ตรวจ ATK อีกที

เรียบร้อยครับ

2 ขีด

ผมแปลงกลายเป็น “มนุษย์ 2 ขีด” ในบัดดล

คืนนั้น อาการไม่มีอะไรมาก แค่จับไข้นิดหน่อย

ยังหลับได้สบาย

วันรุ่งขึ้น เช็กเอาต์กลับ กทม.เลยครับ

ตอนเช็กเอาต์ บอกพนักงานแบบเกรงใจว่าติดโควิด

ขอโทษน้องๆ ว่าคงต้องทำความสะอาดห้องพักหน่อยนะ

เรื่องยาต่างๆ ผมเตรียมพร้อมไว้แล้วตั้งแต่ “ออม” หลานสาวติดโควิดครั้งก่อน

ซื้อยาให้ “ออม” ชุดหนึ่ง

ซื้อให้ตัวเองชุดหนึ่งด้วย

มีน้องที่รู้จัก พอรู้ว่าติดโควิด เธอรีบส่งยาโมลนูพิวาเรียร์มาให้

ยาตัวนี้เป็นตัวเดียวกับที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” กินตอนเป็นโควิด

แต่ตัวที่ผมกินเป็นยาที่ผลิตจากเวียดนาม

หลังจากกินได้ 2-3 วัน กระทรวงสาธารณสุขออกคำเตือนให้ระวัง เพราะควรจะให้แพทย์เป็นคนให้ยา

ผมเชื่อว่าหลายคนพอฟังแล้วคงยิ้มๆ

ทุกคนรู้ว่าตัวเขาไม่ได้ “อ้วน” เหมือนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

โอกาสจะได้รับยาโมลนูพิวาเรียร์คงยาก

กลับมาถึงบ้าน ผมกักตัวอยู่ในห้อง

ภรรยาและลูกส่งข้าวส่งน้ำให้ทุกมื้อ

อาการไข้ของผมก็ไม่ได้สูงอะไร แค่ไม่สบายตัว

ผ่านไป 2 วันก็ไม่ต้องกินพาราฯ แล้ว

เจ็บคอก็นิดหน่อย

อาการไอก็ประมาณ ไอ เลิฟ ยู

ไม่ได้หนักขนาดนอนไม่ได้

ยังกินอาหารได้ปกติ

ต่อมรับรสทำงานได้

เทียบกับเพื่อนๆ แล้วถือว่า “หลวงพ่อตุ้ม” ยังศักดิ์สิทธิ์ใช้ได้

ผ่านไป 5 วัน ตรวจ ATK

2 ขีดก็เริ่มจางๆ

วันที่ 6 เหลือขีดเดียว

แต่ยังเหลืออาการไอคงค้างอยู่

และต้องเฝ้าระวังว่าจะเจอ “ลองโควิด” หรือเปล่า

…เพี้ยง

 

ตอนที่รู้ว่าติดโควิด

ผมพยายามมองโลกในแง่ดี

หาแง่งามจากการติดโควิดครั้งนี้

แล้วผมก็นึกถึงคำที่ “อมร” เคยปลอบใจเพื่อนที่ติดโควิดเมื่อเดือนที่แล้ว

เขาบอกว่าติดช่วงนี้ดีกว่าช่วงแรกมาก

เพราะเชื้อรุ่น BA.4 BA.5 อ่อนกว่า “เดลต้า” มาก

ส่วนใหญ่จะหายภายในไม่กี่วัน

ไม่เหมือน “เดลต้า” ที่มีโอกาสเสียชีวิตสูง

“แต่ที่ดีที่สุด ติดโควิดตอนนี้เราไม่ต้องแจ้งไทม์ไลน์ว่าไปไหนมาบ้าง” หนุ่มมรบอก

สำหรับเขา “ไทม์ไลน์” น่ากลัวกว่า “โควิด”

“แค่นี้ก็คุ้มแล้ว อย่าคิดอะไรมาก”

เป็นคำให้กำลังใจของ “อมร” ครับ •