เอฟเฟ็กต์ ‘สูตรหาร 500’ พรรคเล็ก-จิ๋ว ยังหืดจับ เพื่อไทยจ่อ ‘แตกแบงก์’ แลนด์สไลด์ยิ่งกว่าเดิม?!?/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

เอฟเฟ็กต์ ‘สูตรหาร 500’

พรรคเล็ก-จิ๋ว ยังหืดจับ

เพื่อไทยจ่อ ‘แตกแบงก์’

แลนด์สไลด์ยิ่งกว่าเดิม?!?

 

สัญญาณตรงจากผู้มีอำนาจส่งถึง ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว. โหวตเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างน้อยที่เสนอใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 500 แทนที่จะหาร 100 ตามที่กรรมาธิการเสียงข้างมากเสนอ

สะท้อนถึงความหวาดหวั่นกระแสพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่กำลังมาแรง ทั้งจากผลเลือกตั้งใน กทม. จนมาถึงผลสำรวจนิด้าโพล

ภายใต้ระบบคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 นี้ พรรคการเมืองที่ชนะระบบเขตมาก จะได้บัญชีรายชื่อน้อย ส่วนพรรคที่แพ้ระบบเขต หากมีคะแนนในบัตรใบที่สองมาก จะได้รับการจัดสรร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อมาก

ด้วยเหตุนี้หลายคนฟันธงตรงกัน คนกดปุ่มสั่งการจากทำเนียบรัฐบาลให้ ส.ส.-ส.ว.โหวตหนุนสูตร 500 หาร ก็เพื่อดับฝันร้ายของตัวเอง สกัดพรรคใหญ่ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้แลนด์สไลด์

ขณะเดียวกันก็เป็นการซื้อใจพรรคเล็ก แลกเสียงโหวตสนับสนุนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้น 19-22 กรกฎาคมนี้ เจตนาเพียงเพื่อสนองความต้องการสืบทอดอำนาจ

แต่การพลิกสูตรหาร 100 เป็นหาร 500 ของผู้มีอำนาจจะเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ ยังต้องจับตาไปยังท่าทีของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสุดท้ายคือคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้เริ่มมีเสียงวิเคราะห์ บรรดาพรรคเล็กและพรรคกลางก็เริ่มมองเห็น ว่าแท้ที่จริงสูตรหาร 500 อาจมิได้เอื้ออำนวยต่อการคำนวณเสียง และจัดสรรปันส่วนการได้มาซึ่ง ส.ส.ของพรรคเล็กพรรคจิ๋ว อย่างที่เคยเป็นมาในการเลือกตั้งปี 2562

แตกต่างกับฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่ได้เปรียบด้านกระแสความนิยม และการวางกลยุทธ์รับมือเกมฝ่ายอำนาจ

ไม่ว่าการแตกแบงก์พัน หรือตั้งเป้ากวาดคะแนนรวม 18 ล้านเสียง

ความฮึกเหิมของพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ยิ่งทำให้พรรคเล็ก รวมถึงพรรคขนาดกลาง เริ่มไม่เป็นเอกภาพทางความคิด

 

ขั้นตอนต่อไปของร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ต้องส่งไปยัง กกต. ในฐานะองค์กรที่เกี่ยวข้องพิจารณาตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากเป็นร่างกฎหมายที่ กกต.ส่งมายัง ครม. ซึ่งรัฐสภาก็ได้รับร่าง ครม.เป็นร่างหลัก

ดังนั้น ต้องรอดูว่า กกต.จะคิดเห็นประการใด เห็นว่าชอบหรือไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือขอให้แก้ไข จากนั้นส่งเรื่องกลับมายังรัฐสภา เพื่อมีมติให้เป็นไปตามการแก้ไขของ กกต. หรือไม่แก้ไข

รัฐสภาสามารถยืนยันสูตรหาร 500 ได้ จากนั้นส่งให้นายกรัฐมนตรีเก็บร่างกฎหมายไว้ 5 วัน ระหว่างนั้น ส.ส.หรือ ส.ว. 1 ใน 10 สามารถเข้าชื่อเสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้

แต่หากไม่มีคนยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ถ้ามีคนยื่นก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญ

พรรคเพื่อไทยยืนยันจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด ว่าการใช้สูตรหาร 500 แบบจัดสรรปันส่วนผสมแบบบัตร 2 ใบ และการคำนวณ ส.ส.แบบพึงมีนั้น ขัดรัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2564 หรือไม่

นอกจากนี้ พรรคยังจะใช้กลไกผ่านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง

รวมทั้งร้องผ่าน กกต. กรณีใช้ความเป็นคนนอกครอบงำชี้นำพรรคการเมือง

ทั้งนี้ พรรคจะยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหลังการอภิรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น เพราะข้อกล่าวหาที่จะยื่นร้องต่อศาลเป็นข้อกล่าวหาเดียวกับที่จะใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจ

นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังได้วางหมากแก้เกมสูตรหาร 500 เตรียมเผื่อไว้เช่นกัน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ระบุถึงแนวทาง “แตกแบงก์พัน” ตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทย ขึ้นมาอีก 1 พรรค ส่งบุคคลที่ต้องการ ใส่ใน ส.ส.บัญชีรายชื่อให้เต็ม แล้ววางกลไกรณรงค์หาเสียงในระบบ ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างเดียว

อีกแนวทางหนึ่งคือ ต่อสู้ให้ได้ ส.ส.แบบเขตมากที่สุด โดยไม่ต้องตั้งพรรคใหม่ หรืออีกวิธีหนึ่งคือ สู้ในนามพรรคเพื่อไทยเอาให้ได้ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ ตั้งเป้าให้ประชาชนเลือกในระบบบัญชีรายชื่อให้ได้ 18 ล้านเสียง

เป็น 18 ล้านเสียงที่ต้องการสั่งสอนระบอบที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย รวมถึงกระแสฝ่ายประชาธิปไตยที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น

 

ผ่านไปไม่นานหลังรัฐสภามีมติ พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคเล็กเริ่มมองเห็นปัญหาว่า สูตรหาร 500 ไม่ส่งผลดีกับตัวเองนัก โอกาสสูญพันธุ์ในการเลือกตั้งครั้งหน้ายังมีอยู่

พรรคไทรักธรรม ซึ่งมี ส.ส.บัญรายชื่อ 1 คน ลงมติหนุนใช้สูตรหาร 100 เพราะทำได้ง่าย ส่วนสูตรหาร 500 ไม่ทราบจะคำนวณอย่างไร ไม่ง่ายและเป็นไปไม่ได้

แต่ถึงที่สุดแล้วไม่ว่าสูตรหาร 100 หรือ 500 ก็เป็นเรื่องยากสำหรับพรรคเล็ก มีโอกาสความหวังน้อยที่จะได้ ส.ส. 1 คน ที่สำคัญสูตรหาร 500 จะยิ่งทำให้การเมืองหลังเลือกตั้งวุ่นวายสับสน

พรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีแกนนำพรรค กล่าวตรงไปตรงมาว่า สูตรหาร 500 ทำให้พรรคตนเองเสียเปรียบ การนำ ส.ส.พึงมีและหักเอาพื้นที่เขตออก ส่งผลลบต่อพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กที่ชื่อเสียงยังไม่เป็นที่รับรู้ของประชาชน อาจไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเลย

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย วิเคราะห์ผลพวงสูตรหาร 500 ว่า ก้าวไกลอาจเป็นพรรคที่ได้ประโยชน์จากระบบนี้มากที่สุด อาจมี ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 30 คน

ส่วนเพื่อไทยแม้จะได้บัญชีรายชื่อน้อย แต่จะไม่ถึงกับเป็นศูนย์ เพราะเลือกตั้งคราวก่อนเป็นระบบบัตรใบเดียว และเพื่อไทยส่งผู้สมัครเพียง 2 ใน 3 ของจำนวนเขตทั้งหมด หากคราวนี้ส่งครบ 400 เขต น่าจะมี ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวนหนึ่ง

สำหรับพรรคเล็กพรรคจิ๋ว อย่าเพิ่งคิดว่าจะได้อานิสงส์จากระบบนี้ เนื่องจากเค้กก้อนเล็กลง

แม้คะแนนเฉลี่ยเบื้องต้นประมาณ 70,000 แต่การคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อจากทุกพรรครอบแรก จะเกินจำนวน 100 คน ดังนั้น ต้องใช้บัญญัติไตรยางศ์เพื่อปรับให้ลงมาเป็นร้อยคน คะแนนต่ำสุดจึงอาจสูงขึ้น

อาจต้องมีคะแนนเกือบ 100,000 เสียง จึงจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน

 

สิ่งหนึ่งที่อาจทำให้สูตรหาร 500 ไม่บรรลุผลในการสกัดเพื่อไทยแลนด์สไลด์

ก็คือกระแสความนิยมต่อรัฐบาลที่อยู่ในช่วง “ขาลง” ต่อเนื่องจากการเลือกตั้งใน กทม. มาถึงกรณีนิด้าโพล และล่าสุดผลเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 ลำปาง ที่พรรคเศรษฐกิจไทย พ่ายแพ้ให้กับพรรคเสรีรวมไทย

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ยอมรับว่า เหตุที่พ่ายแพ้เพราะพรรคมีจุดยืนไม่ชัดเจน ว่าอยู่ฝ่ายรัฐบาล หรืออยู่กับฝ่ายค้าน ทำให้ประชาชนสับสน หลังจากนั้นวันเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัสก็ประกาศนำพรรคตัดขาดจากรัฐบาลทันที ไปอยู่กับฝ่ายค้านเต็มตัว เพื่อความชัดเจนในจุดยืนทางการเมือง

สอดรับท่าทีกลุ่ม 16 ส.ส.พรรคเล็ก ที่เริ่มเอาใจออกห่างจากรัฐบาล ด้วยมองว่าผลเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง สะท้อนชัดเจนว่าประชาชนเลือกข้างฝ่ายค้าน ไม่เอาฝ่ายรัฐบาล

ในสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้แก้ไขกติกาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 พรรคเล็กก็ยังลำบาก เพราะถึงอย่างไรประชาชนก็ตัดสินใจแล้วว่า ไม่เลือกพรรคที่อยู่กับฝ่ายรัฐบาล

“ต่อให้เปลี่ยนกติกาเป็นสูตรหาร 500 พรรคเล็กก็ยังลำบากมาก ไม่ต้องคิดไปถึง 7 หมื่นคะแนน เอาแค่ 4-5 หมื่นคะแนนก็ยังลำบากในสถานการณ์ที่ประชาชนเลือกอยู่ขั้วฝ่ายค้าน”

“เท่าที่คุยกันเบื้องต้นโอกาสไปต่อของรัฐบาลคงลำบาก พรรคเล็กคงต้องทบทวนท่าทีให้ดีถึงการอยู่ร่วมรัฐบาลต่อในขณะนี้” นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ หัวหน้ากลุ่ม 16 ส.ส. ระบุ

 

อีกความเห็นน่าสนใจ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ที่เชื่อว่าสูตรหาร 500 ไม่สามารถใช้สกัดพรรคเพื่อไทยไม่ให้แลนด์สไลด์ได้

เพราะในทางการเมืองไม่มีใครเป็นเป้านิ่ง ถ้าไปวางหลักให้ใช้การหาร 500 ก็จะทำให้เกิดกระบวนการที่เราไม่อยากให้มีคือ กระบวนการแตกแบงก์พัน

การหาร 500 ไม่ส่งผลกระทบกับพรรคเพื่อไทย จึงไม่อยากให้การแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญทำไปเพื่อประโยชน์พรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ควรแก้บนหลักการที่ว่า

การใช้ระบบบัตรเลือกตั้งสองใบเพราะต้องการให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็งขึ้น ลดอิทธิพลการซื้อเสียงลง ตัดประเด็นเรื่องปัดเศษ และการแตกแบงก์พันออกไป เพราะเป็นเรื่องบิดเบี้ยวในกระบวนการทางการเมือง

แต่เมื่อแก้กลับไปสู่จุดนั้นอีก พรรคการเมืองก็มีสิทธิ์แตกแบงก์พัน ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่สามารถสกัดเรื่องแลนด์สไลด์ที่กลัวกันได้

“วันนี้ถ้าเกิดกรณีแตกแบงก์พัน ก็มีความชอบธรรม เพราะเราไปแก้กฎหมายให้เขาแตกแบงก์พัน และเข้าใจว่าคนที่คาดหวังว่าจะทำให้เขาไม่ได้รับคะแนนเสียงแลนด์สไลด์ กลับไปทำให้เขามีคะแนนเสียงแลนด์สไลด์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากคะแนนบัญชีรายชื่ออันดับ 1 อันดับ 2 อันดับ 3 อาจเป็นพรรคที่สร้างชื่อเสียงของพรรคเองได้สูงลงมาตามลำดับได้” นายชินวรณ์กล่าว

ถึงแม้ร่างกฎหมายจะต้องส่งกลับไปให้ กกต.พิจารณาอีกครั้ง และเมื่อส่งกลับมาก็ต้องดูว่ารัฐสภาจะยังยืนยันใช้สูตรหาร 500 หรือไม่ แต่สุดท้ายทุกอย่างต้องไปจบในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ

โอกาสความเป็นไปได้ที่ผู้มีอำนาจจะเปลี่ยนใจ จนส่งผลให้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพลิกกลับอีกตลบ หรือไม่

นับเป็นประเด็นน่าติดตามด้วยความระทึกใจอย่างยิ่ง