ผ่าคดีปล้นเสี่ยสิงคโปร์ ชิงทรัพย์ปอร์เช่หรู 4 ล้าน ตะลึง ตร.ร่วมขบวนด้วย ‘2 ไฮโซดัง’ โต้เข้าใจผิด/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

ผ่าคดีปล้นเสี่ยสิงคโปร์

ชิงทรัพย์ปอร์เช่หรู 4 ล้าน

ตะลึง ตร.ร่วมขบวนด้วย

‘2 ไฮโซดัง’ โต้เข้าใจผิด

 

เป็นประเด็นฮือฮาที่อยู่ในความสนใจของสังคมขึ้นมาทันที เมื่อไฮโซหนุ่มคนดัง ทายาทไลฟ์โค้ชชื่อดัง ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต ถูก ตร.สน.ห้วยขวางบุกจับกุมคาบ้านพักหรูพร้อมเพื่อน

พร้อมแจ้งข้อหาหนัก คือปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ

โดยเหยื่อที่ถูกก่อเหตุคือนักธุรกิจหนุ่มชาวสิงคโปร์ ที่เป็นเพื่อนร่วมก๊วนกันนี่เอง พร้อมเอาทรัพย์สินทั้งเงินสด รถยนต์ปอร์เช่รุ่นคาเยนน์ และทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่งมูลค่ากว่า 4.5 ล้านบาท

นำมาซึ่งการออกหมายจับ และการบุกควบคุมตัว

ขณะที่ข้อเท็จจริงอีกฟากจากฝ่ายไฮโซหนุ่ม ระบุว่าเรื่องราวนี้มีข้อเท็จจริงที่ซับซ้อนอยู่อีกมาก

ปฏิเสธว่าเป็นการปล้นทรัพย์ แม้จะอยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วยก็ตาม แถมแฉกลับอีกว่านักธุรกิจคนนี้ติดเงินไฮโซหนุ่มนับล้านบาทเช่นกัน

พร้อมยื่นประกันตัวออกมาสู้คดี ยันฟ้องกลับฐานทำให้เสียหายอย่างแน่นอน

จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามว่าข้อเท็จจริงของเรื่องดังกล่าวจะเป็นอย่างไร

จับถึงบ้าน

จับไฮโซหนุ่มแก๊งปล้นสิงคโปร์

กลายเป็นข่าวฮือฮาขึ้นมาทันที เมื่อมีข่าวเปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ชุดตำรวจสืบสวน สน.ห้วยขวาง บุกจับกุมนายธฤต ณ พัทลุง อายุ 26 ปี หรือไฮโซทะเล ลูกชายครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือครูอ้อย เข็มทิศชีวิต ที่คอนโดมิเนียมย่านลุมพินี และจับกุมนายเพชร บุญวงษ์ นักธุรกิจด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ และนายเพชร บุญวงษ์ อายุ 44 ปี CEO PRX Metaverse นักธุรกิจด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ คาบ้านพักหรูราคากว่า 10 ล้านบาท ย่านนาคนิวาส

โดยแจ้งข้อหา ร่วมกับพวกรวม 7 คน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ ใช้อาวุธปืนอุ้มนายหยาง ฮุย อายุ 32 ปี นักธุรกิจเทรดหุ้นชาวสิงคโปร์ จากสถานบันเทิงย่านเหม่งจ๋าย พร้อมยึดรถยนต์ปอร์เช่ รุ่นคาเยนน์ 1 คัน เงินสด และทรัพย์สินอื่นๆ รวมกว่า 4.5 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.ห้วยขวางทันที

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ ไฮโซทะเลและนายเพชรได้นัดให้ผู้เสียหายไปพบ เพื่อเจรจาเรื่องหนี้สินจำนวน 3 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหาติดค้างผู้เสียหายอยู่

แต่หลังเจรจากันเป็นเวลานาน กล้องวงจรปิดของร้านก็จับภาพไฮโซทะเลกับการ์ด เดินล็อกตัวผู้เสียหายออกไปเมื่อเวลา 04.00 น.ของวันที่ 23 มิถุนายน

จากนั้นพบ 1 ในผู้ต้องหา ขับรถยนต์ปอร์เช่ คาร์เยนน์ พร้อมทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่ง มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท หลบหนีไป

ก่อนที่จะนำตัวผู้เสียหายไปปล่อยทิ้งและนำเรื่องเข้าแจ้งความดำเนินคดี

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวทั้งคู่ไว้ที่ สน.ห้วยขวางก่อนผลัดกันสอบปากคำตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 10 กรกฎาคม โดยมีทนายความของไฮโซทะเลเข้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด

ขณะที่ทนายความชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความเข้าใจผิด เพราะไฮโซทะเลลงทุนธุรกิจกับนายหยาง นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ แสดงว่าทั้งคู่รู้จักกันเป็นอย่างดี

และที่ผ่านมา ไฮโซทะเลไม่รู้ตัวว่าถูกออกหมายจับ ส่วนที่กล่าวหาว่าร่วมกับพวกรวม 7 คน ก่อเหตุร่วมกันปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ ยืนยันว่าลูกความตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์

แต่ยอมรับว่ารู้จักกับผู้เสียหายชาวสิงคโปร์ และอยู่ร่วมกับเหตุการณ์นี้จริง ไม่มีแรงจูงใจที่จะก่อเหตุ เพราะลูกความของตัวเองมีธุรกิจ และมีทรัพย์สินมากกว่าของที่ถูกกล่าวหาว่าปล้นทรัพย์ไป จึงไม่จำเป็นต้องปล้นใคร

ในทางกลับกันผู้เสียหายชาวสิงคโปร์คนนี้เป็นลูกหนี้ของไฮโซทะเล 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขอกู้ยืมเพื่อไปทำธุรกิจเมื่อปีที่แล้ว โดยมีหลักฐานกู้ยืมถูกต้อง

เป็นคำชี้แจงจากฝั่งผู้ถูกกล่าวหา!!

ทนายโต้ข้อหา

ทยอยมอบตัว-มี ตร.ร่วมด้วย

ทนายความของไฮโซทะเล ยังระบุอีกว่า สำหรับรถยนต์ปอร์เช่ของผู้เสียหาย ที่อ้างว่าถูกนำไปนั้น ยืนยันว่ารถยนต์ไม่ได้อยู่กับลูกความตัวเอง มีเพียงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมูลค่าหลักหมื่นเท่านั้น แต่เป็นการหยิบยืมกัน และตั้งใจจะเอาไปคืนอยู่แล้ว

เชื่อว่าผู้เสียหายชาวสิงคโปร์พูดความจริงไม่หมด และกำลังพิจารณาว่าจะแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จ เพราะทั้ง 3 คนมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงในการทำธุรกิจ

พร้อมระบุอีกว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ รู้จักโดยผิวเผิน เพราะเคยไปเที่ยวด้วยกัน และมีเพียงลูกความของตนที่พูดภาษาอังกฤษได้ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัวคนที่เหลือมาสอบสวนขยายผล ดังนั้น จึงเชื่อว่าผู้เสียหายไม่มีเจตนาจะแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดนายเพชรและไฮโซทะเล แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้เสียหายชาวสิงคโปร์รู้จักเพียงแค่ 2 คนนี้เท่านั้น

สำหรับไฮโซทะเลค่อนข้างเครียด เพราะไม่ได้ทำแต่กลับถูกใส่ร้าย

“ความสัมพันธ์ของผู้กล่าวหากับทางผู้ต้องหานั้นเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมา 2-3 ปี กินเที่ยวด้วยกัน วันเกิดเหตุตามคลิป ก็เห็นชัดเจนว่าผู้ต้องหาไม่ได้ควบคุมตัวผู้กล่าวหา เพียงแค่เดินออกมาด้วยกันเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้กล่าวหายังไม่มีการติดต่อเข้ามา รวมถึงทางฝั่งเรายังไม่ได้ติดต่อไปแต่อย่างใด เรื่องในลักษณะนี้ไม่ทราบว่าจะสามารถหารือกันได้หรือไม่”

ต่อมาหลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จในช่วงบ่ายวันที่ 11 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ก็คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ไปฝากขังศาล ผัดแรก 12 วัน พร้อมคัดค้านการประกันตัว ระบุในสำนวนว่าเนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง อีกทั้งยังมีผู้ก่อเหตุอีก 5 คน ยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว

เกรงว่าหากผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้รับการประกันตัว อาจหลบหนีและเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงขอให้ศาลควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้

ต่อมามีผู้มอบตัวอีก 2 คน คือ พ.ต.ท.ทบทอง บุญ-หลง และนายกุลิสร์ บุตรวัตร

ฝากขัง2ไฮโซ

ศาลให้ประกัน 4 ผู้ต้องหา

ต่อมาในวันที่ 12 กรกฎาคม ศาลมีคำสั่งเรื่องขอปล่อยชั่วคราว ภายหลังดำเนินการไต่สวนคำร้องที่ 3 ผู้ต้องหา คดีใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์นายหยาง ฮุย นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ที่สถานบันเทิงย่านเหม่งจ๋าย

โดยศาลพิเคราะห์คำร้องขอฝากขัง เอกสารร้องขอหมายจับและทางไต่สวนแล้ว เห็นว่าคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่า ผู้ต้องหามีเหตุจะหลบหนี ก่อเหตุร้ายหรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 หรือไม่ ซึ่งพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวโดยเหตุผลเดียวว่าคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี

เมื่อพิเคราะห์พฤติกรรมแล้ว ไม่มีข้อเท็จจริงที่จะยืนยันหรือแสดงว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี ผู้ต้องหาทั้งสองมีภูมิลำเนาแน่นอน มีอาชีพการงานชัดเจน ผู้ต้องหาที่ 1 มีบุตรที่ยังเล็กและครอบครัว การหลบหนีน่าจะเป็นผลเสียหาย

ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 มีธุรกิจ ซึ่งการหลบหนีน่าจะกระทบต่อความเชื่อถือ และทางทำมาหาได้ในอนาคตของผู้ต้องหาที่ 2 กรณีมีเหตุในเบื้องต้นว่าความเสี่ยงที่ผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนีอยู่ในระดับปานกลาง จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ แต่เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองมีศักยภาพที่จะสามารถเดินทางจึงเห็นควรควบคุมด้วยมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้น

โดยให้เรียกหลักประกันเป็นเงินคนละ 1 ล้านบาท และให้สวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวมีกำหนด 90 วัน หากพนักงานสอบสวนหรือผู้ต้องหาทั้งสองมีเหตุจะให้ระยะเวลาเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงให้เสนอพยานหลักฐานต่อศาลเมื่อมีเหตุดังกล่าวในอนาคต และห้ามออกนอกประเทศ ให้แจ้งสํานักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ โดยเมื่อทำสัญญาเรียบร้อยแล้วให้ออกหมายปล่อยได้

ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 ศาลพิเคราะห์คำร้องขอฝากขัง เอกสารคำร้องขอหมายจับ ประกอบทางไต่สวนแล้ว เห็นว่าพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวด้วยเหตุเดียวว่าคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี

เมื่อข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนได้ความว่า ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานด้วยตนเอง ผู้ต้องหารับราชการเป็นตำรวจ มีตำแหน่งหน้าที่การงาน มีภูมิลำเนาที่แน่นอนอยู่มาเป็นเวลานาน ไม่น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีไปโดยง่าย จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ หากผิดสัญญาปรับ 500,000 บาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาติดต่อยุ่งเกี่ยวหรือเข้าใกล้ผู้เสียหายและครอบครัว

นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหารายที่ 4 ซึ่งศาลให้ประกันตัวเช่นกัน

ถือเป็นก้าวแรกของคดี ที่ต้องสืบสวนให้กระจ่างว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นอย่างไร

ใครบริสุทธิ์ย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่ใครทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน!!!