8 ปี มีอะไรให้จดจำ/เหยี่ยวถลาลม

เหยี่ยวถลาลม

 

8 ปี มีอะไรให้จดจำ

 

พลเมืองในสังคมประชาธิปไตยอาจไม่จำเป็นจะต้องชอบหรือไม่ชอบนักการเมืองคนไหนเป็นพิเศษ บางทีต้องว่ากันไปตามเนื้อผ้า ใครเป็นเช่นไร มีสาระ มีท่วงทำนองอย่างไร ในระบอบนี้จำกัดกรอบเวลาเอาไว้ “ให้เลือกใหม่” ตามวาระ มิพักต้องมาขอ สอพลอล่อหลอกว่าจะอยู่ทนอยู่นานหรือไม่นาน

เมื่อปี พ.ศ.2557 “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก่อรัฐประหาร ใช้ทางลัดทางการเมืองด้วยกำลังทหารและกำลังอาวุธของกองทัพ ทำหน้าที่ “ผู้นำ” ฝ่ายบริหารมาถึงวันนี้ 8 ปี

รัฐธรรมนูญใหม่ที่พรรคพวกร่างให้กำหนดเอาไว้ในมาตรา 158 ว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีไม่ได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่”

แต่แล้วจู่ๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ย “ประยุทธ์” ก็โพสต์คลิปวิดีโอยาวถึง 17 นาที ผ่านเฟซบุ๊กว่าด้วยเรื่อง “กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต” มีใจความหลักโดยสรุปคือ จะขอเวลาอยู่ต่ออีก 2 ปี

กลยุทธ์ 3 แกนคืออะไร

ประยุทธ์พูดออกมาได้ แกน 1 คือ “โครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดและบูรณาการมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย”

แกน 2 คือภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด ทั้งยานยนต์และอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องเชื่อมโยง

และแกน 3 คือภาคการธนาคารกับวิธีทำงานของธนาคารไทยจะสามารถกระตุ้นให้เกิดความมั่งคั่งรุ่งเรือง

ฟังนกแก้วนกขุนทองส่งเสียงร้องเสร็จเข้าใจได้ในทันที เหมือนกับที่ “บรรยง พงษ์พานิช” ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ภัทรโพสต์ในเวลาต่อว่า…ท่านไม่ได้รู้เรื่อง ไม่ได้เข้าใจในเรื่องที่พูดเลย (ใครเขียนให้วะ) อนิจจา…หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

กลับกลายเป็นกลยุทธ์ 3 แกนที่ “สุกเอาเผากิน”!

แกนที่ 1 ลอกการบ้านกันชัดๆ

แกนที่ 2 กำลังเป็นอุปสรรคไม่ใช่โอกาส จะมีปัญญารับมือหรือไม่

ส่วนแกนที่ 3 เป็นเรื่องของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งรัฐไม่อาจครอบงำ ควบคุม สั่งการ เช่นเดียวกับกลยุทธ์ธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ เป็นพัฒนาการของภาคเอกชนล้วนๆ

ในปี ค.ศ.2013 หรือปี พ.ศ.2556 ก่อนทหารก่อรัฐประหาร 1 ปี “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เคยนำเสนอ “ยุทธศาสตร์” อย่างเป็นระบบ เรียกว่า “สร้างอนาคตไทย 2020 : พลิกโฉมประเทศ”

ฝันกันว่า ค.ศ.2020 หรือในปี 2563 คนไทยจะมีรถไฟความเร็วสูงใช้ 4 เส้นทาง คือ 1.กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 2.กรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย 3.กรุงเทพฯ-หัวหิน-ปาดังเบซาร์ และ 4.กรุงเทพฯ-ระยอง ทั้งหมดนั้นตัดผ่าน 29 จังหวัด ใช้งบประมาณลงทุนเพียง 7 แสนกว่าล้านบาท

ถ้าทำตามแผน ประเทศไทยจะลดการสูญเสียจากน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่น้อยกว่าปีละ 1 แสนล้านบาท พร้อมกับต้นทุนโลจิสติกส์ก็จะลดลงไม่น้อยกว่า 2%

ในปี 2556 “ชัชชาติ” ได้กล่าวถึงการมุ่งสู่ “ยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ 3 ด้าน” (ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ 3 แกน)

1. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งทางถนนสู่การขนส่งที่ต้นทุนต่ำกว่าด้วยโครงข่ายทางรถไฟ ทางน้ำ และชายฝั่งหลากหลายรูปแบบ

2. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไปสู่ศูนย์กลางทุกภูมิภาคทั่วประเทศและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นประตูสู่การค้าระหว่างประเทศ

และ 3. พัฒนาเชื่อมโยงระบบขนส่งเขตเมืองด้วยระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนใน กทม.และปริมณฑล 10 สายทาง เพื่อเชื่อมโยงกับพื้นที่เศรษฐกิจหลักภายในประเทศที่มีกิจกรรมด้านเกษตร การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว

แต่อนิจจา…ทั้งหมดต้องสะดุดหยุดลงด้วยวาทกรรม “ให้ถนนลูกรังหมดไปจากประเทศไทยก่อน”!

 

ปีถัดมา “ประยุทธ์” กับพวกก็ทำรัฐประหารพร้อมโฆษณาชวนเชื่อว่า…เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาไม่นาน

ประยุทธ์อยู่มาแล้ว 8 ปี วันนี้ยังจะขอไปต่อ

“กล้าขอ” ไม่เหมือนกับ “กล้าหาญ”

“ประยุทธ์” ไม่เหมือนกับ “ชัชชาติ”!

“ชัชชาติ” กล้าหาญ กล้านำการเปลี่ยนแปลงตามวิถีทาง “สันติวิธี” ไม่มีท่วงท่าข่มขู่คุกคาม ชัชชาติเคยเป็นอาจารย์มาก่อน มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในขั้นเลิศ มีระบบความคิดที่เปิดกว้าง มีความเป็นอิสระ ปรับตัวเข้ากับยุคสมัย เริ่มต้น “งานเมือง” ด้วยการประกาศว่า ทำงาน-ทำงาน-ทำงาน เป็นคนที่มีพลังล้นเหลือ ทุ่มเทให้กับสิ่งที่พูดและลงมือทำ ไม่มีผลประโยชน์ซ่อนเร้นแอบแฝง ขนาดของหัวใจใหญ่พอที่จะไม่โยนความผิดให้ผู้อื่น

ที่สำคัญคือ มาจาก “เสียงประชาชน” ที่ออกเสียงคนละ 1 เสียง

ส่วน “ประยุทธ์” นั้นเริ่มจากชักชวนคณะรัฐบาลให้ไปนั่งในห้องประชุม ที่สโมสรกองทัพบก และเมื่อทุกคนตกอยู่ในวงล้อม ผู้นำเหล่าทัพก็ใช้กำลังรบและกำลังอาวุธเข้ายึดอำนาจ

ทำเหมือนกับเชลยศึก เอาปืนจี้ ใช้ผ้าปิดตา ถุงดำคลุมหัว แล้วหิ้วตัวขึ้นรถพาไปกักขังไว้ตามค่ายทหาร

“ประยุทธ์” เป็นผู้นำร่ายรำมา 8 ปี ดีแต่โทษปี่โทษกลอง ทำตัวเป็นแผ่นเสียงตกร่อง เก็บอารมณ์ขุ่นคลั่กฉุนเฉียวไม่อยู่ พูดจาไม่รู้ความ งัดทุกกลไกออกมาใช้ ไล่มาตรากฎหมายเล่นงาน

ประยุทธ์กับชัชชาติเป็นภาพที่ตัดกัน!

 

ประยุทธ์โพสต์เชิญชวนคนไทยให้ร่วมมือกันต่อสู้กับความยากจนและสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรง ใครจะเชื่อ อยู่มา 8 ปี ช่องว่างระหว่างรวยกับจนมีแต่จะห่างขึ้น ภายใต้การนำของรัฐบาลประยุทธ์รวยกระจุก จนกระจาย ความเหลื่อมล้ำรุนแรง เศรษฐกิจเสื่อมทรุด ค้าขายลำบาก

ระบอบประชาธิปไตยปลอมๆ ไม่ใช่ทางออก!

ประเทศต้องการพัฒนา ถ้าไม่สมคบคิดกันล้มกระดานเมื่อ “22 พฤษภาคม 2557” ในปี 2563 หรือ 2020 คนไทยก็ได้ใช้รถไฟความเร็วสูงทุกทิศทุกภาค โครงข่ายการคมนาคมและโลจิสติกส์ของประเทศจะพลิกโฉม

แต่ประเทศไทยมีจุดเน่าเสียตรงที่ปล่อยให้ “นักเลงโต” ฉีกรัฐธรรมนูญกันจนเป็นจารีต

แม้ในวันนี้ ปีนี้ หรือในอนาคตก็เชื่อเถอะว่า ยังคงจะมีคนกล้าปล้นชิงอำนาจรัฐด้วยอาวุธอีก

“รัฐประหาร” ยังเกิดขึ้นได้อีก เกิดขึ้นอีก และเกิดขึ้นอีกต่อไปได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังไม่ดำเนินคดีหรือลงโทษประหารชีวิตนักรัฐประหาร!?!!